Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1847 แค่ผ่านทางมา
“ไม่ได้การแล้ว!” ใบหน้าที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ของหัวหน้ากองก๋วนจู่ๆก็เปลี่ยนสี “มีการปะทะกันของระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้เกิดขึ้น พวกเราต้องรีบหนี!”
นางไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ เหล่าสตรีชุดเกราะเงินในกองกำลังของเขาก็มากประสบการณ์อยู่แล้ว สตรีชุดเกราะเงินทุกคนควบคุมทิศทางของมังกรอินทรีให้หันกลังอย่างรวดเร็ว โดยมีเพียงหลิงฮันที่ไร้ประสบการณ์เท่านนั้นที่ถูกทิ้งท้ายเอาไว้
เพียงแต่ว่ามังกรอินทรีที่เขาขี่อยู่ก็ไม่ได้โง่ การมันถูกฝึกฝนมาจนกระทั่งมีพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานได้ สติปัญหาของมันจึงไม่มีทางต่ำเตี้ย มันส่งเสียงคำรามและกระพือปีกไล่ตามพรรคพวกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของมันช้ากว่าการถูกวคบคุมมาก ทันทีที่มันกระพือเพื่อหลบหนี พวกหัวหน้ากองก๋วนก็กลายเป็นจุดสีดำในระยะที่ห่างไกลแล้ว
‘ครืนนน’ ที่ด้านหลังของหลิงฮัน คลื่นพลังทำลายสองระลอกโหมเข้าปะทะกัน คลื่นพลังหนึ่งเป็นสีดำทมิฬเหมือนกับหมู่เมฆก่อนหน้านี้ ในขณะที่อีกคลื่นพลังเป็นแดงฉาน
คลื่นพลังทำลายล้างค่อยๆโหมเข้ามายังหลิงฮันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกินกว่าที่มังกรอินทรีจะหนีทัน
มังกรอินทรีของหลิงฮันร้องโอดครวญด้วยความหวาดกลัว และพยายามกระพือปีกอย่างเอาเป็นเอาตาย
‘พรึบ’ ในจังหวะนั้นเอง แส้เส้นหนึ่งก็ลอยมาจากระยะไกล และพันร่างของมังกรอินทรีเอาไว้
หัวหน้ากองก๋วนออกแรงดึงร่างมังกรอินทรีของหลิงฮันเข้าหาตัว
เพียงแต่ว่าคลื่นอำนาจอันทรงพลังที่ถาโถมมาจากด้านหลัง ได้แผดเผาแส้ของหัวหน้ากองก๋วนหายไปในพริบตา
ในขณะที่นางคิดจะกลับไปเพื่อคว้าตัวหลิงฮัน คลื่นอาจอันไม่อาจต้านทานทั้งสองก็เข้าประชิดมาแล้ว นางจึงทำได้เพียงกัดฟันและหันหลังหนีไป
ต่อให้นางฝืนฝ่าฟันคลื่นพลังเข้าใจ หลิงฮันก็ไม่มีทางรอดชีวิตและคงถูกแผดเผาเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้ว
มังกรอินทรีที่เหลือกระพือปีกและหลบหนีไป ต่อให้พวกหัวหน้ากองก๋วนจะมาจากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ที่เป็นขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเก้าก็ตาม แต่ตอนนี้พวกนางก็ทำได้เพียงหลบหนี
ทางด้านของหลิงฮันนั้นไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ในตอนนี้คลื่นพลังผันผวนโหมกระหน่ำเข้ามาประชิด เขาได้ทำการโจมตีมังกรอินทรีให้สลบอย่างรวดเร็ว และพามันเข้าหอคอยทมิฬไปพร้อมกันทันที
‘ครืนนน’ คลื่นทำลายล้างอันน่าสะพรึงกวาดผ่านไปทั่วบริเวณจนผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ถึงแม้พลังของมันจะไม่เพียงพอที่จะทำให้หอทมิฬสั่นไหวได้ แต่อำนาจของคลื่นพลังที่น่าสะพรึงนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หลิงฮันรู้สึกหวาดผวา
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ที่ปะทะกันอยู่นั้น ไม่ได้จงใจโจมตีมายังพวกเขา เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ทั้งเขาและพวกหัวหน้ากองก๋วนคงถูกสังหารในพริบตา โดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนี พวกเขาเพียงแค่โชคร้ายเท่านั้น ที่มาโดนลูกหลงของการปะทะระหว่างตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้
การต่อสู้ได้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายต่อหลายต่อ ถึงแม้หลิงฮันที่อยู่ในหอคอยทมิฬจะมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าปรมาจารย์ทั้งสองคนยังคงปะทะกันอยู่
“รีบๆสู้กันให้เสร็จไม่ได้รึไงกัน? ข้ากำลังรีบอยู่นะ” หลิงฮันถอนหายใจ ถึงแม้ภายในหอคอยทมิฬจะมีจักรพรรดินี สตรีนกอมตะและทารกทั้งสองคอยเล่นอยู่กับเขาด้วย แต่ในตอนนี้เขาอยากเจอฮูหนิวกับครอบครัวต่างหาก ไม่รู้ว่าป่านนี้บุตรของเขาจะอายุเท่าไหร่แล้ว หรือบางทีเขาอาจจะมีหลานแล้วก็เป็นได้
……
