Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1940 กล้าเดิมพันหรือไม่
ตอนที่ 1940 กล้าเดิมพันหรือไม่
“ฮ่าๆๆ ช่างน่าขันนัก เจ้าอย่าคิดนะว่าแค่จับเตาหลอมก็สามารถถูกเรียกว่าเป็นนักปรุงยาได้แล้ว!” เยี่ยนเว่ยมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเหยียดหยาม “ในอนาคตอย่าได้เรียกตนเองว่านักปรุงยาต่อหน้าข้าอีก!”
โม่ซวงเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เจ้านั่นแหละช่างน่าขัน เจ้าไม่รู้งั้นรีว่าหลิงอันเป็นถึงศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิง? ต่อให้ความจริงแล้ว หลิงฮันจะยังไม่ใช่นักปรุงยา แต่ในจุดนี้เขาก็มีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าเป็นนักปรุงยา
“ไม่ใช่แม้แต่นักปรุงยาหนึ่งดาว แต่กล้าเรียกตนเองว่าเป็นนักปรุงยางั้นรึ? น่าหัวเราะนัก” เยี่ยนเว่ยกล่าวดูหมิ่น
นักปรุงยาจะมีตราแผ่นป้ายพิเศษ ที่เพียงแค่เห็นก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของแผ่นป้ายนั้นเป็นนักปรุงยากดาว ในตอนที่อยู่เมืองวิถีโอสถ หลิงฮันติดแผ่นป้ายที่ว่าเอาไว้บนเสื้อก็เพราะปรมาจารย์จื่อเฉิง เพียงแต่ในเมื่อตอนนี้ได้ออกมาจากเมืองวิถีโอสถแล้ว เขาจึงเลือกที่จะถอดแผ่นป้ายออก
เหตุผลที่ทําไมในตอนแรก เผิงฮวาเหนียนรับรู้ว่าเขาคือนักปรุงยาสองดาวได้ในทันที ก็เพราะแบบนี้เอง เมื่อตอนนี้เขาไม่ได้ติดแผ่นป้ายแล้ว เยี่ยนเว่ยจึงแสดงท่าที่ดูถูกต่อเขา
โม่ซวงต้องการโต้ตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นเป็นนักปรุงยาระดับใด เขาจึงไม่รู้ว่าตนเองควรทําอย่างไรดี เขาทําได้เพียงกล่าวออกไป “ฝีมือในศาสตร์ปรุงยาของพี่ชายหลิงของข้านั้น ยอดเยี่ยมกว่าของเจ้าหลายร้อยเท่า!”
“โม่เจ็ด ต่อให้พูดจาลมๆ แล้งๆ แบบนั้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร” หยางเจียกล่าวแทรก “หากมีความสามารถจริง พวกเราก็มาประลองกันเลยดีกว่า”
“คิดว่าข้าไม่กล้างั้นรึ?” โม่ซวงไม่ยอมให้ตนเองเสียเปรียบ “ไม่ว่าจะเป็นทักษะดาบ กระบี่ ธนู ชงชา หรือหมากรุกข้าก็จะสู้กับเจ้าเอง”
หยางเจียส่ายหัว ก่อนจะกล่าว “พวกเราจะตัดสินกันด้วยศาสตร์ปรุงยา! “พี่ชายหลิง” ขึ้นอยู่กับท่านแล้วว่ารับคําท้าประลองหรือไม่!”
เขาจงใจเน้นเสียงคําว่า “พี่ชายหลิง” เพื่อถากถาง
หลิงฮันจับจมูกครุ่นคิด นี่เขาน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยงั้นรึ? เหตุใดในตอนที่เขาไปอยู่กับใคร ถึงได้ตกเป็นเป้าสายตา โดยที่ยังไม่แม้แต่พูดอะไรออกมาสักคําตลอดเลย?
