Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1801 ต้นอสูรปีศาจขาว
“สุนัขต่ำช้า นี่เจ้าคงอยากถูกทุบตีมากสินะ?” หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
สุนัขตัวดำยืดตัวโอบไหล่หลิงฮันและกล่าว “ฮ่าๆ ก็เห็นแขนขาของเจ้าอ่อนแรงขนาดนั้น เลยนึกว่าประสิทธิภาพในด้านนั้นของเจ้าบกพร่องเสียอีก!”
“ไปให้พ้น!” หลิงฮันยกเท้าออกแรงเตะ
สุนัขตัวดำเคลื่อนไหวหลบได้อย่างว่องไวก่อนจะกล่าวต่อ “เอาล่ะๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ต้นอสูรปีศาจขาวคือพืชที่ดูดซับพลังวิญญาณทุกประเภทมากักเก็บเอาไว้ จนกลายเป็นปราณพิฆาต หากเจ้าดูดซับมันได้ พลังโจมตีที่ปลดปล่อยออกไปด้วยปราณพิฆาตจะรุนแรงไปถึงชั้นสวรรค์”
“ยิ่งกว่านั้นหากเจ้าโชคดีสามารถเรียนรู้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารมาจากมันได้ด้วยล่ะก็ ต่อให้คู่ต่อสู้เป็นราชาในหมู่ราชา โอกาสชนะของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายส่วน”
หลิงฮันกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ดำน้อย เจ้าน่ะไม่ว่าดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีเลยแม้แต่น้อย แต่เหตุใดถึงได้ทำดีต่อข้านัก?”
“ฮึ่ม ก็แค่นายท่านหมารู้สึกถูกชะตากับเจ้า ก็เลยอยากมอบสิ่งดีๆให้ก็เท่านั้น” สุนัขตัวดำเค้นเสียงฮึดฮัด
“แล้วเจ้าไม่คิดอยากได้เองบ้างรึ?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
ในตอนที่บุกรุกไปยังภูเขาสมุนไพรของตระกูลหานก็เหมือนกัน ทั้งๆที่เมฆาสวรรค์เจ็ดชีวิตเป็นถึงสมุนไพรระดับนิรันดร์แท้ๆ แต่สุนัขตัวดำก็ไม่คิดจะขอส่วนแบ่งใดๆจากเขาเลย แถมตอนนี้ยังคิดจะมอบแก่นหัวใจพฤกษาให้แก่เขาอีก
หากลองคิดย้อนกลับไปแล้ว ถึงแม้สุนัขตัวดำจะชอบสร้างปัญหาให้หลิงฮันหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นว่าหลิงฮันเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์จากปัญหาเหล่านั้นแทน
“ข้าผู้นี้คือเทพสุนัขแห่งสวรรค์และปฐพีที่เกิดมาแข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของนอกกายมาช่วยบ่มเพาะพลัง” สุนัขตัวดำกล่าว
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่เชื่อ บางทีสุนัขไร้ยางอายตนนี้อาจจะแอบช่วยเหลือเขาอยู่อย่างลับๆ เพื่อที่เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นและช่วงชิงทุกอย่างไปในคราวเดียว
หรือถ้าไม่เช่นนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะสุนัขไร้ยางอายตนนี้หวังดีต่อเขาจริงๆ
แต่ในโลกนี้จะมีคนที่หวังดีโดยที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่จริงๆรึ?
“เจ้าสามารถเชื่อใจสุนัขไร้ยางอายตนนั้นได้!” จู่ๆหอคอยน้อยก็เอ่ยแทรก
หลิงฮันตกตะลึง “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร? อืม… คงไม่ใช่ว่าพวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนหรอกนะ?”
