Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1797 ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์? ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao
- ตอนที่ 1797 ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์? ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
ฟู่ตงเสวี่ยสูดหายใจลึกและรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว
หานลั่วถูกสังหารที่เมืองหลีเฮิ่น ซึ่งเป็นอาณาเขตของตระกูลฟู่
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลฟู่จะผลักความรับผิดชอบออกไปได้อย่างสมบูรณ์ บางทีทางตระกูลหานอาจจะก่อสงครามกับตระกูลฟู่อย่างเต็มรูปแบบเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เขาจะพูดอะไรออกไปได้?
อีกฝ่ายคือปรมาจารย์ห้ารากฐานที่ทรงพลัง ต่อหน้าตัวตนระดับนี้ พลังที่เขามีย่อมไร้ค่าและไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อย
สุดท้ายแล้วหลิงฮันคือใครกันแน่? เหตุใดเขาถึงได้ถูกเพ่งเล็งโดยขุมอำนาจระดับสามดาวที่ทรงพลังถึงสองขุมอำนาจ แถมยังเป็นต้นเหตุให้ตัวตนระดับขอบเขตอมตะเสียชีวิตด้วย
ฟู่ตงเสวี่ยกล่าวออกไป “แม่นาง ข้าขอตัวไปตรวจสอบข้อมูลของคนที่เจ้าตามหาสักครู่” เสียงของเขาแผ่วเบาลงโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตัวตนระดับห้ารากฐานนั้น ต่อให้เป็นในตระกูลฟู่ก็มีอยู่เพียงคนเดียว!
ฟู่ตงเสวี่ยเหาะเหินกลับไปในเมืองย่อยหลีเทียน และรีบสั่งการให้คนไปสืบหาข้อมูลของหลิงฮันทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ได้แจ้งเหล่าตัวตนระดับสูงของตระกูลไปด้วยว่า ณ เวลานี้ได้มีปรมาจารย์ระดับห้ารากฐานบุกมายังตระกูลฟู่ ซึ่งเขาเพียงคนเดียวไม่อาจรับมือได้
เวลาผ่านไปไม่นาน ร่างของปรมาจารย์ที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บางคนเปิดเผยใบหน้าชัดเจน ในขณะที่บางคนมีอำนาจผันผวนปกคลุมรูปลักษณ์เอาไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง
ในตระกูลฟู่มีตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะอยู่เก้าคน โดยคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือฟู่เสินปิงที่เป็นประมุข เขามีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุสามสิบปี ซึ่งแน่นอนว่าเขาเป็นคนจงใจทำให้ตัวเองดูมีอายุ เพราะไม่งั้นรูปลักษณ์ของเขาคงอยู่ในช่วงยี่สิบปีเท่านั้น
ฟู่เสินปิงจ้องมองสำรวจสตรีชุดเกราะและสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ก้นบึ้ง เกรงว่าหากมีการปะทะกันเกิดขึ้น เขาคงไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ข้อมูลของหลิงฮันก็ถูกส่งมา
ปรมาจารย์ทั้งเก้าใช้สัมผัสสวรรค์รับฟังและเผยสีหน้าประหลาดใจ
ปัญหาต่างๆที่หลิงฮันเคยก่อไว้นั้นนับว่าน่าตกตะลึงไม่น้อย แต่หากจะบอกว่าการกระทำเหล่านั้นรุนแรงถึงขนาดทำให้ขุมอำนาจระดับสามดาวถึงสองแห่งต้องลงมือเอง ก็ดูเหมือนจะเกินจริงไปหน่อย
และที่น่าแปลกคือพวกเขานึกไม่ออกแม้แต่น้อยว่า สตรีชุดเกราะตรงหน้านี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด
บนอานนั่งหลังมังกรอินทรีมีสัญลักษณ์ปลาและนกสลักเอาไว้ก็จริง แต่พวกเขาก็จำไม่ได้เลยว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของขุมอำนาจใด
“ต้องขออภัยด้วย ณ เวลานี้หลิงฮันได้มุ่งหน้าไปยังเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงแล้ว” ฟู่ตงเสวี่ยกล่าวบอกความจริงออกไป และด้วยการที่ตอนนี้ประมุขของเขาได้มายืนอยู่เคียงข้าง ความมั่นใจของเขาจึงกลับมา
สตรีชุดเกราะครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าว “เขตแดนลี้ลับเฉียนหลงอยู่ที่ไหน?”
ฟู่เสินปิงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดในที่สุด “แม่นาง เจ้าคิดจะไปตามหาหลิงฮันในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงรึ?”
“เลิกพล่ามไร้สาระและตอบคำถามมา!” สตรีชุดเกราะกล่าวอย่างหยาบคาย นี่พวกเจ้าโง่กันรึเปล่า คิดว่าพวกข้าเดินทางมาจากดินแห่งเซียนฝั่งตะวันตก เพราะต้องการมาเยี่ยมชมเมืองชนบทของพวกเจ้ารึ?
“สามหาว!” เหล่าปรมาจารย์ของตระกูลฟู่เกรี้ยวกราด ช่างเป็นสตรีที่หยิ่งยโสอะไรอย่างนี้ นอกจากเจ้าจะสังหารคนอื่นที่หน้าตระกูลฟู่แล้ว เจ้ายังจะทำท่าทางไร้ความเคารพต่อประมุขของพวกข้าอีกรึ? นี่เจ้าคิดว่าตระกูลฟู่เป็นขุมอำนาจที่รังแกได้ง่ายๆรึไง?
