Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1864 วิเคราะห์ผลลัพธ์อีกครั้ง
ตระกูลซานเถี้ยนคือตระกูลที่ถูกก่อตั้งขึ้นในเมืองวิถีโอสถ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ขุมอำนาจยักษ์ใหญ่ในเมืองวิถีโอสถ แต่ประมุขของพวกเขาก็เป็นถึงนิรันดร์ระดับแบ่งแบกวิญญาณที่ทรงพลัง และมีชื่อเสียงในอาณาเขตที่สามอยู่มากพอสมควร เพราะงั้นเมื่อตอนนี้พวกเขามาอยู่อาณาเขตที่หนึ่ง พวกเขาจึงไม่จำเป็นหวาดกลัวไกล
หลิงฮันกวักนิ้ว “ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็อยากได้รับการสั่งสอนเหมือนกันสินะ”
“ฮ่าๆๆ!” ซานเถี้ยนจิ่วหัวเราะลั่นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะแสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวโง่งมเหมือนกับน้องชายรึไง?”
ซานเถี้ยนอู๋ “……”
เพียงแต่ว่าสองพี่น้องตระกูลซานเถี้ยนทั้งสองก็แตกต่างกันจริงๆ คนหนึ่งเป็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพไม่เลว และสามารถบรรลุระดับสี่นิพพานได้ในเวลาไม่นาน ส่วนอีกคนเป็นจอมยุทธทั่วไปที่เพิ่งจะบรรลุระดับโลกียนิพพาน และไม่มีความหวังที่จะก้าวหน้าต่อไปได้
หลิงฮันคิดจะลงมือให้เรื่องจบๆไป แต่ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ของงานประลองก็วิ่งเข้ามาเสียก่อน “การประลองกำลังจะเริ่มแล้ว รีบมาจับฉลากเร็วเข้า!”
เมื่อถูกอีกฝ่ายมาแทรกเช่นนี้ หลิงฮันก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะลงมืออย่างช่วยไม่ได้ และเดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นเข้าไปยังลานประลอง
“ท่านพี่!” ซานเถี้ยนอู๋เอ่ยอย่างไม่ยินยอม พี่ชายของเขานอกจากจะเรียกเขาว่าตัวโง่งมแล้ว ยังยอมปล่อยให้หลิงฮันหลบหนีไปได้ง่ายๆอีก นี่เจ้าใช่พี่ชายตัวจริงของข้ารึเปล่า?
ซานเถี้ยนจิ่วส่ายหัว ถึงแม้ตระกูลซานเถี้ยนจะถือว่าพอมีอำนาจ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับปรมาจารย์จื่อเฉิงได้ ต่อให้เขามีความกล้ามากกว่านี้อีกหมื่นเท่า เขาก็ไม่กล้าแทรกแซงงานประลองที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงจัดขึ้น
เขาเค้นเสียงกล่าว “เข้าไปดูการประลองก่อนแล้วกัน เอาไว้จัดการหมอนั่นตอนการประลองจบก็ไม่เสียหาย”
ซานเถี้ยนอู๋พยักหน้า เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายที่ทรงพลังผู้นี้ เขาทำได้แค่ยอมทำตามคำพูดของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว
ทั้งสองคนเดินเข้าสู่สถานที่จัดงานประลอง
การประลองของวันนี้ไม่ได้การสู่แบบตะลุมบอนอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งแทน เนื่องจากผู้เข้าร่วมประลองกว่าเก้าในสิบส่วนถูกกำจัดออกไปแล้วเมื่อวาน ผู้ประลองที่เหลืออยู่จึงมีแค่พันคนเท่านั้น
ต้องบริหารจัดการดีๆ เพื่อที่จะยืดเวลาการประลองออกไปให้ได้อีกเก้าวัน
หลังจากจับฉลากแล้ว ผู้ชนะของเมื่อวันก่อนก็ถูกแบ่งออกเป็นสิบหกกลุ่ม มีเพียงผู้ชนะของแต่ละกลุ่มเท่านั้น ถึงจะได้มาเผชิญหน้ากันอีกรอบก่อนจะเข้าสู่การประลองสุดท้ายในอาณาเขตที่สี่
หลิงฮันจับฉลากได้อยู่ในกลุ่มที่สอง โดยคู่ประลองคนแรกของเขาคือถังเฟิง
ลานประลองทั้งสิบหกกลุ่มเริ่มประลองพร้อมกัน การประลองบางคู่จบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในหมู่ผู้เข้าร่วมประลองนั้นมีราชาปะปนอยู่ด้วย เหล่าราชาแห่งยุคย่อมสามารถจัดการคู่ต่อสู้ทั่วไปได้ในพริบตาเป็นเรื่องธรรมดา
หลิงฮันรออยู่นานสองนาน ในที่สุดก็มาถึงรอบของเขา
คู่ต่อสู้ของเขาเองก็ก้าวเดินขึ้นสู่ลานประลองเช่นกัน อีกฝ่ายคือรุ่นเยาว์สีหน้ามืดมนสวมชุดฟ้า ตามบริเวณจุดต่างๆบนชุดของเขามีสัญลักษณ์เตาหลอมปักเอาไว้
“นั่นมันถังเฟิง ผู้สืบทอดของสำนักเตาหลอมสีคราม!”
