Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1820 สมบัติขุนเขา
“ถอย! ล่าถอย!” หลินฟางและคนอื่นๆตะโกนลั่น ด้วยการที่มีท่อนไม้อยู่ในมือ พวกหลิงฮันทั้งสามคนจึงเป็นภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป
ท่อนไม้ที่พวกเขามีอยู่คือแค่หนึ่งท่อนเท่านั้น ด้วยความต่างของจำนวนท่อนไม้กับความสามารถในการต้านทานคลื่นแสงของหลิงฮันกับเหล่าคนแคระแล้ว จะให้พวกเขาตอบโต้ได้อย่างไร?
หลังจากพยายามล่าถอยอย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายคนที่เหลือรอดหนีไปได้ก็มีเพียงหลินฟาง เถิงเซินและเหวยเหนียนสามคนเท่านั้น โดยที่คนอื่นๆถูกคลื่นแสงบดขยี้ร่างกายจนแหลกสลายไปแล้ว
“พวกเราชนะ!” เหล่าคนแคระชูสองมือขึ้นฟ้าและโห่ร้อง
“ต้องฉลอง!”
“มาจัดงานเลี้ยงแด่ความสำเร็จครั้งนี้กัน!”
เหล่าคนแคระไม่ได้รับรู้ถึงความยากลำบากเลยว่าหากไม่มีความช่วยเหลือของหลิงฮันแล้ว ความต่างของพลังระหว่างพวกเขากับพวกหลินฟางนั้นมีมากขนาดไหน แถมยังไม่กังวลแม้แต่น้อยเลยด้วย ว่าพวกหลินฟางที่เหลือรอดไปได้จะกลับมาแก้แค้นหรือไม่
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้พวกหลิงฮันสามคนได้รับความเชื่อใจและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าคนแคระทันที
ทางด้านของธิดาโร๋วนั้น จิตใจของนางยังคงสั่นสะท้านไม่หาย นางรู้สึกหวั่นไหวกับการที่หลิงฮันใช้ร่างกายของตนเองปกป้องนางเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันนั้น การที่หลิงฮันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยก็ทำให้นางรู้สึกราวกับถูกหลอกให้เสียน้ำตาโดยเสียเปล่าเช่นกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่นางถูกหลิงฮันช่วยชีวิตเอาไว้ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่ดี
“เจ้าอยากจะชดใช้บุญคุณไหมล่ะ?” จักรพรรดินียื่นมือไปจับคางอันงดงามของธิดาโร๋วและกล่าว “คืนนี้ไปหลับนอนกับสามีของข้าสิ!”
ธิดาโร๋วแสดงสีหน้าอับอาย นี่เจ้าไม่คิดจะวางตัวให้ดูดีบ้างเลยรึไง?
หลิงฮันส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เหตุใดจักรพรรดินีถึงหมกมุ่นกับกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรขนาดนั้นกัน? หากไม่มีกายหยาบที่ว่าข้าจะไม่สามารถบรรลุจุดสูงสุดของวิถีวรยุทธได้เลยรึไง?
