Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1846 ราชานิรันดร์เหลยหยุนงั้นรึ? เหอๆ
สตรีชุดเกราะไม่แยแสสิ่งที่ซุนเจิ้นกล่าว นางยังคงผลักฝ่ามือต่อไป โดยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสังหารซุนเจิ้น
ซุนเจิ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่กล้าปะทะกับสตรีชุดเกราะทองซึ่งๆหน้า เขารีบหันหลังเผ่นหนีกลับขึ้นไปบนเรือรบ เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบกลับคืนมา
‘เปรี๊ยะ’ ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยคลื่นส่ายฟ้าราวกับเทพอัสนี และพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีไม่ได้เป็นเพียงอำนาจที่มีพลังทำลายรุนแรง แต่ยังว่องไวมากอีกด้วย ซุนเจิ้นเคลื่อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศบนท้องฟ้าด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ เวลาผ่านไปแค่ชั่วพริบตา ร่างของเขาก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือเรือรบ
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิด ทีนี้ก็ถึงคราวที่เขาจะตอบโต้บ้างแล้ว!
‘พรึบ’ แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเขาก็รู้สึกตึงที่หัวเข่า และพลังอันรุนแรงบางอย่างก็ดึงร่างของเขากลับลงไป
ที่เท้าของเขามีแส้พันเอาไว้!
‘ฟุบ’ ร่างของเขาร่วงลงสู้พื้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่!” ซุนเจิ้นโอดครวญในใจ เนื่องจากเขาไม่สามารถต้านทานพลังฉุดรั้งของแส้ได้เลยแม้แต่น้อย ‘ตูม’ ร่างของเขากระแทกเข้าใส่พื้นดินอย่างรุนแรง จนปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่
ซุนเจิ้นตะเกียกตะกายคลานขึ้นมาจากหลุม “สะ… สหาย ข้าเองก็มาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์เช่นกัน หากเจ้าสังหารข้าก็มีแต่จะนำพาปัญหามาสู่ตัวเจ้าเองเสียเปล่าๆ!” ประโยคที่เขากล่าวออกไปนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นการข่มขู่ แต่แท้จริงแล้วคือการร้องขอชีวิต
สตรีชุดเกราะทองกล่าวอย่างองอาจ “ตำหนักเมฆาอัสนีน่ะรึ? ราชานิรันดร์เหลยหยุนเป็นเพียงราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น หากนำเขามาอยู่ในตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถูกจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกเสียด้วยซ้ำ”
ถ้าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ไม่ได้ทำสงครามกับศัตรูที่ทรงพลัง และยังอยู่ในความรุ่งโรจน์เหมือนยุคสมัยก่อนล่ะก็ จำนวนของราชานิรันดร์ในคงมีมากถึงหนึ่งพันคนเลยด้วยซ้ำ!
“บังอาจดูหมิ่นราชาของข้า ชะตากรรมของเจ้าจะต้องพบเจอกับความตาย!” ซุนเจิ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แม้เขาจะต้องตาย ชื่อของราชานิรันดร์เหลยหยุนก็ไม่อาจถูกดูหมื่น!
“ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น!” สตรีชุดเกราะทองกล่าวอย่างไม่แยแส และสะบัดแส้ที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลัง ราวกับขุนเขากำลังล่วงหล่นออกไปอีกครั้ง
ซุนเจิ้นรีบเผ่นหนีพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา พริบตานั้นเอง คลื่นแสงอันไร้ที่สิ้นสุดก็พรั่งพรูออกมาจากภายในร่างกายของเขา จนทำให้เขาดูราวกับเป็นดวงตะวัน
นี่ทักษะประกายแสงเร้นลับ ที่จะสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของผู้ใช้ได้หนึ่งขั้น
ตอบโต้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
สตรีชุดเกราะทองไม่แยแสแม้แต่น้อย นางยังคงสะบัดแส้ในมือด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับเป็นแมวที่กำลังเล่นไล่ล่าหนู
ด้วยความแตกต่างของพลังที่มีมากเกินไป สุดท้ายทักษะลับของซุนเจิ้นก็เริ่มหมดฤทธิ์ พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นก็ลดลงอย่างมหาศาลและถูกสตรีชุดเกราะทองสังหารในที่สุด
ปรมาจารย์ห้ารากฐานถูกสังหารไปอีกคนแล้ว!
