Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1936 ถูกใช้เป็นเครื่องมือ
ตอนที่ 1936 ถูกใช้เป็นเครื่องมือ
หลิงฮันมีสีหน้ามืดมน “เผิงฮวาเหนียน เพราะเจ้าเป็นศิษย์ของศิษย์พี่สาม ข้าจึงไม่สนใจจะมีเรื่องกับเจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็สมควรรู้จุดยืนของตนเอง อย่าได้ทําตัวน่าอับอาย!”
“ฮ่าๆๆ!” เผิงฮวาเหนียนหัวเราะ “หลิงฮัน เจ้าคิดว่าการที่เจ้าเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิง แล้วจะทําให้เจ้าข้ามหัวข้าได้งั้นรึ?”
ในความเป็นจริง เขารู้สึกอิจฉาหลิงฮันเป็นอย่างมาก
รุ่นเยาว์ผู้นี้มีอะไรดีกว่าเขากัน ปรมาจารย์จื่อเฉิงถึงได้รับเป็นศิษย์ แถมยิ่งกว่านั้นรอบกายของอีกฝ่ายก็ยังมีสตริงดงามถึงสี่คนอยู่เคียงข้างอีกด้วย
ในด้านของศาสตร์วรยุทธ ตัวเขาเป็นถึงจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ ในขณะที่ใน ศาสตร์ของการปรุงยานั้น ตัวเขาก็เป็นถึงนักปรุงยาสามดาว มีจุดไหนกันที่เขาด้อยกว่าหลิงฮัน?
เขาไม่อาจทําใจยอมรับได้
“หลิงฮัน หนิวจะทุบตีมันเอง!” ฮูหนิวเป็นคนแรกที่หมดความอดทนและก้าวออกมาด้านหน้าจักรพรรดินี้เองก็เผยสีหน้าเย็นชา หากใครมาดูถูกเหยียดหยามหลิงฮัน นางเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าเช่นกัน
เผิงฮวาเหนียนไม่หวาดกลัว กลุ่มของหลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น ส่วนเขานั้นเป็นถึงจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยาง
“ท่านอาจารย์!” เพียงแต่ทันใดนั้นเอง รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากเมือง อีกฝ่ายสวมใส่ชุดคลุมผ้าไหมสีแดง และมีใบหน้าหล่อเหลา
ทันทีที่เห็นรุ่นเยาว์ผู้นี้ เหล่าทหารยามก็รีบทักทายทันที
รุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา นอกจากเขาจะเป็นลูกศิษย์ของเผิงฮวาเหนียนแล้ว เขายังมีสถานะเป็นถึงคุณชายของตระกูลโม่แห่งเมืองผนึกแปรผันอีกด้วย
ชื่อของรุ่นเยาว์ผู้นี้คือโม่ซวง
“โม่ซวง” เผิงฮวาเหนียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเขาจะเอ็นดูศิษย์ของตนผู้นี้เป็นอย่างงมาก
ซึ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ตระกูลโม่คือขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ราชานิรันดร์ ตัวเขาที่เป็นนักปรุงยาสามดาว เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลโม่แล้วย่อมไม่นับเป็นอันใด
“อาจารย์ คนผู้นี้คือ…” เขามองไปยังหลิงฮันด้วยความรู้สึกสงสัยสามส่วน และความเหยียดหยามเจ็ดส่วน
“โอ้ คนผู้นี้มาเพื่อแสดงความยินดีต่ออาจารย์ปู่ของเจ้าที่บรรลุทักษะห้วงจิตปรับแต่งขั้นหกได้สําเร็จ” เผิงฮวาเหนียนกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับหลิงฮันเป็นเพียงคนนอก แน่นอนว่าไม่มีทางเด็ดขาดที่เขาจะบอกว่าหลิงฮันเป็นอาจารย์ลุงของเขา
“เขาเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน” เผิงฮวาเหนียนกล่าวเสริม
เผิงฮวาเหนียนงั้นรึ?
ใบหน้าของโม่ซวงกลายเป็นเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม ใครบ้างจะไม่รู้ว่าอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน คืออาณาเขตที่อ่อนแอที่สุดในสามสิบสามอาณาเขตสวรรค์ของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก แม้ในอดีตอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน จะเคยทัดเทียมกับอาณาเขตสวรรค์กว่างลิงและอาณาเขตสวรรค์เหยี่ยนหนาน แต่ในช่วงร้อยล้านปีที่ผ่าน ระดับวรยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงและอาณาเขตสวรรค์เหยี่ยนหนานได้ถูกยกระดับขึ้น ทําให้อาณาเขตสวรรค์ไท่อันถูกทิ้งเอาไว้ด้านหลัง
ในความคิดของจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งนั้น อาณาเขตสวรรค์ไท่อัน คือสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอ เพราะงั้นต่อให้เป็นจอมยุทธในระดับเดียวกัน อาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งย่อมคว้าชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ถึงแม้อาณาเขตสวรรค์ไต่อันจะอ่อนแอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแหล่งรวมสตรีที่งดงามที่สุด!
