Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1919 ห้านิพพาน!
ตอนที่ 1919 ห้านิพพาน!
ภายในภูเขา หลิงฮันกับจักรพรรดินีแยกกันไปคนละทิศ เพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
โชคดีที่ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาสามารถทําหน้าที่ของมันได้ดี ความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จึงลงมาบางส่วน แม้อํานาจของมันจะยังทรงพลังเกินกว่าระดับสี่นิพพาน และใกล้เคียงกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ทั้งสองคนรับมือไหว
ครีนนน!
อสนีบาต, อสุนีบาตขนาดหลายหมื่นฟุตผ่าลงมา จนส่งผลให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ราวกับสวรรค์กําลังร่ําไห้
หลิงอันสงบนิ่งเป็นอย่างมาก เขาโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์พร้อมกับสลายการป้องกันของกายหยาบ เพื่อขัดเกลาร่างกายด้วยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เหมือนทุกที
ส่วนในด้านของจักรพรรดินี ถึงแม้นางจะไม่มีความสามารถที่ผิดมนุษย์มนาเหมือนหลิงฮัน แต่ร่างแยกทั้งเก้าของนางก็ช่วยให้นางสามารถต้านทาน อํานาจทําลายล้างอันทรงพลังของสวรรค์และปฐพี่ได้
ตูม!
ตูม!
ตูม!
หลิงขั้นรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยกายหยาบอันไร้เทียมทานของเขา แม้จะสลายพลังป้องกันไปแล้ว บาดแผลที่เกิดขึ้นก็มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยตามผิวหนังเท่านั้น ยิ่งหากเขาไม่สลายพลังป้องกันแล้วล่ะก็ เขาสามารถนอนหลับในขณะรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้เลย
ทางด้านของจักรพรรดินีนั้น นางเองก็ไม่ได้รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อย่างยากลําบาก ร่างทั้งสิบของนางสามารถช่วยกันแบ่งเบาอํานาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ เพราะงั้นถึงแม้สภาพของนางจะไม่ได้ดูเรียบง่ายเหมือนหลิงฮัน แต่ก็ไม่ได้ลําบากอะไร
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะยันต์ไม้ท้อผูกชะตา ที่ทําหน้าที่ลดพลังทําลายของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อย่างดีเยี่ยม
หลิงฮันอดคิดไม่ได้ว่า หากมียันต์ไม้ท้อผูกชะตามากพอ ให้ใช้ต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในทุกระดับพลังล่ะก็ ไม่ใช่ว่าใต้ท้องฟ้านี้จะมีปรมาจารย์ ที่มีพลังบ่มเพาะสูงส่งเกิดขึ้นอีกมากมายเลยงั้นรี
“ช่างเป็นความคิดที่เพ้อเจ้อ” หอคอยน้อยเอ่ยแทรกด้วยน้ําเสียงหยิ่งยโส
“ข้าไม่ได้ถามความเห็นเจ้าเสียหน่อย” หลิงฮันสบถอย่างไม่สบอารมณ์ หอคอยน้อยตนนี้ชอบขัดเขาไปเสียทุกเรื่องเลยเชียว
หอคอยน้อยเมินเฉยคําพูดของหลิงฮันและกล่าวต่อ “ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาจะถูกดึงประสิทธิ์ภาพออกมาได้สูงสุดเพียงการใช้งานครั้งแรกเท่านั้น มันก็เหมือนกับการใช้เม็ดยา ที่ยิ่งใช้ติดต่อกัน ผลลัพธ์ก็จะต่ําลงจากครั้งแรกๆ ”
หลิงฮันอุทาน “โอ้” ออกมา ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
“ต่อให้เป็นในมหาขุมอํานาจ ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาก็ถูกใช้กับทัณฑ์สายฟ้าในระดับห้านิพพานเท่านั้นหากในทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั่วไป ยังจําเป็นต้องใช้ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาล่ะก็ คนผู้นั้นก็คงเป็นขยะที่ไร้ค่าเกินกว่าจะทุ่มเททรัพยากรให้” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“ข้ามีความรู้สึกจากลางสังหรณ์ว่า หลังจากที่เจ้าบรรลุระดับห้านิพพาน หอคอยทมิฬจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!” จู่ๆ หอคอยน้อยก็เปลี่ยนน้ําเสียง หลิงฮันสัมผัสได้ว่าน้ําเสียง ขอหอคอยน้อยในตอนนี้แฝงเอาไว้ด้วยความรู้คาดหวังเล็กน้อย
แม้จะเป็นเพียงการพูดคุยผ่านสัมผัสสวรรค์ก็ตามที แต่หลิงฮันกับหอคอยน้อยจงใจใช้คําว่า “หอคอยทมิฬ” เพื่อเลี้ยงคําว่าหอคอยสามภาพ
หลังจากหลิงฮันแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าว “ช่างน่าแปลก ข้าจะไม่ได้ทะลวงผ่านไปยังระดับพลังใหม่เสียหน่อย เหตุใดจๆ หอคอยทมิฬถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกัน? แถมยบังเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย”
“ห้านิพพาน… การตัดขาดสวรรค์และปฐพี่ที่สมบูรณ์ คือปัจจัยที่ทําให้ตัวเจ้ากลาย เป็นสวรรค์และปฐพีตัวเจ้าจะกลายเป็นเอกภาพที่ไร้ข้อผูกมัด!” น้ําเสียงของหอคอยน้อยกลับไปเป็นแบบเดิม “มีราชานิรันดร์มากมายที่ไม่สามารถบรรลุห้านิพพานได้ ทั้งๆ ที่ขั้นพลังนี้คือธรณีประตูสู่ระดับพลังสูงสุด”
“แต่ก็นะ หากเจ้าไม่สามารถบรรลุระดับห้านิพพานได้ หลังจากที่เจ้าบรรลุเป็นตัวตนระดับแบ่งแย่งวิญญาณ ข้าคงจะต้องทิ้งเจ้าไปหาผู้ครอบครองใหม่”
“นั่นเพราะตลอดชีวิตนี้ เจ้าจะไม่สามารถทําภารกิจที่ข้ามอบหมายได้สําเร็จ!”
