Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1887 หลอมใหม่
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีผู้อาวุโสอาจจะต้องการเฟ้นหาใครบางคนที่ไม่หวั่นเกรงอำนาจ?”
“เจ้าเป็นคนที่หลักแหลมมาก!” ปรมาจารย์จื่อเฉิ่งหัวเราะ “ที่ข้าจงใจปล่อยให้เสี่ยวโม่ทำตามใจก็เพราะ อยากเห็นว่าจะมีคนที่กล้าต่อต้านเขาหรือไม่ แต่น่าเสียดายจริงๆที่จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครสักคนเลยที่กล้ายืนหยัด”
ชายชราเผยสีหน้าผิดหวัง “สิ่งที่ข้าทำคือการทดสอบเหล่าผู้สืบทอด ถ้าหากกับแค่ลิ่วล้อตัวจ้อยก็ยังไม่กล้าต่อต้าน แล้วจะมีคุณสมบัติไปปกครองขุมอำนาจได้อย่างไร?”
หากพวกหลู่เซียนหมิงได้ยินประโยคนี้ พวกเขาทุกคนคงรู้สึกหดหู่มากเป็นแน่
ที่พวกเขายอมไว้หน้าผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ ก็เพราะหวาดกลัวปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ใช่รึไง?
แต่เมื่อคิดดีๆแล้ว ในฐานะผู้สืบทอด การรักษาเกียรติและแสดงอำนาจอันสูงส่งออกมานั้นคือสิ่งที่จำเป็น ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดแล้ว จะยอมให้ลิ่วล้ออย่างผู้ช่วยนักปรุงยาโม่มาดูหมิ่นได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าผู้สืบทอดจะต้องกำราบเขาให้อยู่หมัดหรอกรึ?
“โอ้ แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ อย่างนั้นตอนนี้ก็มีคนที่กล้ายืนหยัดแล้วคนหนึ่ง” มุมปากของปรมาจารย์จื่อเฉิงยิ้มอย่างพึงพอใจ “เจ้าหนู เจ้าสนใจเข้าร่วมกับเมืองวิถีโอสถหรือไม่?”
หลิงฮันยิ้ม “ถ้าหากผู้อาวุโสเป็นฝ่ายเอ่ยปากเชิญชวนล่ะก็ รุ่นเยาว์ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ!”
ในความเป็นจริงเขาเองก็ต้องการศึกษาหลายๆอย่างจากเมืองวิถีโอสถเช่นกัน ขุมอำนาจแห่งนี้คงอยู่มานานแล้วไม่รู้กี่พันล้านปี หรือบางทีอาจจะหลายยุคสมัย ตำราเม็ดยาที่ถูกเก็บอยู่ในเมืองวิถีโอสถจะต้องมีมากมายนับไม่ถ้วนแน่นอน ซึ่งสำหรับหลิงฮันแล้ว ตำราเหล่าคือสมบัติที่ไม่ได้มีค่าน้อยไปกว่าทักษะระดับราชานิรันดร์
ต้องรู้ก่อนว่าในอดีตนั้น เมืองวิถีโอสถแห่งนี้เคยมีแม้กระทั่งปรมาจารย์นักปรุงยาห้าดาว!
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้สืบทอดคนที่สิบของเมืองวิถีโอสถ!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว เขาแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เพียงแต่ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นเป็นสถานะที่สำคัญมาก ข้าไม่อาจแต่งตั้งให้เจ้าตามอำเภอใจได้ เพราะงั้นเจ้าต้องใช้ความสามารถของตัวเจ้าเองพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับ”
หลิงฮันยิ้ม “พิสูจน์งั้นรึ? ด้วยพลังของรุ่นเยาว์ ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะกำราบผู้สืบทอดคนอื่นได้อย่างง่ายดาย”
ปรมาจารย์จื่อเฉิงชะงักเล็กน้อย เขาลูบเคราของตนเองอย่างไร้คำพูด
นักปรุงยาคือกลุ่มคนที่แตกแยกออกมาจากโลกวรยุทธ จะให้นักปรุงยาเช่นพวกเขาไปเข่นฆ่าสังหารกันเองได้อย่างไร?
“แน่นอนว่าต้องพิสูจน์ด้วยความสามารถของศาสตร์ปรุงยา!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงรีบกล่าวอย่างหนักแน่น
“โอ้” หลิงฮันผิดหวังเล็กน้อย ทั้งๆที่เขาสามารถสะสางปัญหาได้ด้วยกำปั้นแท้ๆ ทำถึงไมถึงต้องทำให้ยุ่งยากกัน?
ปรมาจารย์จื่อเฉิงผิดหวังเล็กน้อย เหตุใดรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้ป่าเถื่อนนัก? เขากล่าวต่อ “หากเจ้าต้องการเป็นผู้สืบทอดคนที่สืบ เจ้าจำเป็นต้องใช้ความสามารถในศาสตร์ปรุงยาเป็นข้อพิสูจน์”
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องศาสตร์ปรุงยารุ่นเยาว์ก็ไม่แพ้ใคร”
ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะ “เพียงแค่หลอมเม็ดยาได้นิดหน่อย เจ้ายังเรียกตนเองว่านักปรุงยาไม่ได้หรอกนะ”
หลิงฮันไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เม็ดยาชุดแรกที่เขาหลอมได้สำเร็จก็มีคุณภาพระดับกลางแล้ว แบบนี้ยังไม่เพียงว่ายอดเยี่ยมอีกรึ?
