Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1893 สู้อีกครั้ง
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หลิงฮันไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร เนื่องจากเขาเก็บตัวฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งเพียงอย่างเดียว
เขาปรับแต่งเม็ดยาสำเร็จแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าการปรับแต่งของเขา อยู่ห่างจากความสมบูรณ์แบบอีกเท่าไหร่
สมมุตลองให้นักปรุงยาที่ระดับต่างกัน มาหลอมเม็ดยาชนิดเดียวกันและปรับแต่งเม็ดยาสามขั้นเหมือนกัน คุณภาพของเม็ดยาย่อมแตกต่างกันราวกับฟ้าและปฐพี
หลิงฮันพยายามขัดเกลาทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงจะบอกว่าเมื่อระดับของนักปรุงยาเพิ่มสูงขึ้น ความสามารถในการปรับแต่งเม็ดยาก็จะสูงขึ้นไปด้วยก็ตาม แต่ในเมื่อตอนนี้เขายังไม่สามารถยกระดับนักปรุงยาของตนเองได้ เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือไปกับการขัดเกลา ทักษะห้วงจิตปรับแต่งแทน
จากนักปรุงยาหนึ่งดาวไปสองดาวนั้น ความซับซ้อนของศาสตร์ปรุงยาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยเท่า เนื่องจากเม็ดยานิรันดร์หนึ่งดาว คือเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับโลกียนิพพาน ส่วนเม็ดยานิรันดร์สองดาว คือเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ
ปรมาจารย์จื่อเฉิงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลิงฮันจะสามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวได้ภายในระยะเวลาหนึ่งล้านปี
แน่นอนว่าระยะเวลาที่ว่านี้ คือเวลาที่ใช้ภายในห้องเร่งเวลา
เพียงแต่สิ่งที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่รู้ก็คือ เรื่องที่หลิงฮันนั้นมีต้นสังสารวัฏอยู่ในครอบครอง ด้วยความสามารถในการช่วยให้รู้แจ้งอันน่าอัศจรรย์ของมัน ระยะเวลาที่หลิงฮันจะบรรลุเป็นนักปรุงยาระดับสองได้ จึงลดลงมาเหลือเพียงพันปี
ก่อนหน้านี้หลิงฮันเคยลองจำลอง การหลอมเม็ดยาเพื่อเป็นนักปรุงยาสองดาวมาแล้ว แต่หลังจากจำลองขั้นตอนไปเพียง หนึ่งในหมื่นส่วนเขาก็ต้องหยุดกลางคัน
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ต้องใช้นั้นซับซ้อนเกินไป ต่อให้นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานจะสามารถหลอมเม็ดยานิรันดร์สองดาวขึ้นมาได้ แต่กว่าจะสำเร็จก็ใช้เวลานานเกินไป
ด้วยเหตุนั้นหลิงฮันจึงไม่รีบร้อน เขาตัดสินใจแผ่ขยายความรู้เกี่ยวกับเม็ดยานิรันดร์หนึ่งดาวให้กว้างขึ้น รวมถึงมุ่งเน้นไปที่การขัดเกลาทักษะห้วงจิตปรับแต่งก่อน
เมื่อเวลาผ่านไปสิบวัน จักรพรรดินีก็ออกมาจากการเก็บตัวบ่มเพาะพลัง
ที่นางออกมา ไม่ใช่ว่านางบรรลุระดับสี่นิพพานสูงสุดแล้ว แต่เนื่องจากวันนี้คือวันที่ยิ่งใหญ่ของหลิงฮัน แน่นอนว่านางย่อมต้องร่วมแสดงความยินดี ให้กับสามีของนางอยู่แล้ว
ในช่วงเช้าตรู่ หลิงฮันออกเดินทางไปพร้อมกับภรรยาทั้งสอง โดยมีธิดาโร๋วติดตามมาโดยไม่ได้รับเชิญ ถ้าหากหลิงฮันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ โดยที่นางเองก็มีสถานะเป็นสหายกับหลิงฮันล่ะก็ ในภายภาคหน้าจะมีเม็ดยานิรันดร์ชนิดที่นางไม่สามารถหาได้?