ฟู่เสินปิงรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยและกล่าวออกไป “แม่นาง เจ้าสังหารปรมาจารย์ตระกูลหานที่หน้าตระกูลฟู่ของข้า สำหรับเรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องมีคำอธิบาย เพราะตระกูลฟู่ไม่ต้องการเป็นแพะรับบาป!”
สตรีชุดเกราะเผยสีหน้าคร้านจะแยแส “หากต้องการคำอธิบายใดๆก็มาที่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าหรือใคร ขุมอำนาจของพวกข้าจะสะสางปัญหาให้เอง!”
ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์งั้นรึ?
เหล่าปรมาจารย์ของตระกูลฟู่หันมองหน้ากันด้วยความงงงวย
ในระแวกนี้มีขุมอำนาจที่ว่าอยู่ด้วยรึ?
ไม่ใช่แค่ขุมอำนาจสามดาวเท่านั้น แต่ขุมอำนาจสี่ดาวหรือขุมอำนาจห้าดาว ก็ไม่มีแม้แต่ขุมอำนาจเดียวที่ใช้ชื่อนี้
“แม่นาง ข้าว่าพวกเจ้าพักอยู่ที่ตระกูลฟู่ของข้าไปสักพักก่อนดีหรือไม่? อย่างน้อยก็รอจนกว่าเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงจะสิ้นสุด” ฟู่เสินปิงกล่าว เขาจำเป็นต้องรีบนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปรายงานตระกูลหาน และให้ตระกูลหานส่งคนมาจัดการเอง ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรนั้น ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แล้ว
สตรีชุดเกราะไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม “ข้าถามว่าเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงอยู่ที่ไหน ไม่ได้ขอคำแนะนำจากพวกเจ้า!”
“เจ้าจะหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่าแม่นาง?” ปรมาจารย์สามรากฐานคนหนึ่งกล่าว เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกฝ่ายเพราะมีประมุขอยู่เคียงข้าง
“พวกฝูงตัวโง่งม ต้องให้ข้าลงมือก่อนสินะ!” สตรีชุดเกราะเค้นเสียงเย็นชา มือขวาของนางยกสูงขึ้น ‘ครืนนน’ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารีถูกควบแน่นกลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
‘ตูม’ ปลาร่างยักษ์ขนาดมหึมาราวกับขุนเขากระโดดออกมาจากห้วงสมุทร และพุ่งโจมตีเข้าใส่ปรมาจารย์ตระกูลฟู่ทั้งเก้า
“โอหัง!” ฟู่เสินปิงคำราม สตรีผู้นี้ช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก นางสังหารปรมาจารย์ของตระกูลหานไปคนหนึ่งยังไม่พอ แต่คราวนี้ยังโจมตีใส่พวกเขาอีก
‘ตูมมม’ ปลาร่างมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารีพุ่งโจมตีจนท้องฟ้าสั่นสะท้าน ฟู่เสินปิงและปรมาจารย์อีกแปดคนช่วยกันรับมือแต่ก็ไม่อาจต้านทานไหว
ปรมาจารย์แปดคนรับการโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหนัก ฟู่เสินปิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ผมเผ้าของเขากระเซอะกระเซิง และร่างกายถูกชโลมไปด้วยโลหิต
ปรมาจารย์ทั้งเกาเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด ความแข็งแกร่งนี่มันอะไรกัน?
ฟู่เสินปิงคือตัวตนระดับห้ารากฐานเหมือนกัน แถมยังมีการสนับสนุนจากปรมาจารย์ระดับขอบเขตอมตะอีกแปดคน ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแล้วพวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ในหนึ่งกระบวนท่า
เป็นไปได้อย่างไรที่ความต่างชั้นของพลังจะมีมากขนาดนี้?
ถ้าหากสตรีผู้นี้ต้องการจะทำลายตระกูลฟู่ เกรงว่านางคงไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรมากเลย
“ทะ… ท่านประมุข!” ณ พื้นเบื้องล่าง ชายหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ
ปรมาจารย์ทั้งเก้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ในเวลาแบบนี้เจ้ายังจะมีเรื่องด่วนอะไรอีก?
“ท่านประมุข ข้าน้อยรู้ว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คือขุมอำนาจใด” ชายหนุ่มผู้นั้นตะโกนเอ่ยต่อ ถึงแม้เขาจะหวาดกลัวจนแทบหัวใจวายตาย แต่นี่ก็เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่เขาจะได้แสดงตัวตนให้ปรมาจารย์ทั้งเก้าได้เห็น
ปรมาจารย์ทั้งเก้ากำลังอยากรู้เรื่องนั้นพอดี ฟู่เสินปิงส่งสายตาอะไรบางอย่าง ซึ่งฟู่ตงเสวี่ยก็พยักหน้าตอบรับและยกร่างของชายหนุ่มผู้นั้นขึ้นมากลางอากาศ “พูดมา!”
“เมื่อไม่นานมานี้ นายน้อยหยุนได้วานให้ข้าน้อยไปสืบหาตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ข้าน้อยใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ จนพบเจอพ่อค้าคนหนึ่งที่เขตมหาสมุนไร้พรมแดน ทำให้ได้รู้ว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์นั้นตั้งอยู่ที่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก”
ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกรึ? เพราะแบบนี้เองพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อของขุมอำนาจนี้มาก่อน
ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์?คือขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!”
พรวด!
ปรมาจารย์ตระกูลฟู่ทั้งเก้าสำลักออกมาทันที พวกเขาแต่ละคนสำลักไม่หยุดและมีสีหน้าที่ประดับเอาไว้ด้วยความตกตะลึง