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดไป” ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะ “พรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาของเจ้านั้นเป็นของจริง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่เจาะจงเลือกเจ้ามาเปลี่ยนแปลงความเสื่อมโทรมของเมืองวิถีโอสถในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าในศาสตร์ปรุงยานั้น ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ยังถือว่าเป็นมือใหม่ ไม่ว่าผู้สืบทอดคนใดก็ล้วนแต่อยู่เหนือกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า”
หลิงฮันยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก แต่ในขณะที่เขากำลังจะเปิดปากพูด ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็สะบัดมือบ่งบอกให้เขาเงียบ
“การหลอมยาก็เปรียบเสมือนการหลอมอาวุธ ที่ไม่ใช่หลอมเสร็จแล้วก็จบ แต่จำเป็นต้องขัดเกลาต่ออีก” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวอย่างเนิบนาบ
หลิงฮันตกตะลึง การหลอมเม็ดยาจำเป็นต้องขัดเกลาเม็ดยาอีกรอบด้วยรึ? นี่ท่านกำลังล้อเล่นอยู่รึไงกัน? หากเม็ดยาถูกหลอมได้สำเร็จก็เป็นจบขั้นตอน ‘นิยายเรื่องนี้ก๊อปมาจาก www.thai-novel.com’ ส่วนถ้าหากหลอมล้มเหลวก็คือล้มเหลว นอกจากความเป็นไปได้สองอย่างนี้จะยังมีอะไรอื่นอีก?
ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองเห็นความเคลือบแคลงของหลิงฮันจึงกล่าว “นำเม็ดยานิรันดร์ที่เจ้าหลอมออกมานี่”
หลิงฮันนำเม็ดยาออกมาและส่งมอบให้กับปรมาจารย์จื่อเฉิง
“ตามข้ามา” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเดินนำหลิงฮันเข้าไปยังห้องหลอมเม็ดยา ก่อนจะทำการจุดเพลิง ซึ่งดูออกได้ไม่ยากว่าชายชราคิดจะทำการหลอมเม็ดยา
ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่กล่าวอธิบายใดๆ เขาโยนเม็ดยาลงไปยังเตาหลอมและผลักฝ่ามือปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิง ที่อัดแน่นไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันเจิดจ้า
ภายใต้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิง เม็ดยานิรันดร์ค่อยๆถูกหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งทันใดนั้นเอง ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ส่งเสียงคำรามและผลักฝ่ามือประทับแสงเจิดจ้าเข้าสู่เม็ดยา
หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากภาพที่เขาเห็นคือ เม็ดยาที่กำลังหลอมละลายถูกหยุดชะงักกลางคันและเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ห้องหลอมเม็ดยาก็คือห้องเร่งเวลารูปแบบหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่งวันของโลกภายนอก เท่ากับหนึ่งร้อยวันในห้องนี้!
เพราะงั้นในขณะที่เวลาของโลกภายนอกผ่านไปเกือบหนึ่งวัน เวลาภายในห้องหลอมเม็ดยาก็ผ่านไปแปดสิบวันแล้ว
หลิงฮันมองดูทักษะของปรมาจารย์จื่อเฉิงอย่างใจจดใจจ่อ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่เท่าไหร่ แต่เขาก็เชื่อว่าสถานะนักปรุงยาสี่ดาวของชายชราย่อมไม่ได้มาเพราะโชคช่วย และชายชราก็ย่อมไม่ได้กำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ด้วย
เมื่อเวลาผ่านมาถึงวันที่เก้าสิบสาม ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็เค้นเสียงเบาและอ้าปากปลดปล่อยคลื่นพลังสีม่วงออกมา ซึ่งหากมองให้ดี จะพบว่าแท้จริงแล้วคลื่นพลังนั่นก็คือเปลวเพลิวสีม่วงที่ส่องแสงสุกสกาว
มันคือแก่นพลังของปรมาจารย์จื่อเฉิง!
โดยปกติแล้วจอมยุทธทุกคนจะมีแก่นพลังเพียงหนึ่งเดียว นอกเสียจากว่าจอมยุทธคนใดจะโชคดี ที่ได้ครอบครองแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพีเพิ่มถึงสองชนิดเหมือนหลิงฮัน
แก่นกำเนิดพลังเปลวเพลิงที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงปลดปล่อยออกมา เคลื่อนที่โอบล้อมไปทั่วเม็ดยา
ตามหลักแล้วการทำเช่นนี้เม็ดยาสมควรจะถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน เพียงแต่เม็ดยาที่อยู่ในเตาหลอมกลับหมุนวนไปมาท่ามกลางเปลวเพลิง และค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นใสกระจ่างราวกับผลึก
“ออกมา!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงยื่นมือออกไปด้านนั้น ซึ่งในขณะเดียวกันเม็ดยาก็ลอยเข้าสู่ฝ่ามือของชายชรา
“ลองตรวจสอบดู” เขาสะบัดโยนเม็ดยาให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันรับเม็ดยามาและมองดูอย่างรอบคอบ ก่อนจะพบว่าที่ผิวของเม็ดยานั้นถูกพันเอาไว้ด้วยลวดลายสีทอง ใบหน้าของเขาชะงักแข็งค้างพร้อมกับอุทาน “คุณภาพของเม็ดยาพัฒนาขึ้นเป็นระดับสูง!”
นี่มันน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก คุณภาพของเม็ดยาสมควรถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่หลอมเสร็จสิ้นแท้ๆ แต่ความจริงมันสามารถนำกลับมาหลอมใหม่ได้ด้วยงั้นรึ?
นี่มันเป็นทักษะนิรันดร์แบบใดกัน?
หลิงฮันแหงนหน้ามองปรมาจารย์จื่อเฉิง ด้วยความสงสัยและสนใจ