“ฮึ่ม ให้คนอื่นประลองกันจะไปมีความหมายอะไร เจ้ากับข้าต่างหากที่ต้องประลองกัน!” โม่ซวงไม่มั่นใจในตัวหลิงฮันเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิง แต่ก็ไม่มีแผ่นป้ายนักปรุงยาติดเอาไว้
ถ้าหากหลิงฮันบรรลุเป็นนักปรุงยาสําเร็จแล้วจริงๆ เหตุใดถึงไม่ติดแผ่นป้ายนักปรุงยาเพื่อแสดงสถานะของตนเองกัน?
“โม่เจ็ด หรือเจ้าไม่กล้างั้นรึ?” หยางเจียยั่วยุ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับน้ำพุสวรรค์จิตวิญญาณปฐพีจอกเล็กมา และวางแผนคิดจะใช้มันหลอมกับอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สินะ ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ข้าก็มีแร่โลกึ่งนิรันดร์สี่ดาวอยู่พอ”
“ให้พี่ชายของข้า กับพี่ชายหลิงของเจ้าประลองเดิมพันกัน หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบแร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาวให้เจ้า”
“แต่ถ้าเจ้าแพ้ล่ะก็… เจ้าต้องมอบน้ำพุสวรรค์จิตวิญญาณปฐพี่ให้ข้า!”
โม่ซวงเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ช่างเอาเปรียบกันอะไรอย่างนี้!
แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาวจะมาเทียบกับน้ำพุสวรรค์จิตวิญญาณปฐพีได้อย่างไร? น้ำพุสวรรค์จิตวิญญาณปฐพี่นั้น หากหลอมเข้าไปยังอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ล่ะก็ ระดับของอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ชิ้นนั้นจะถูกยกระดับขึ้นเกือบครึ่งระดับ โดยที่ขีดจํากัดของอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ที่สามารถเสริมแกร่งได้คืออุปกรณ์กึ่งนิรันดร์เจ็ดดาว
หลิงฮันแสร้งทําเป็นจิตใจสั่นไหว และเผยสีหน้าตกตะลึง “โม่เจ็ด นั่นมันแร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาวเชียวนะ!” สีหน้าตกตะลึงของเขานั้นราวกับว่า แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาวไม่ใช่แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาว แต่เป็นแร่โลหะนิรันดร์ที่แท้จริง
อะไรกัน… นี่เจ้ายังมียางอายอยู่รึเปล่า? จริงอยู่ที่แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาวจะล้ำค่า แต่สําหรับขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้แล้ว การจะได้มันมาในครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หยางเจียและเยี่ยนเว่ยเผยสีหน้าเหยียดหยามทันที คนบ้านนอกเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามาอยู่กับโม่ซวงได้อย่างไร
จิตใจของโม่ซวงสั่นสะท้าน แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าหลิงฮันจะตาต่ำขนาดนั้น คนที่สามารถเป็นจักรพรรดิ และเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวได้ จะไม่มีมุมมองที่กว้างไกลได้อย่างไร?
เขาไม่ใช่คนโง่ และเข้าใจในทันทีว่า หลิงฮันนั้นต้องการหลอกล่อหยางเจียและเยี่ยนเว่ย!
เรื่องนี้ไม่มีทางที่เขาจะคัดค้านอย่างแน่นอน ในทางกลับกัน เขายินดีจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยด้วยซ้ำ
โม่ซวงรีบกล่าว “พี่ชายหลิง แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาว ไม่สามารถนํามาเทียบกับน้ำพุสวรรค์วิญญาณปฐพีได้ มูลของทั้งสองต่างชั้นกันมาก การเดิมพันในครั้งนี้จึงไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง”
“เจ้าไม่มั่นใจในตัวข้างั้นรึ?” หลิงฮันแสร้งทําเป็นรู้สึกอัปยศ และเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ไม่ใช่แบบนั้น พี่ชายหลิงท่านต้องฟังข้าก่อน” โม่ซวงให้ความร่วมมือดีมาก เขาแสร้งทําสีหน้ากระอักกระอ่วน
หยางเจียรีบเอ่ยแทรกทันที “โม่เจ็ด ในเมื่อพี่ชายหลิงของเจ้ามั่นใจขนาดนั้น ทําไมไม่ให้เขาลองล่ะ?”