เพียงแต่ว่าสิ่งใดที่จักรพรรดินีตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้พูดไปก็ไม่อาจหยุดนางได้ เพราะงั้นหลิงฮันจึงไม่เกลี้ยกล่อมนางอีกต่อไปและไต่ถามเรื่องต่างๆกับเหล่าคนแคระ
เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากหลิงฮัน เหล่าคนแคระจึงเชื่อใจเขาและเล่าทุกอย่างที่เขาถามให้ฟัง
ท่อนไม้ที่เหล่าคนแคระถืออยู่ในมือนั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง แต่เรื่องหนึ่งที่หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมากก็คือ เรื่องที่ว่าคนแคระเหล่านี้นั้นไม่ได้เกิดมาจากวิธีการปกติ แต่พวกเขาเกิดมาจากถ้ำที่เอ่ยถึง
ทุกๆสองหมื่นปี พวกคนแคระจะเข้าไปยังถ้ำแห่งที่ว่า เพื่อนำตัวคนแคระที่เกิดใหม่ออกมาและฝังคนแคระที่เสียชีวิตแล้วเอาไว้ด้านใน
หลิงฮันเริ่มครุ่นคิดว่าบางที พวกคนแคระแหล่านี้อาจจะเกิดมาจากอำนาจต้นกำเนิดปฐพีก็เป็นได้
ที่เขาคิดเช่นนี้ก็เพราะ นอกจากพวกคนแคระจะเกิดมาจากในถ้ำแล้ว ในตอนที่พวกเขาถูกคลื่นแสงของท่อนไม้โจมตีเข้าใส่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเหตุผลเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือทั้งคนแคระและท่อนไม้นั้น มีต้นกำเนิดมาจากหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์เหมือนกัน
หลิงฮันยื่นคำขอว่าต้องการเข้าไปสำรวจยังถ้ำแห่งนั้น แน่นอนว่าเหล่าคนแคระจะปฏิเสธคำขอร้องจากผู้มีพระคุณได้อย่างไร?
เหล่าคนแคระพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวออกมาว่าพวกเขาจะไปขออนุญาตผู้เฒ่าของเผ่าก่อน แล้วจะมาให้คำตอบหลิงฮันทีหลัง
หลิงฮันไม่เร่งเร้าใดๆ พวกเขาทั้งสามคนตัดสินใจพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชั่วคราว เพื่อรอคำตามจากเหล่าคนแคระ
หลิงฮันและจักรพรรดินีเข้าไปในหอคอยทมิฬ ในตอนนี้พลังบ่มเพาะของพวกเขาได้บรรลุขั้นสูงสุดของระดับสองนิพพานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่ทะลวงผ่านไปขั้นพลังต่อไปได้ ภายในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้พวกเขาจะไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใครอีกต่อไป
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ การจะทะลวงผ่านไปยังขั้นพลังต่อไป อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหมื่นปี แต่ถ้าหากจอมยุทธคนใดไร้พรสวรรค์ในการทำความเข้าใจล่ะก็ ต่อให้ใช้เวลาเป็นพันล้าน หมื่นล้าน หรือแสนล้านปี ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะทะลวงผ่านขั้นพลังได้
แต่ว่าหลิงฮันนั้นมีต้นสังสารวัฏอยู่ในครอบครอง ก่อนหน้านี้หลังจากที่ต้นสังสารวัฏเกิดการวิวัฒนาการ ประสิทธิภาพของมันได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมหลายเท่า แถมยังบังเอิญออกผลมาออกมาจำนวนหนึ่งอีกด้วย
ต้นสังสารวัฏนั้นออกผลได้ยากมาก และการที่มันเป็นถึงต้นกำเนิดของพงไพรนับไม่ถ้วน ผลที่มันให้กำเนิดขึ้นมาจึงเป็นถึงสมุนไพรระดับนิรันดร์!