หอคอยน้อยแน่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกล่าว “ข้ายังมีความทรงจำอีกมากมายที่หายไป แต่ความรู้สึกของข้าบอกว่าสุนัขตัวนั้นสามารถเชื่อถือได้”
“พวกเจ้าจะต้องเคยรู้จักกันมาก่อนแน่!” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ เพราะที่ผ่านๆมาหอคอยน้อยไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าใครสามารถเชื่อใจได้ ยิ่งกว่านั้นการกระทำของสุนัขตัวดำที่คอยช่วยเหลือเขาผ่านปัญหาต่างๆที่นำมาให้นั้น ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้อาวุโสที่คอยชี้แนะรุ่นเยาว์
หอคอยสามภพกับสุนัขตัวดำ… ไม่รู้ว่าแต่ก่อนทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
หลิงฮันไม่เอ่ยถามต่อ เพราะรู้ดีว่าทั้งสุนัขตัวดำและหอคอยน้อยนั้นสูญเสียความทรงพลังไปหลายส่วน แถมถ้าหากทั้งสองไม่คิดจะปริปากพูดด้วยแล้ว ถึงถามไปทั้งสองก็ไม่ยอมเล่าให้เขาฟังอยู่ดี
“งั้นก็ไปเก็บแก่นหัวใจพฤกษากันเถอะ” หลิงฮันกล่าว
ทั้งสามคนเดินเข้าไปยังหมู่บ้านที่ตอนนี้กำแพงได้พังทลายจนเหลือความสูงแค่หัวเข่า ด้วยความสูงของกำแพงเพียงเท่านี้จึงไม่ได้บดบังระยะสายตาของพวกเขา ต้นอสูรปีศาจขาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น ในความเป็นจริง นอกจากรูปทรงที่เหมือนต้นไม้ของมันแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเลยที่เหมือนต้นไม้ ที่บริเวณลำต้นของมันมีใบหน้าจำนวนมากโผล่ออกมา ซึ่งดูๆไปแล้วก็คล้ายคลึงกับใบหน้ามนุษย์อยู่ไม่น้อย
“หืม มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” จู่ๆสุนัขตัวดำก็หยุดเดินและจ้องเขม็งไปยังต้นอสูรปีศาจขาว
“มีอะไรงั้นรึ?” หลิงฮันเองก็หยุดเดินและรั้งจักรพรรดินีเอาไว้
“ดูเหมือนที่นี่จะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเสียแล้ว” สุนัขตัวดำส่ายหัว
“ต้นอสูรปีศาจขาว!” ใครบางคนโผล่มาจากด้านหลังของพวกเขาและอุทานขึ้นมา
คนที่ปรากฏตัวคือชายวัยกลางคนในช่วงอายุสามสิบปี เขาเมินเฉยพวกหลิงฮันสามคนอย่างสิ้นเชิงและพุ่งพรวดเข้าไปใกล้ต้นอสูรปีศาจขาว พร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ยักษ์ในมือ
แต่ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น ต้นอสูรปีศาจขาวราวกับว่ากลับมามีชีวิต บริเวณลำต้นของมันแยกออกจากกันและปล่อยหมอกสีเขียวออกมาโอบล้อมไปทั่วร่างชายวัยกลางคน
หมอกสีเขียวค่อยๆสลายไปโดยแปรสภาพกลายเป็นเมือกเหนียวรัดร่างของชายวัยกลางคนเอาไว้ แถมเมือกเหนียวยังมีฤทธิ์เป็นพิษ ส่งผลให้ร่างกายของชายวัยกลางคนอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับหนีได้
“ฮึ่ม!” ชายวัยกลางคนโคจรปราณก่อเกิดเป็นโล่คุ้มกันร่างกาย และต้านทานพิษของเมือกเหนียว แต่ความพยายามของเขาก็ไม่เกิดผล เพราะโล่ปราณก่อเกิดที่สร้างขึ้นได้แหลกสลายไปอย่างรวดเร็ว
ในจังหวะนั้นเอง ที่บริเวณรอยแยกของลำต้นอสูรปีศาจขาวก็ได้มีกิ่งยื่นออกมา กิ่งที่ว่าได้ทำการรัดร่างชายวัยกลางคนและดึงเขาเข้าไปยังรอยแยกของลำต้น
“ช่วยข้าด้วย!” ชายวัยกลางคนร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือจากพวกหลิงฮัน แต่ทันทีที่ดวงตาของเขากวาดมองไปยังจักรพรรดินี สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกตะลึง จนลืมส่งเสียงขอความช่วยเหลือไปชั่วขณะ
จักรพรรดินีในตอนนี้ไม่ได้สวมผ้าปิดหน้าเอาไว้ ทำให้ความงดงามของนางถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่มีสิ่งใดปกปิด
หลิงฮันหัวเราะและทะยานร่างไปด้านหน้า แต่แทนที่เขาจะยื่นมือเข้าไปช่วยดึงร่างของชายวัยกลางคนกลับมา เขากลับโคจรเพลิงเก้าสวรรค์เป็นดาบและโจมตีใส่ต้นอสูรปีศาจขาวแทน
‘ครืนน’ เมื่อดาบเปลวเพลิงถูกกวัดแกว่งออกไป ต้นอสูรปีศาจขาวก็พ่นหมอกสีเขียวออกมาอีกครั้ง โดยคราวนี้มีเป้าหมายคือหลิงฮัน
แต่คิดว่าอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์นั้นน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน? หมอกสีเขียวที่ลอยเข้ามาถูกดาบเพลิงกวาดเผากลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา
หลังจากกวัดแกว่งดาบไปพักหนึ่ง คลื่นความร้อนก็ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้าง และเมือกสีเขียวที่รัดร่างของชายวัยกลางคนเอาไว้ก็ถูกหลอมละลายหายไป
ชายวัยกลางคนรีบลุกขึ้นยืนและเผ่นหนีด้วยความหวาดกลัว
หลิงฮันไม่ล่าถอย เขากวัดแกว่งดาบเพลิงเข้าโจมตีต้นอสูรปีศาจขาวต่อ
ซึ่งในจังหวะนั้น จู่ๆใบหน้าจำนวนมากบนต้นอสูรปีศาจขาวก็ดิ้นยั้วเยี้ยไปมา ลำต้นของมันเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับมีร่างไร้ศีรษะค่อยๆโผล่ออกมาทีละตัว ร่างไร้ศีรษะแต่ละร่างถูกกัดกร่อนจนปรากฏรูนับพันตามร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างน่าประหลาด