“หยางต้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกรึ?” โม่ซวงเค้นเสียง “แร่โลหะกิ่งนิรันดร์สี่ดาว จะมาเทียบกับน้ำพุสวรรค์วิญญาณปฐพีได้อย่างไร?”
“ก็ได้ ถ้างั้นข้าจะเพิ่มสมุนไพรนิรันดร์เป็นของเดิมพันเข้าไปอีกต้น” หยางเจียกล่าวอย่างมั่นใจ “หญ้าวิหคสวรรค์คราม อายุเก้าหมื่นเก้าพันล้านปี ที่มีเศษเสี้ยวอํานาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงผสานอยู่”
จิตใจของโม่ซวงสั่นสะท้านอย่างไม่อาจต้านทาน ต่อให้ไม่มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ให้ดูดซับก็คือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่า โดยเฉพาะกับสมุนไพรนิรันดร์ที่มีอายุยืนยาวมาแล้วกว่าเก้าพันเก้าร้อยล้านปียิ่งแล้วใหญ่
“พวกข้ารับเดิมพัน!” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
“ตกลง!” หยางเจียเกรงว่าโม่ซวงจะปฏิเสธ จึงรีบด่วนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
โม่ซวงเผยสีหน้าเป็นกังวล จริงอยู่ที่อีกฝ่ายติดกับแล้ว แต่ปัญหาก็คือ เขายังไม่รู้ถึงความสามารถในการปรุงยาของหลิงฮันว่าอยู่ในระดับใด
เพียงแต่ในเมื่อหลิงฮันรับเดิมพันไปแล้ว เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
มีแต่ต้องยอมรับสถานเดียว
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต่อให้ต้องสูญเสียน้ำพุสวรรค์วิญญาณปฐพีไป แต่ความสัมพันธ์ของเขากับหลิงฮันก็จะแน่นแฟ้นขึ้น
“ช้าก่อน!” เยี่ยนเว่ยเอ่ยปาก
หลิงฮันชําเลืองสายตามอง หรือว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันแผนการของเขากัน?
“ข้าขอเพิ่มเม็ดยาเสริมรากฐานวิญญาณเป็นของเดิมพันเพิ่มไปอีกหนึ่งอย่าง” เยี่ยนเว่ยนําขวดเม็ดยาออกมาวางบนโต๊ะหิน “เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?”
ที่แท้ก็ต้องการเพิ่มมูลค่าของเดิมพันนี่เอง
หลิงฮันรู้สึกโล่งอก ส่วนสําหรับเม็ดยาเสริมรากฐานวิญญาณนั้น มันคือเม็ดในที่ใช้ระดับแบ่งแยกวิญญาณ ถึงแม้จะเป็นเม็ดยาสามัญ แต่มูลค่าของมันก็แพงเป็นอย่างมาก
โม่ขวงแสร้งทําเป็นหว่านล้อมให้หลิงฮันปฏิเสธ แต่หลิงฮันก็ยังยืนกรานว่าจะเพิ่มของเดิมพันซึ่งสิ่งที่เขาเพิ่มเข้าไปก็คือเม็ดยาเหมันต์ครามสิบขวด เนื่องจากมันเป็นเม็ดยาที่ใช้ในระดับโลกียนิพพาน เขาจึงต้องเพิ่มจํานวนของมันให้มากขึ้นสิบเท่า
“งั้นก็เริ่มประลองกันได้!” เยี่ยนเว่ยกล่าวอย่างองอาจ ในความคิดของเขานั้น เพียงแต่เขายื่นมือออกไป หลิงฮันก็จะต้องถอยและเป็นฝ่ายยอมแพ้ด้วยตัวเอง
“ไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลา”
ทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปพร้อมกัน และแน่นอนว่ากลุ่มคนจํานวนมากได้เดินตามมาด้วย เพื่อที่จะได้ไม่พลาดชมเหตุการณ์น่าตื่นเต้น