เพียงแต่ว่าเนื่องจากต้นสังสารวัฏต้นนี้ยังเติบโตมาได้ไม่นาน ผลที่มันให้กำเนิดจึงมีประสิทธิภาพไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น
หลิงฮันและจักรพรรดินีแบ่งผลนิรันดร์กินกันคนละสี่ผล และบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏ พวกเขาหวังที่จะทะลวงผ่านขั้นพลังให้ได้ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
เวลาผ่านไปเจ็ดวัน ในที่สุดหลิงฮันกับจักรพรรดินีก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะยังทะลวงผ่านขั้นพลังไม่ได้ แต่พวกเขาก็มั่นมากถึงเก้าในสิบส่วนว่า หากได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังอีกครั้ง พวกเขาจะต้องบรรลุเป็นนิรันดร์สามนิพพานอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะไม่มีสมุนไพรนิรันดร์เหลือแล้ว และก็ไม่สามารถกินเมฆาสวรรค์เจ็ดชีวิตได้ด้วย
“เจ้าสมุนไพรกลายพันธุ์ตนนั้น!” หลิงฮันฉุดนึกถึงสมุนไพรนิรันดร์ที่มีรูปร่างของกระต่ายแต่หัวเป็นหมาป่าขึ้นมาทันที หากได้ดูดซับแก่นพลังของมันล่ะก็ ทั้งเขาและจักรพรรดินีจะต้องบรรลุระดับสามนิพพานเป็นแน่
ซึ่งในตอนนี้เอง การปรึกษาหารือของเผ่ากูลูก็ได้คำตอบในที่สุด พวกเขายินยอมให้พวกหลิงฮันทั้งสามคนเข้าไปในถ้ำได้ แต่มีเงื่อนไขคือต้องเก็บสมบัติขุนเขากลับมาใช้เป็นเครื่องสังเวยเสียก่อน
ภายในภูเขาแห่งนี้มีหินชนิดหนึ่งที่ถูกเรียกว่าสมบัติขุนเขา ซึ่งเผ่ากูลูมักนิยมใช้มันเป็นเครื่องสังเวยพิธีกรรมสำหรับเปิดทางเข้าถ้ำ
เนื่องจากเหล่าคนแคระจะเข้าไปด้านในถ้ำได้เพียงแค่ครั้งเดียวในรอบสองหมื่นปีเท่านั้น พวกเขาจึงยินดีที่จะยอมให้พวกหลิงฮันเข้าไปในถ้ำ ถ้าหากนำสมบัติขุนเขากลับมาใช้เป็นเครื่องสังเวยได้
หลิงฮันและจักรพรรดิตัดสินใจรีบออกเดินทางในทันที โดยที่ธิดาโร๋วก็เลือกที่จะติดตามทั้งสองไปด้วย
“ขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่า ถึงแม้ข้าจะช่วยเหลือเจ้าและยอมให้ตามมาด้วย ก็ใช้ว่าพวกข้าจะแบ่งสมบัติที่พบเจอให้แก่เจ้า” หลิงฮันกล่าวอย่างหนักแน่น
ธิดาโร๋วกัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์ทันที ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องสมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้ากับข้ายังร่วมมือกันฉันมิตรอยู่เลยแท้ๆ!
นางไม่อาจทำใจยอมรับได้ ด้วยความงดงามอันล้นเหลือของนาง เพียงแค่นางกล่าวคำพูดไม่กี่คำและมอบรอยยิ้มให้ ไม่ว่าบุรุษคนไหนก็ไม่มีทางปฏิเสธคำขอของนางได้เป็นอันขาด
แต่บุรุษที่นางกำลังพบเจออยู่นี่มันอะไรกัน?
ธิดาโร๋วหันมองไปยังจักรพรรดินี นางยอมรับก็จริงว่าหากบุรุษผู้ใดมีสตรีที่งดงามขนาดนี้อยู่ข้างกาย บุรุษผู้นั้นคงสามารถต้านทานเสน่ห์ของสตรีได้ทั้งหมดทั้งมวล
แต่สิ่งที่นางไม่อาจยอมรับคือ การที่จะมีบุรุษคนใดรอดพ้นจากมนต์สะกดของทักษะนิกายซู่หนู่ไปได้!
หากทำให้บุรุษผู้นี้ยอมศิโรราบแนบเท้าของนางไม่ได้ล่ะก็ เกรงว่าความรู้สึกอัปยศนี้จะกลายเป็นมารผูกมัดจิตใจของนาง จนส่งผลให้นางไม่อาจทะลวงผ่านระดับแบ่งแบกวิญญาณไปตลอดชีวิต
บุรุษจอมขี้เหนียว… มาตัดสินกัน ข้าไม่เชื่อว่าจะทำให้เจ้ายอมศิโรราบไม่ได้!