ทุกคนร่างสั่นเครือและไม่กล้าสงเสียงอะไรออกมา
“จื่อจวน ให้เขาขึ้นขี่สัตว์ขี่ของเจ้า” สตรีชุดเกราะทองมองไปยังหลิงฮัน และกล่าวกับสตรีชุดเกราะเงินโดยไม่แม้แต่หันไปมอง
“เจ้าค่ะ!” สตรีชุดเกราะเงินผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากมังกรอินทรีของตน และย้ายไปนั่งกับสตรีชุดเกราะเงินอีกคน
“ไปกันได้แล้ว!” สตรีชุดเกราะทองกล่าวกับหลิงฮัน ถึงแม้นางจะคิดว่าหลิงฮันไม่เหมาะสมกับประมุขหญิงน้อยของนางก็ตาม แต่อันที่จริงแล้ว ในยุทธภพนี้ก็ไม่มีบุรุษแม้แต่คนเดียวที่เหมาะสม
หลิงฮันหัวเราะและกระโดดขึ้นไปบนหลังของมังกรอินทรีพร้อมกับจักรพรรดินี สัตว์อสูรระดับโลกียนิพพานตนนี้มีแผ่นหลังที่กว้างใหญ่มาก ซึ่งเพียงพอที่จะนำโต๊ะขนาดใหญ่ออกมาวางได้เลย
“ไปได้!” สตรีชุดเกราะทองคำรามเสียงเบา พร้อมกันนั้นเอง มังกรอินทรีทั้งสิบตัวก็กระพือปีกพร้อมกัน และเหาะเหินกลายเป็นจุดสีดำขนาดเล็กบนท้องฟ้า
ความเร็วของมังกรอินทรีน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก มันบินทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศได้อย่างมั่นคงโดยไม่ตะกุกตะกักแม้แต่น้อย หลิงฮันโอบร่างจักรพรรดินีเอาไว้ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องลมต้านที่ถาโถมเข้ามาใส่
สตรีชุดเกราะทองไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ประมุขหญิงน้อยอุตส่าห์คิดถึงบุรุษบัดซบผู้นี้ทุกวี่ทุกวันแท้ๆ แต่บุรุษผู้นี้กลับโอบกอดสตรีผู้อื่นต่อหน้านางเสียนี่!
แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องยอมรับว่า จักรพรรดินีนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ความงดงามของสตรีผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าประมุขหญิงน้อยของนางเลยแม้แต่น้อย เหตุใดบุรุษบัดซบผู้นี้ถึงโชคดีขนาดนี้กัน?
ภายในเวลาสามวัน มังกรอินทรีก็เหาะเหินข้ามผ่านขุนเขาและแม่น้ำไปแล้วนับพัน ด้วยความเร็วเช่นนี้คาดว่า พวกเขาจะไปถึงเขตมหาสมุนไร้พรมแดนได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี
ทางด้านของจักรพรรดินีนั้น หลังจากออกเดินทางได้ไม่นานนางก็เข้าไปในหอคอยทมิฬ เนื่องจากพลังบ่มเพาะของนางบรรลุระดับสามนิพพานสูงสุดแล้ว นางจึงต้องการทะลวงผ่านระดับสี่นิพพาน เพื่อจะบรรลุขีดจำกัดห้านิพพานให้ได้เร็วที่สุด
หากไม่บรรลุระดับห้านิพพานล่ะก็ นางคงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเหล่าผู้สืบทอดของ ขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเจ็ดขึ้นไปได้
ในกรณีของหลิงฮัน เขาไม่อาจเข้าไปในหอคอยทมิฬ เนื่องจากหากเขาเข้าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าหอคอยทมิฬจะถูกลมพัดลอยปลิวไปถึงไหน
สามเดือนผ่านพ้นไป
ในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น สตรุชุดเกราะทองก็ไม่สนใจและไม่พูดอะไรกับหลิงฮันเช่นกัน เพียงแต่ว่านางได้แซ่ให้หลิงฮันรับรู้ว่าแซ่ของนางคือก๋วน ซึ่งนางให้เขาเรียกนางว่า หัวหน้าก๋วน
ส่วนชื่อของนางคืออะไรนั้น นางไม่ได้บอกและหลิงฮันก็ไม่ได้ถาม
ในวันนี้ ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้านั้นสว่างไสวกว่าปกติและมีสายลมอุ่นๆพัดไปมา ในอาณาเขตต่างๆของดินแดนแห่งเซียน มีตัวตนทรงพลังที่สามารถสร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นมาได้อยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาสามารถแบ่งแยกกลางวันกลางคืนได้ตามใจ ในอาณาเขตที่พวกเขากำลังบินอยู่เองก็มีดวงอาทิตย์สีแดงฉาน ล่องลอยอยู่เหนือน่านฟ้า
หากจะพูดให้เจาะจงเข้าไปอีกล่ะก็ ตัวตนที่สามารถทำแบบนี้ได้ จะต้องเป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
หลิงฮันจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์สีแดง ภายในดวงอาทิตย์ดวงนี้นั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงอันทรงพลังอัดแน่นอยู่ จนส่งผลให้แก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิงในร่างของเขาสั่นไหว เขาอยากจะเคลื่อนที่เข้าไปและดูดซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดวงอาทิตย์ มาเป็นของตนเสียเหลือเกิน
แต่ก็แน่นอนว่าเรื่องแบบนั้นก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น อย่าเพิ่งพูดถึงว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการกระตุ้นความโกรธของตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้เลย ด้วยพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ ไม่มีทางแน่นอนที่จะดูดซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังขนาดนั้นไหว
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆคลื่นเมฆาสีดำที่รุนแรงราวกับคลื่นมหาสมุทร ก็ลอยมาจากระยะที่ห่างไกลออกไป
ภายในเวลาชั่วพริบตา ดวงตะวันก็ถูกโอบล้อมไปด้วยหมู่เมฆสีดำและค่อยๆหม่นแสงลง หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง แรงระเบิดอันรุนแรงก็เกิดขึ้นภายในหมู่เมฆ และคลื่นความร้อนก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากหมู่เมฆสีดำ
สิ่งที่ระเบิดก็คือดวงอาทิตย์สีแดง!