เขากวาดสายตามองซูหนิว จักรพรรดินี และธิดาโร๋วเรียงตามลําดับ และรู้สึกว่าสตรีทั้งสามคนนี้ล้วนแต่เป็นสตรีงดงามที่มีเสน่ห์กันคนละแบบ คนหนึ่งงดงามอย่างบริสุทธิ์ คนหนึ่งงดงามอย่างลึกลับ และอีกคนงดงามอย่างทรงเสน่ห์ที่ทุกๆ อย่างเคลื่อนไหว สามารถทําให้จิตใจของคนที่มองสั่นสะท้านได้
“อาจารย์ ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเสียมารยาทกับท่านสินะ” โม่ซงกล่าวด้วยความรู้สึกยินดีในใจ นี่เป็นโอกาสดีที่ต้องคว้าเอาไว้
ดูสิว่าหากเห็นหลิงฮันถูกเขาทําให้อัปยศต่อหน้าต่อตา สตรีที่งดงามเหล่านี้จะคิดอย่างไร
การที่สตรีงดงามขนาดนี้ต้องมาติดตามจอมยุทธที่อ่อนแอของอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน ช่างเป็นสิ่งที่เสียของนัก
เผิงฮวาเหนียนกล่าวอย่างไม่แยแส “ก็แค่รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ต่อหน้าศิษย์ของตน แน่นอนว่าเขาต้องคงท่าที่อันน่ายําเกรงของนักปรุงยาระดับสูงเอาไว้
เมื่อโม่ซวงได้ยิน เขาก็ตัดสินใจได้ในทันที
ดูเหมือนว่าเผิงฮวาเหนียนจะไม่ชอบหน้าหลิงฮันเป็นอย่างมาก แต่เพราะสถานะของตนเอง เขาจึงไม่สามารถลงมือด้วยตัวเองได้
ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะทําตามต้องการ
“เจ้าหนู ยังไม่คุกเข่าขออภัยอาจารย์ข้าอีก!” โม่ซวงชี้นิ้วไปยังหลิงฮันด้วยน้ำเสียงสั่งการ
เขาดูหมิ่นคนของอาณาเขตสวรรค์ไต่อันเป็นอย่างมาก จากที่เขาได้ยินมาในอาณาเขตสวรรค์ไท่อันมีอัจฉริยะระดับจักรพรรดิเพียงแค่สองถึงสามคนเท่านั้น
หลิงฮันสะบัดมือเป็นสัญญาณบอกให้พวกจักรพรรดินี้ไม่ต้องลงมือทําอะไร และให้เขาเป็นคนจัดการเอง
เขามองไปยังโม่ซวงด้วยรอยยิ้มและกล่าว “หนุ่มน้อย ไม่มีใครเคยสั่งสอนเจ้าเลยยังไง เจ้าถึงได้ถูกยั่วยุง่ายดายเพียงนี้?”
หนุ่มน้อยงั้นรึ?
เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้อาวุโสของข้ารึไง?
โม่ซวงมีน้ำโหขึ้นมาทันที ดูจากพลังชีวิตในการไหลเวียนของกระแสโลหิตแล้ว อายุของหลิงฮันนั้นน้อยกว่าเขามากนัก ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่อีกฝ่ายยังกล้าเรียกเขาว่าหนุ่มน้อยอีกรึ?
“ก่อนอื่นข้าจะขจัดปากเสียๆ ของเจ้าทิ้งซะ!” โม่ซวงลงมืออย่างเกรี้ยวกราด
พลังต่อสู้ของเขานั้นไม่อ่อนแอเลย ด้วยการที่เป็นถึงคุณชายน้อยของขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ เขาจึงมีศักยภาพพอที่จะเป็นราชาในหมู่ราชา
หลิงฮันพยักหน้าในใจ เพียงแค่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานที่พบเจอทั่วไปก็เป็นถึงราชาในหมู่ราชาแล้ว จากเรื่องนี้ทําให้เห็นว่าศาสตร์วรยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลิงสูงส่งเพียงใด
เพียงแต่ต่อหน้าเขาแล้ว นิรันดร์สี่นิพพานจะนับเป็นนับใดได้?
หลิงฮันพาดมือสองข้างไว้ด้านหลัง และขยับเท้าหลบหลีกจากโจมตีของโม่ซวงอย่างง่ายดาย
ในฐานะที่มีศักดินาเป็นผู้อาวุโสของอีกฝ่าย หลิงฮันจึงไม่คิดจะบดขยี้อีกฝ่ายให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ อีกอย่างโม่ซวงก็ยังเยาว์วัยและเลือดร้อนมากถึงได้ถูกเผิงฮวาเหนียนกระตุ้นเอาได้
ปัง! ปัง! ปัง!
โม่ซวงโจมตีไปกว่าสิบกระบวนท่า แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสโดนแม้แต่เสื้อคลุมของหลิงฮัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย และดวงตาส่องประกายเกรี้ยวกราด
“โอ้ โม่เจ็ดปะทะกับคู่ต่อสู้อยู่งั้นรึ?” เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น พร้อมกับคน เจ็ดใครได้เดินมาจากด้านนอกเมือง ห้าคนเป็นบุรุษ สองคนเป็นสตรี พวกเขาทุกคนมีกลิ่นอายน่าเกรงขามราวกับมังกรหรือนกวิหคเพลิงในหมู่มนุษย์ แต่ละคนต่างมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและงดงามเป็นอย่างมาก
คนที่พูดคือบุรุษที่ด้านหลังพาดคันธนูขนาดใหญ่สีม่วงเอาไว้ ซึ่งขนาดของธนูมีความยาวเกินกว่าร่างของบุรุษผู้นั้นเล็กน้อย การก้าวเดินของเขาทรงพลังและมีอํานาจที่ดูแล้วน่ายําเกรง