Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1898 คนของตำหนักเมฆาอัสนีปรากฏตัว
หลังจากปรมาจารย์ทั้งสองตกลงกันได้ พิธีการก็ดำเนินต่อไป
หลิงฮันกวาดสายตามองหลู่เซียนหมิง ที่ตอนนี้กำลังแสยะยิ้มอยู่
อีกฝ่ายคิดว่าแค่นี้จะชนะแล้วงั้นรึ?
สามปีสำหรับคนอื่นอาจจะไม่มีประเปลี่ยนแปลง เพราะถึงแม้จะเข้าไปอยู่ในห้องบ่มเพาะกาลเวลา เวลาที่มีก็คือสามร้อยปีเท่านั้น
เพียงแต่ว่าหลิงฮันมีต้นสังสารวัฏ อันเป็นสมบัติที่สามารถพลิกชะตาท้าสวรรค์!
ตอนนี้ข้าจะยอมให้เจ้าได้ใจไปก่อน อีกไม่ช้าก็เร็วข้าจะจัดการทุกอย่างให้สิ้น
หบิวฮันไม่เก็บมาใส่ใจ หลู่เซียนหมิงผู้นี้ไม่มีคุณสมบัติจะให้เขาแยแสแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าตำแหน่งผู้สืบทอดไม่ใช่สิ่งที่ถูกแต่งตั้งได้จากคำพูดของใคร หลิงฮันจำเป็นต้องแสดงความสามารถในศาสตร์ปรุงยาออกมาเช่นกัน การทดสอบนั้น ไม่ใช่แค่ต้องตอบคำถามของนักปรุงยามากประสบการณ์ แต่ยังต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยา และหลอมเม็ดยาต่อหน้าทุกคนหนึ่งครั้ง
หลังจากหลิงฮันแสดงศักยภาพในศาสตร์ปรุงยาเสร็จแล้ว การทดสอบก็จบลง และถึงคราวเริ่มขั้นตอนแต่งตั้งสถานะในที่สุด
ปรมาจารย์จื่อเฉิงประกาศว่าหลิงฮันคือผู้สืบทอดคนที่สิบ ของเมืองวิถีโอสถในยุคสมัยนี้ ตัวตนระดับตำอมตะรับคำรับและรีบลงมือสลักชื่อของหลิงฮันลงบนหินต้นกำเนิดสวรรค์
ในโลกบรรพกาล หินต้นกำเนิดสวรรค์คือสิ่งที่สามารถใช้รับการโจมตีของ จอมยุทธระดับต่ำกว่าสร้างสรรพสิ่งได้ แต่หลังจากที่เข้าสู้ดินแดนแห่นเซียนแล้ว จอมยุทธที่สามารถโจมตีทำลายหินต้นกำเนิดสวรรค์ได้นั้นมีอยู่มากมาย มันจึงถูกใช้เป็นแผ่นศิลาจารึก
‘ครืนน’ เพียงแต่ทันใดนั้นเอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับเมฆาสีแดงที่ปลดปล่อยคลื่นเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุด ได้เคลื่อนไหวเข้ามาใกล้จากระยะทางที่ห่างไกล
ตัวตนระดับตำหนักอมตะกำลังสลักชื่อของหลิงฮัน เกิดตกตะลึงกับเสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้มือลั่นจนอักษรชื่อของหลิงฮันที่กำลังถูกสลักอยู่ หยิกไปหยิกมาไม่เป็นระเบียบ
“ฮึ่ม! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเค้นเสียงไม่สบอารมณ์ และมองไปยังท้องฟ้าพร้อมกับคำราม “คนจากขุมอำนาจใดกัน กล้าดีอย่างไรถึงได้บุกมาโดยไม่สนกฎของเมืองวิถีโอสถ! ”
โอ้ เมฆสีแดงเพลิงนั่นคือปรมาจารย์ผู้หนึ่งงั้นรึ?
ทุกคนแหงนมองเมฆแดงเพลิง ที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ระยะทางที่กว่าเมฆแดงเพลิงจะมาถึงจะยังอยู่อีกไกล และเมืองแห่งนี้มีค่ายกลอาคมป้องกันติดตั้งเอาไว้ก็ตาม แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผา
‘พรึบ’ เมื่อคลื่นเปลวเพลิงสลายไป เรือเหาะขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ และค่อยๆ ร่อนลงมาจอดอยู่เหนือน่านฟ้า
บนเรือเหาะลำนี้ มีสัญลักษณ์รูปร่างเหมือนอัสนีที่น่ายำเกรงสลักเอาไว้
“ตำหนักเมฆาอัสนี! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเค้นเสียงไม่สบอารมณ์ และเผยสีหน้าจริงจัง
ก่อนหน้านี้เขาไปเยือนตำหนักเมฆาอัสนี กับตระกูลจื่อเหอด้วยตนเองเพื่อสะสางความบาดหมางระหว่างขุมอำนาจทั้งสองกับหลิงฮันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ขุมอำนาจทั้งสองจะไม่ชอบใจ แต่ผู้สืบทอดของพวกเขาก็ถูกสังหารจากการประลองที่เป็นยุติธรรม ก่อนหน้านี้พวกเขาถึงได้ไม่ส่งคนมาตามล่าหลิงฮัน
ยิ่งปรมาจารย์จื่อเฉิงมาขออภัยด้วยตัวเอง และตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็ไม่ใช่ขุมอำนาจที่จะล่วงเกินได้ด้วยแล้ว ขุมอำนาจราชานิรันดร์ทั้งสองจึงตัดสินใจไม่ถือสาเอาความหลิงฮัน
ในความเป็นจริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะปรมาจารย์จื่อเฉิงมาบอกล่ะก็ พวกเขาคงไม่รู้เลยว่าหลิงฮันทั้งสองนั้นเป็นคนเดียวกัน
ทั้งๆ ทำข้อตกลงกันไปแล้ว… แต่ตำหนักเมฆาอัสนีก็ยังโผล่หน้ามา!