“นังจิ้งจอกมาร เจ้าทำลายเมืองของข้าไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่คิดจะหยุดมืออีกรึ?” ที่บริเวณเหนือน่านฟ้า บุรุษที่ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยส่งเสียงตะโกนด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
ในมือของเขาถือค้อนสงครามที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีม่วงเอาไว้ อำนาจของเปลวเพลิงนี้ ทรงพลังจนสามารถแผดเผา ปรมาจารย์ระดับห้ารากฐานได้อย่างง่ายดาย
“หลิวหลิงเฟิง ในขณะที่เก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่ เจ้าบังอาจลอบเข้ามาโจมตีข้าจนข้าเกือบจะต้องสูญเสีย พลังบ่มเพาะที่สั่งสมมาตลอดหลายร้อยล้านปีไป เจ้าคิดว่าหากไม่ได้สังหารเจ้า ข้าจะหายโกรธแค้นงั้นรึ?” ศัตรูของบุรุษถือค้อนคือสตรีสวมชุดแดง ที่ใบหน้าปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งเต๋าอันผันผวน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์
เรือนร่างของนางนั้นงดงามและเว้านูนอย่างมีเสน่ห์
ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนหลิงฮันไม่สามารถออกมาจากหอคอยทมิฬได้
หลิวหลิงเฟิงคือชายถือค้อนที่มีผมกระเซอะกระเซิงไปทั่วศีรษะ ปลายเส้นผมทุกเส้นของเขามีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่เป็นระยะ ซึ่งใบหน้าของเขาในตอนนี้แสดงออกถึงความโกรธเป็นอย่างถึงที่สุด
สิ่งที่สตรีชุดแดงกล่าวล้วนแต่เป็นความจริง เขาฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลังในการลอบโจมตีเพื่อช่วงชิงผลแห่งเต๋าของนางมา แต่แผนการของเขากลับล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน เนื่องจากนางติดตั้งค่ายอาคมเอาไว้หลายชั้น
ผลลัพธ์จากการลอบโจมตีล้มเหลว ทำให้สตรีชุดแดงผู้นี้หวนกลับมาแก้แค้น โดยการบดขยี้เมืองของเขาไม่เหลือในกระบวนท่าเดียว ถึงแม้เมืองที่ว่าจะไม่ใช่เมืองรากฐานของตระกูลหลิว แต่เขาก็สร้างมันขึ้นว่าด้วยน้ำพักน้ำแรงหลายล้านปี
“นังจิ้งจอกมาร ตายซะ!” เขาหวดค้อนในมือเข้าใส่สตรีชุดแดง เปลวเพลิงนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็นอุกกาบาตจำนวนมากล่วงหล่นใส่พื้นดิน จนเกิดเป็นหลุมขนาดเท่าทะเลสาป
นี่คือความแข็งแกร่งของระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ การโจมตีของพวกเขาทรงพลังราวกับจะสามารถบดขยี้ได้แม้แต่สวรรค์และปฐพี
“เจ้าอันธพาลจอมหน้าด้าน!” สตรีชุดแดงเองก็เกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน นางถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีจนเกือบจะต้องสูญเสียพลังบ่มเพาะที่ฝึกฝนมาหลายร้อยล้านปี หากหลิวหลิงเฟิงผู้นี้ไม่ตายล่ะก็ ความโกรธแค้นของนางย่อมไม่มีวันหายไป
การต่อสู้ดำเนินไปอีกสี่เดือน ปรมาจารย์ทั้งสองต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส และจำเป็นต้องล่าถอยกันทั้งคู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเหมือนว่าความบาดหมางในครั้งนี้ จะถูกสะสางไม่ได้ง่ายๆแน่นอน
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬได้ในที่สุด และถอนหายใจอย่างขมขื่น เนื่องจากภูมิประเทศถูกบดขยี้และกลายเป็นทะเลเพลิงไปหมดแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเขาในตอนนี้อยู่ห่างจากตำแหน่งที่พลัดหลง กับหัวหน้ากองก๋วนมาไกลแค่ไหนแล้ว
เขาทำได้เพียงค่อยๆตามหาตำแหน่งไปอย่างช้าเท่านั้น
แต่ตอนนี้เปลวเพลิงกำลังเผาผลาญไปทั่วบริเวณด้วย ต่อให้หลิงฮันจะมีแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิง และเพลิงเก้าสวรรค์เป็นเกราะคุ้มกาย เขาก็ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ
เขาจำเป็นต้องเดินตามหาตำแหน่งให้ทั่ว แต่ด้วยทะเลเพลิงขนาดใหญ่เช่นนี้ เกรงว่ากว่าเขาจะเดินไปทั่วบริเวณได้ ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน
“หลิวหลิงเฟิง เจ้าตัวบัดซบ!” หลิงฮันกัดฟันสาปแช่ง ถ้าเจ้าหมอนั่นไม่ได้ลอบโจมตีล่ะก็ มีรึที่การปะทะครั้งนี้จะเกิดขึ้น?
ถ้าหากเขากลับไปรวมตัวกับหัวหน้ากองก๋วนไม่ได้ล่ะก็ ระยะเวลาที่เขาจะไปยังดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกและได้พบเจอฮูหนิว ก็คงจะยืดยาวออกไปอีก