Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1807 การลอบโจมตีที่ไร้เกียรติ
จอมยุทธมากมายจากหลายทิศทางมารวมตัวกันที่ตีนเขาและมุ่งหน้าสู่ยอดเขา
“หลิงฮัน ตายซะ!” แต่ทันใดนั้นเสียงคำรามของใครบางคนก็ดังขึ้นพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮัน ในมือของอีกฝ่ายกำลังกวัดแกว่งกระบองเหล็กยาวที่บริเวณส่วนปลาย ส่องประกายไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าที่ทรงพลัง
หลิงฮันกวาดสายตามองและพบว่าอีกฝ่ายคือคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก เพียงแต่พลังของอีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่อนแอ ศัตรูผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับสี่นิพพานและมีพลังต่อสู้ที่น่ายำเกรง ถึงแม้จะยังไม่ถึงกับระดับของราชาแต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่
ดูเหมือนว่าศัตรูผู้นี้จะควบแน่นรวบรวมพลังมาก่อนนานแล้ว เพื่อที่จะลอบจู่โจมด้วยการโจมตีที่ทรงพลัง อีกฝ่ายไม่เพียงแค่กระตุ้นใช้งานอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ในมืออย่างเต็มที่ แต่ยังผสานทักษะยุทธที่ทรงพลังมาในการโจมตีด้วย
ใบหน้าของหลิงฮันปรากฏร่องรอยของโทสะขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด หากอีกฝ่ายปรากฏตัวมาต่อสู้กับเขาซึ่งๆหน้า ต่อให้เขาเป็นฝ่ายชนะ เขาก็อาจจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตต่อไป
แต่กับคนที่ไร้เกียรติถึงขนาดลอบโจมตีแบบนี้ ไม่มีทางเด็ดขาดที่เขาจะยอมไว้ชีวิต
จักรพรรดินีเค้นเสียงเย็นชาและคิดจะลงมือ เพียงแต่ว่าทันใดนั้นหลิงฮันก็จับไหล่ห้ามนางเอาไว้เสียก่อน
‘หมับ’ หลิงฮันขยับมือขึ้นมาเหนือศีรษะ และคว้าจับกระบองเหล็กเอาไว้
‘ตูมมมม’ คลื่นกระแทกอันทรงพลังสั่นสะเทือนไปทั่วร่างของเขา และระเบิดคลื่นทำลายไปทั่วชั้นบรรยากาศ เพียงแต่ว่าด้วยกายหยาบอันไร้เทียมทานของเขา ทำให้คลื่นพลังทำลายไม่อาจผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ และส่งผลเพียงแค่ทำให้ผิวหนังของเขาสั่นสะท้านเท่านั้น
พื้นดินในบริเวณที่หลิงฮันยืนอยู่ส่งเสียงปริแตกออกมา ก่อนที่จะปรากฏรอยแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุมที่มีหลิงฮันเป็นจุดศูนย์กลาง
คลื่นพลังทำลายกระจัดกระจายผ่านชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว
ผู้คนที่อยู่รอบข้างรีบหยุดชะงักฝีเท้าและหันมาดูอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างด้วยความตะลึง
เจ้าสามารถรับการโจมตีที่ทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไร?
นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า? แม้แต่จอมยุทธที่ทำการลอบโจมตีเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะทรงพลังถึงขนาดนี้ ต้องรู้ก่อนว่าการโจมตีของเขานั้นเป็นการโจมตีที่สะสมพลังมาก่อนแล้วเป็นเวลานาน หากเป้าหมายไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน เมื่อถูกการโจมตีที่ทรงพลังขนาดนี้จู่โจมเข้าใส่ ไม่ว่าใครก็ต้องถูกจัดการในหนึ่งกระบวนท่า!
หลิงฮันเค้นเสียงเย็นชาและออกแรงดึงกระบองเหล็กเข้าหาตัว พริบตานั้น ร่างของจอมยุทธที่ลอบโจมตีก็ลอยเข้ามาหาเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
จอมยุทธผู้นั้นตกตะลึงและรีบพลิกร่างหวังจะหลบหนี “ยังคิดจะหนีอีกรึ?” หลิงฮันปลดปล่อยออร่าออกมา ‘ครืนน’ อำนาจอันทรงพลังราวกับคลื่นมหาสมุทรระเบิดออกมา ภายใต้แรงกดดันทรงน่าสะพรึง แขนและขาของจอมยุทธผู้นั้นสั่นสะท้านและหยุดชะงักไปชั่วครู่
อำนาจสวรรค์! ความสามารถนี้ถึงแม้จะไม่ส่งผลใดต่อราชาแห่งยุค แต่ทว่าจอมยุทธผู้นี้ไม่ใช่ราชา
ร่างของหลิงฮันพุ่งทะยานและปล่อยหมัดออกไป ‘โพล๊ะ’ หัวของจอมยุทธผู้นั้นระเบิดออกทันที เนื้อสมองสีขาวและโลหิตไหลทะลักออกมาอย่างน่าสยดสยอง หลิงฮันควบแน่นปราณก่อเกิดเป็นเกราะคุ้มกันเอาไว้ ทำให้ร่างกายไม่มีหยดโลหิตหรือสิ่งสกปรกใดๆมาติด
แววตาอันเย็นยะเยือกของเขากวาดมองทุกคนโดยรอบเพื่อเป็นคำเตือน
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากมาล่วงเกินข้า!