ความบังเอิญที่ลู่จิ้นเพิ่งบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว และเกือบจะทำให้หลิงฮันไม่ได้เป็นผู้สืบทอด กับการที่ตำหนักเมฆาอัสนีบุกมานั้นช่างน่าสงสัยยิ่งนัก
ปรมาจารย์จื่อเฉิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังลู่จิ้น ที่ตอนนี้ใบหน้าแสดงออกถึงความสงบนิ่งไม่หวั่นไหวใดๆ
สำหรับจอมยุทธที่บรรลุระดับพลังที่สูงขนาดนี้แล้ว การจะไม่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
“ฮ่าๆ ไม่นึกถึงวันวานเก่าๆ กันบ้างรึไง? ” เสียงตะโกนดังขึ้น ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะเหาะเหินลงมาจากท้องฟ้า หนึ่งก้าวของเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลหลายไมล์ เพียงแค่ชายร่างใหญ่ก้าวเดินสามสี่ก้าว ร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ที่ลานพิธี
“ป้าเยา! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงหรี่ตาและมีสีหน้าเคร่งขรึม
ป้าเยาผู้นี้คือนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ของตำหนักเมฆาอัสนี ในตอนที่เขายังเป็นรุ่นเยาว์เขามีสถานะเป็นหนึ่งในผู้สืบทอด ในอดีตเขาเคยโค่นล้มผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์อื่นๆ มาแล้วมากมาย และเป็นอัจฉริยะที่มีความหวังจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ เพียงแต่หลังจากที่พลังบ่มเพาะติดค้างอยู่ในระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้มาเป็นเวลาหลายหมื่นล้านปี สถานะของเขาจึงถูกเปลี่ยนเป็นผู้อาวุโสแทน
“ปรมาจารย์จื่อเฉิง ปรมาจารย์ชิวเย่ ปรมาจารยเทียนซิน แล้วก็… ปรมาจารย์ลู่จิ้น! ” ป้าเยากวาดสายตามองปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสี่ ก่อนจะหยุดสายตาค้างไว้ที่ลู่จิ้นและเผยรอยยิ้ม
ปรมาจารย์จื่อเฉิงและหลิงฮันชะงัก ป้าเยาผู้นี้เพิ่งมาถึงแท้ๆ แต่เหตุใดถึงรู้ว่าลู่จิ้นบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว?
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเคยติดต่อกันมาก่อน
คนผู้นี้ต้องไม่ได้มาดีแน่
“เจ้าน่ะรึหลิงฮันผู้ห้าวหาญ? ” ป้าเยาหยิ่งทะนงไม่สนใจปฏิกิริยาตอบโต้ของปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสี่ และจดจ้องไปยังหลิงฮัน
เพียงแต่เขาก็มีคุณสมบัติที่จะหยิ่งทะนงเช่นนี้ ในแง่ของพลังต่อสู้แล้ว เขาคือหนึ่งในนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“รุ่นเยาว์คือหลิงฮัน ส่วนข้าจะห้าวหาญหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองแบบไหน” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สุภาพหรือหยิ่งยโส
พรวด!
ผู้คนรอบด้านตกตะลึง การที่กล่าวตอบกลับไปว่าห้าวหาญหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมอง ต่อหน้านิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้นั้น ยังไม่เรียกว่าห้าวหาญอีกรึ?
“ฮ่าๆๆ! ” ป้าเยาหัวเราะลั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยุดหัวเราะอย่างกะทันหัน และจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้ามืดมน “เจ้าช่างบ้าบิ่นนัก ที่กล้าสังหารแม้กระทั่งผู้สืบทอดของข้า ถึงแม้ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะสะสางความผิดที่เจ้าทำลงไปให้แล้ว ทำให้เจ้าไม่ต้องทิ้งชีวิต แต่ก็อย่าได้คิดว่าชีวิตของเจ้าจะหนีพ้นความลำบากไปได้! ”
“เจ้า… จงคุกเข่าลงซะ! ”