ความจริงหลิงฮันนั้นไม่ได้ต้องการใกล้ชิดกับธิดาโร๋วมากนัก เหตุผลข้อแรกคือ สตรีผู้นี้มีเสนห์ที่น่าดึงดูดอย่างแท้จริง และเหตุผลที่สองก็คือ จักรพรรดินียังคงแสดงออกอย่างชัดเจนอยู่ตลอดเวลา ว่าเขาจะต้องนำกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรมาครอบครองให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
‘พิธีแต่งตั้ง’ นั้นถูกจัดขึ้นในอาณาเขตที่สี่ เพราะงั้นทุกคนที่สามารถเข้าร่วมได้ จึงมีเพียงตัวตนที่ทรงพลัง หรือก็ไม่มีพื้นเพมาจากขุมอำนาจสามดาว
เมื่อมาบริเวณพิธี หลิงฮันได้ทำการกวาดสายตามองรอบด้าน และพบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจำนวนหนึ่ง อย่างเช่นฟู่เกาหยุน ฟู่ทงไห่ ซือถูถัง และเซี่ยงเหยี๋ยน
ต้องรู้ก่อนระยะห่างของตระกูลฟู่กับเมืองวิถีโอสถนั้น อยู่ห่างจากกันหลายแสนไมล์ ต่อให้ใช้เรือรบในการเดินทาง ก็ยังต้องเวลาเกินกว่าครึ่งปี เพราะงั้นการที่ได้เห็นหน้าตระกูลฟู่ที่นี่ แสดงให้เห็นว่าเมืองวิถีโอสถน่าเกรงขามขนาดไหน
ไม่ว่าอย่างไรในโลกแห่งศาสตร์ปรุงยานั้น อย่างน้อยทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกแห่งนี้ เมืองวิถีโอสถก็คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสัญลักษณ์ของศาสตร์ปรุงยา
เพราะงั้นขุมอำนาจสี่ดาวแห่งนี้ จึงมีอำนาจเทียบเคียงได้กับขุมอำนาจห้าดาว
ทันทีที่พวกฟู่เกาหยุนและคนอื่นๆเห็นหลิงฮัน พวกเขาแต่ละคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
จริงอยู่ที่พวกเขาได้ยินมาก่อนแล้วว่า ผู้สืบทอดคนใหม่ของเมืองวิถีโอสถมีชื่อว่าหลิงฮัน แต่ในความคิดพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่หลิงฮันคนที่ว่า กับหลิงฮันที่พวกเขารู้จักจะเป็นคนคนเดียวกัน
บุคคลที่กำลังถูกตามล่าตัวอยู่ กลายมาเป็นผู้สืบทอดของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสตร์ปรุงยางั้นรึ? เรื่องแบบนี้พูดไปใครจะเชื่อกัน?
ดังนั้นเมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของหลิงฮัน พวกเขาจึงรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังฝันอยู่ และคิดว่าภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือภาพลวงตา
ไม่ใช่แค่ตระกูลฟู่เท่านั้น แม้แต่นิกายอาญาสิ้นแสง ตระกูลหาน ตระกูลเชียนจ้าวและขุมอำนาจอื่นๆ เองก็มองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าโง่งม ก่อนหน้านี้เพียงแค่การลงมือของปรมาจารย์จากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวแล้ว ยิ่งตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลิงฮันได้กลายเป็นผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าที่จะทำการแก้แค้นยิ่งขึ้นไปอีก
เพียงแต่ในความคิดของพวกเขานั้น พวกเขาไม่เคยคาดคิดแม้แต่นิดเดียว ว่าจะได้พบกับหลิงฮันอีกครั้ง
อีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ที่สามารถสังหารผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ได้ถึงสองคนแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นผู้สืบทอดของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสตร์ปรุงยาเสียได้ ในยุทธภพนี้มีคนที่เป็นอัจฉริยะราวกับสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่ได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้มให้กับฟู่เกาหยุน ก่อนจะก้าวเดินไปยังจุดศูนย์กลางของลานพิธี
จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะนั้น แน่นอนว่าพวกนางย่อมต้องเดินตามหลิงฮันไปอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ที่แปลกก็คือ ทางด้านของธิดาโร๋วนั้นนางหน้าด้านเดินตามมาด้วย สำหรับนางนี่เป็นโอกาสดีมากที่จะได้แสดงจุดยืนอันได้เปรียบ ในอนาคตนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะลงมือกับนาง หรือนิกายซู่หนู่ จำเป็นที่จะต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน ว่าจะล่วงเกินขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างเมืองวิถีโอสถหรือไม่
เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดภายใต้ราชานิรันดร์ เพราะงั้นตราบใดที่ผู้ลงมือไม่ใช่ขุมอำนาจราชานิรันดร์ นิกายซู่หนู่ก็จะอยู่ยืนคงกระพันราวกับหินผา
จักรพรรดินีมองไปยังธิดาโร๋วและยิ้มมุมปาก สตรีผู้นี้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องกลายเป็นสตรี ของสามีของนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เพราะงั้นตอนนี้ ยอมให้อีกฝ่ายได้ใจไปก่อนก็ไม่เสียหาย
ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ การที่ปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวทั้งสามคน จะปรากฏตัวให้เห็นพร้อมกันนั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่บนแท่นสูงชัน ทั้งสามคนล้วนแต่เป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ทั้งสิ้น กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจึงน่าเกรงขามมาก จริงอยู่ที่ทั้งสามคนเป็นนักปรุงยา แต่พลังของพวกเขาก็ไม่อาจประมาทได้อยู่ดี
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เริ่มพิธีการได้” ปรมาจารย์จื่อเฉิงลุกขึ้นยืน และทำหน้าที่ดำเนินการแต่งตั้งสถานะผู้สืบทอด
“ช้าก่อน!” เพียงแต่ทันใดนั้นเองเสียงคำรามก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ได้พุ่งทะยานเข้ามา ด้วยสีหน้าที่อัดแน่นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการสู้รบ “ข้าต้องการสู้กับหมอนั่นอีกครั้ง!” รุ่นเยาว์ผู้นี้ชี้ไปยังหลิงฮัน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจ้าวชิงเฟิง