เมื่อถูกสายตาของหลิงฮันจับจ้อง ทุกคนโดยรอบก็รีบก้มหัวโดยไม่รู้ตัว แม้แต่คนที่คอยแอบมองจักรพรรดินีอยู่อย่างเงียบๆ ก็ไม่กล้ามองอีกต่อไป
รุ่นเยาว์ผู้นี้แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมเกินไป…
“หลิงฮัน เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้สังหารผู้ติดตามของข้า!” เสียงคำรามอันเย็นชาดังก้องพร้อมกับชายหนุ่มผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวออกมา ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมสีเหลืองที่สลักลวดลายของสัตว์อสูรจำนวนมากเอาไว้ ลวดลายแต่ละอันลึกลับราวกับมีชีวิตและปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “ทำไมข้าจะสังหารคนที่คิดสังหารข้าไม่ได้?”
ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าว “ผู้ติดตามของข้าแค่อยากประมือกับเจ้าเท่านั้น การที่เจ้าสังหารเขานับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ!”
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและกล่าว “จะบอกว่าที่ลอบโจมตีเพราะอยากประมืองั้นรึ? ช่างเป็นคนที่หน้าด้านดีจริงๆ …แต่จะว่าไปแล้วเจ้าคือใคร?”
รุ่นเยาว์ผู้นั้นเค้นเสียงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เชียนจ้าวหยาง แห่งตระกูลเชียนจ้าว!”
“ตระกูลสุนัขนี่อีกแล้วรึ!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“โฮ่ง!” สุนัขตัวดำมีท่าทางโมโหและอ้าปากกัดหลิงฮัน “เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงได้ปากเสียนัก!”
หลิงฮันเบี่ยงตัวหลบและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มนุษย์นั้นมีทั้งคนดีแล้วคนชั่ว แน่นอนว่าสุนัขเองก็เช่นกัน การที่เจ้ามีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนั้น เป็นเพราะเจ้ากลัวว่าจะไม่มีใครรู้รึไงว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นสุนัขชั่วช้า?”
สุนัขตัวดำเกรี้ยวกราดและวิ่งไล่กัดหลิงฮัน
สีหน้าของเชียนจ้าวหยางกลายเป็นบูดบึ้ง เขาคือหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเชียนจ้าว ที่มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับสี่นิพพานสูงสุด ซึ่งเป็นระดับพลังที่สูงยิ่งกว่าเชียนจ้าวเถี้ยนเสียอีก อันที่จริงตัวเขานั้นสามารถทดลองทะลวงผ่านไปยังระดับแบ่งแยกวิญญาณได้แล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะต้องการเข้ามาในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง เขาจึงอดทดรอเอาไว้ก่อน
ทั้งๆที่เขามีสถานะและพลังสูงส่งขนาดนั้น แต่หลิงฮันก็ยังกล้าทำเหมือนไม่เห็นเขาอยูในสายตา!
ฮึ่ม! “ช่างรนหาที่ตาย!” เชียนจ้าวหยางลงมืออย่างไม่หวั่นเกรง ถึงแม้คนของเขาจะเพิ่งถูกหลิงฮันสังหารไป แต่เขาก็มั่นใจในพลังของตนเอง และไม่หวาดกลัวหลิงฮัน
“ดาบหมื่นวิถี!” เขาใช้มือตบไปที่บริเวณเอวของตนเอง ทันใดนั้นดาบสีทองที่มีความยาวสามฟุตหลายหมื่นเล่มก็ปรากฏออกมา ดาบสีทองแต่ละเล่มถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยรูปแบบอาคมที่หนาแน่น โดยที่รูปแบบอาคมของดาบเหล่านั้นราวกับว่าสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้
หลิงฮันจ้องมองด้วยสีหน้าตื่นเต้น แน่นอนว่าสิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ทักษะของอีกฝ่าย แต่เป็นดาบนับหมื่น
พวกมันคืออุปกรณ์กึ่งนิรันดร์หนึ่งดาว!
สำหรับเขา ความล้ำค่าของอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สิบดาวหรืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบนั้น ไม่มีความแตกต่างกันแม้แต่น้อย เพราะสุดท้ายอุปกรณ์เหล่านั้นก็ต้องถูกดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืนไปทั้งหมด แต่การที่ได้เห็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์จำนวนมากพร้อมกันนั้น กลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
นี่คือผลกอบโกยครั้งใหญ่!
ร่างของจักรพรรดินีพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า นางไม่ใช่สตรีประเภทคุณหนูที่ต้องคอยให้บุรุษของตนเองคอบดูแล นางคือจักรพรรดินีหล่วนซิงที่ห้าวหาญ!
“แม่นาง ช่วยถอยกลับไปด้วย ข้าไม่ต้องการทำลายเจ้า!” เชียนจ้าวหยางรีบกล่าวออกมา ความงดงามของจักรพรรดินีนั้นมีมากเหลือล้นจนเขาไม่อยากลงมือ