“สำนักเตาหลอมสีครามที่เป็นขุมอำนาจสามดาวนั่นน่ะรึ?”
“ว่าไงนะ หมายถึงถังเฟิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นราชาแห่งยุค แถมยังสามารถกำราบจอมยุทธในระดับเดียวกันใครนับร้อยพร้อมกันผู้นั้นงั้นรึ?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ไม่งั้นแล้วเขาจะถูกเรียกว่าราชาได้อย่างไร?”
ถังเฟิงผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนมากมายจดจำเขาได้ในทันที การประลองรอบนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมจำนวนมาก เพราะพลังของราชาแห่งยุคนั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ
ในสายตาของทุกคน หลิงฮันนั้นไม่ต่างอะไรจากแท่งไฟ ที่จะทำให้ชื่อเสียงของถังเฟิงเฉิดฉายยิ่งขึ้น
ที่บนแท่งผู้ชม ซานเถี้ยนจิ่วเผยรอยยิ้มและพึมพำ “ไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเจ้าหนูนั่นจะเป็นถังเฟิง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่เจ้าหนูนั่นจะเข้าสู่การประลองรอบต่อไป เพราะต่อให้เป็นข้าโอกาสที่จะเอาชนะถังเฟิงได้ก็มีเพียงครึ่งต่อครึ่ง”
ซานเถี้ยนอู๋ตื่นเต้นอย่างมาก และตั้งใจรอดูภาพหลิงฮันถูกทุบตีอย่างใจจดใจจ่อ
ในอีกด้านหนึ่ง เฉิงเฟิงหยุนและผู้ชมรอบตัวเขาก็นั่งกันอยู่ในตำแหน่งเดิมตามบัตรผ่านที่ซื้อเอาไว้
“นายน้อยเฉิง ท่านคิดว่าวันนี้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?” ใครบางคนที่ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ได้เอ่ยถามความเห็นของเฉิงเฟิงหยุน
‘พรึบ’ สายตาของผู้ชมรอบด้านจดจ้องไปยังเขาทันที
เมื่อถูกกดดันจากสายตามากมาย เฉิงเฟิงหยุนก็ไม่อาจเมินเฉยได้และกล่าวออกมา “พลังของหลิงฮันผู้นั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่จากที่ดูก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าถังเฟิงแข็งแกร่งกว่า!”
“พวกเจ้าก็น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างเหมือนกัน ถังเฟิงนั้นนอกจากจะเป็นผู้สืบทอดของสำนักเตาหลอมสีครามแล้ว ยังเป็นราชาแห่งยุคอีกด้วย!”
“ข้ากล้ารับประกันเลยว่าการประลองในรอบบี้ ไม่เพียงถังเฟิงจะเป็นผู้ชนะ แต่ยังจะคว้าชัยชนะมาได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย”
หลายคนเห็นพ้องกับเฉิงเฟิงหยุนและพยักหน้าตามๆกัน
“เพียงแต่ว่าหลิงฮันก็แข็งแกร่งมากไม่ใช่รึ ดูอย่างเมื่อวานสิ เขาสามารถเอาชนะจอมยุทธกว่าหกสิบคนได้ในกระบวนท่าเดียว ไม่แน่ว่าเขาเองก็อาจจะเป็นราชาแห่งยุคเหมือนกันรึเปล่า?” เพียงแต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่เห็นต่าง
“โอ้ ถ้างั้นก็มาพนันกันเป็นอย่างไร?” ใครบางคนกล่าวขึ้นมาและมองไปยังเฉิงเฟิงหยุน
เฉิงเฟิงหยุนเผยสีหน้ามั่นใจ “หากการประลองรอบนี้หลิงฮันยังพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ หรือสามารถรับกระบวนของถังเฟิงได้ร้อยกระบวนท่าล่ะก็ ข้าจะกินเก้าอี้ตัวที่ข้านั่งอยู่ให้ดูเลย!”
“เยี่ยม!” แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ย่อมชอบดูการแสดงสนุกๆ คำว่า ‘เยี่ยม’ ที่พวกเขากล่าวออกไปนั้น ไม่ใช่คำชื่นชมเฉิงเฟิงหยุน แต่เป็นคำที่ย้ำเพื่อไม่ให้เฉิงเฟิงหยุนถอนคำพูดได้
เฉิงเฟิงหยุนมั่นใจในพลังของถังเฟิงเป็นอย่างมาก เพราะงั้นการวิเคราะห์ของเขาย่อมไม่มีวันผิดผลาดแน่นอน
ผู้ชมรอบด้านหลายคนเริ่มรู้สึกสนุกมากขึ้น แต่เดิมชัยชนะระหว่างหลิงฮันกับถังเฟิงนั้น ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับพวกเขาแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เมื่อมีการเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็เลยมองดูการประลองด้วยความรู้สึกคาดหวังที่มากกว่าเดิม