หอคอยน้อยกล่าวออกไปตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม
ในชั่วขณะหนึ่ง หลิงฮันไม่รู้ว่าตนเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี
เห็นได้ชัดว่าหอคอยน้อยไม่เคยตระหนักว่าเขาเป็นเจ้านายเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่เป็นนายของหอคอยทมิฬก็คือตัวหอคอยน้อยเอง หากคนที่มันเลือกทําตามเป้าหมายไม่ได้ มันก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนไปเลือกคนอื่นแทน!
บางทีที่หอคอยทมิฬไปปรากฏขึ้นที่ทมิฬฮงเทียน ก็อาจเป็นเพราะหอคอยน้อยทําการละทิ้ง “ผู้ถูกเลือก” คนก่อนก็เป็นได้
“อย่าได้คิดอะไรฟุ้งซ่านเอาเอง” หอคอยน้อยกล่าว “ตั้งแต่ต้นจนถึงจุดสิ้นสุด ผู้ที่จะเป็นผู้ปกครองหอคอยทมิฬ ก็มีเพียงเจ้าแค่คนเดียว”
“เวลาเจ้าปลอบข้าแบบนี้ ข้ารู้สึกได้เลยว่าเจ้าไม่ได้จริงจังแม้แต่น้อย!” หลิงขั้นหัวเราะ
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หอคอยทมิฬก็ช่วยทําให้เขาเติบโตมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน กล่าวได้ว่าหากไม่มีหอคอยทมิฬ เขาก็อาจจะบรรลุความสําเร็จสูงสุดของศาสตร์ปรุงยาได้ แต่กับศาสตร์วรยุทธคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หรือบางทีเขาอาจจะถูกหลอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดยา โดยเงื่อมมือของห้านิกายโบราณและไร้ตัวตนไปนานแล้วก็เป็นได้
“งั้นก็ขอข้าคาดหวังในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของหอคอยทมิฬหน่อยแล้วกัน!” หลิงฮันฟื้นฟูการป้องกันของกายหยาบกลับมา ทั้งๆ ที่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ยังไม่สิ้นสุด แต่เขากลับ ยกฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า
เขาจะทําการตัดผ่านห้านิพพานเสียตั้งแต่ตอนนี้
พรึบ” หลิงอันตรึงมือเป็นรูปร่างกระบี่และสะบั้นเข้าใส่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าทั้งๆที่เขาเพียงแค่ทําท่าฟันกระบี่ ไม่ใช่การฟันด้วยกระบี่จริงๆ แต่ท้องฟ้ากับปรากฏแสงสว่างราวกับสวรรค์และปฐพี่กําลังถูกตัดขาด
สวรรค์และปฐพี่ส่งเสียงคํารามด้วยความพิโรธ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าน้ําเสียงนั้น เป็นเสียงคํารามของมนุษย์หรือสัตว์อสูร แต่มันก็ทําให้จิตวิญญาณของคนที่ได้ยิน เกิดการสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ครืนน ครืนนน” อสนีบาต อสุนีบาตครั้งต่อไปที่ผ่าลงมา มีพลังทําลายที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอสุนีบาต อสุนีบาตแปรสภาพกลายเป็นรูปทรงของขวาน และทะลวงเข้าใส่หลิงฮันด้วยเจตนาที่ต้องการจะบดขยี้ให้สิ้นซาก
หลิงฮันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาในจิตใจ ราวกับตัวของเขาได้หลุดพ้นออกมาจากสวรรค์และปฐพี
ที่ผ่านๆ มา เขากับสวรรค์และปฐพี่นั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน เปรียบแล้วก็เหมือนกับตัวเขา เคือหยดน้ําหนึ่งหยดในมหาสมุทรเพียงแต่ตอนนี้ตัวเขาได้เปลี่ยนจากหยดน้ํามาเป็นมัจฉา ที่ถึงแม้จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยขาดมหาสมุทรได้ แต่ก็สามารถแหวกไปที่มุมใดของมหาสมุทรก็ได้ตามต้องการ
“พรึบ ร่างของปลดปล่อยคลื่นแสงบางอย่างออกมา คลื่นแสงนี้แม้จะเรือนราง แต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยอํานาจที่ทรงพลัง
นี่คือ…. แสงแห่งวิถีวรยุทธของตัวเขาเอง!
“ตูม” และทันใดนั้นเอง คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัว ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา คลื่น แสงอันเรือนรางได้ถูกแทนที่ด้วยคลื่นแสงที่เข้มข้นแทน
ห้วงเวลา!
ห้วงมิติ!
อํานาจสังหาร!
อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสาม ที่อยู่บนจุดสูงสุดของอํานาจแห่งกฏทั้งหมด ระเบิดออกมาจากร่างของหลิงฮันพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด
หอคอยทมิฬสามชั้นที่เหลือ… ถูกเปิดออกแล้ว!