Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1959 จักรพรรดิระดับแนวหน้า
ตอนที่ 1959 จักรพรรดิระดับแนวหน้า
ในวันรุ่งขึ้น ในที่สุดจักรพรรดิที่แข็งแกร่งของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งก็มาถึง
ถังหมิงหลง
คนผู้นี้ฟังจากชื่อแล้วอาจจะทําให้เข้าใจไปว่าเป็นชายร่างสูงที่กํายํา แต่ความจริงกลับเป็นคนแคระที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย และมีเส้นผมสีขาวเต็มศีรษะ รูปลักษณ์ของเขาไม่ได้ที่เค้าโครงของจักรพรรดิอยู่เลยแม้แต่น้อย
มีข่าวลือกล่าวว่าคนผู้นี้คือร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดราชานิรันดร์ถึงเลือกใช้ร่างกายที่ดูมีสภาพเช่นนี้ เพราะต่อให้ไม่ใช่ราชานิรันดร์ เพียงแค่จอมยุทธระดับโลกียนิพพาน ก็สามารถปรับแต่งโครงสร้างร่างกายได้อย่างง่ายดาย
หากข่าวลือเรื่องที่ว่าถังหมิงหลง คือร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์เป็นความจริงล่ะก็ ยุคสมัยใหม่ของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งก็คงจะน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ขนาดร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ก็ยังแข็งแกร่งเป็นอันดับสาม แล้วพลังของยี่กับซูหย่าหรงล่ะ จะแข็งแกร่งขนาดไหน?
“ผู้อาวุโสถัง!” ใครหลายคนรีบกล่าวทักทายอย่างรวดเร็ว มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นยังคงนิ่งเฉย
ถังหมิงหลงเมินเฉย แววตาของเขาดูโดดเดี่ยวอยู่เล็กน้อย
“ผู้อาวุโสถัง คนผู้นั้นสร้างความอัปยศให้อาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งของเรา!” ชายคนหนึ่งรีบตะโกน และชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน
ถังหมิงหลงกวาดสายตามองด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
ชายพูดนั้นรีบอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พร้อมกับจ้องมองถังหมิงหลง ด้วยความคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะยืนขึ้นปกป้องชื่อเสียงของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง และเหยียบย่ําอาณาเขตสวรรค์ไม่อันให้สิ้นซาก
หลังจากที่รับรู้เรื่องราว ถังหมิงหลงได้จดจ้องไปที่หลิงฮันกับฮูหนิว ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาและนั่งลงบนโขดหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ราวกับไม่ต้องการให้ใครไปรบกวน
จอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถบังคับให้ถังหมิงหลงลงมือได้ คงมีเพียงหลังจากที่หุบเขาสามบุปผาเปิดออกเท่านั้น หลิงฮันกับถังหมิงหลงถึงจะเผชิญหน้ากัน
“ไม่จําเป็นต้องรอนานขนาดนั้น ตราบใดที่ผู้อาวุโสยี่มาถึง เขาจะต้องลงมือกําราบหลิงฮันอย่างแน่นอน” ใครบางคนกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ใช่แล้ว!” ใครหลายคนเห็นด้วย แม้แต่เหล่าจักรพรรดิคนอื่นเองก็เผยสีหน้าเลื่อมใส
แม้จะเป็นจักรพรรดิเช่นเดียวกัน แต่ความต่างชั้นระหว่างพวกเขากับยีนั้นมีมากเกินไป จนพวกเขาทําได้เพียงแหงนมอง
พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านไปอีกสองวัน
ทันใดนั้งเอง กลิ่นหอมหวนก็พัดผ่านเข้ามา พร้อมกับบุปผางดงามมากมายได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เพียงแต่ถ้าหากยื่นมือไปสัมผัส จะรับรู้ได้ว่าบุปผาเหล่านี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นเพียงภาพเงาเท่านั้น
“บุปผาหมื่นไมล์… ธิดาซูมาถึงแล้ว!”
ผู้คนมากมายของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ซูหย่าหรงไม่ได้แต่เป็นสตรีที่งดงามอันดับหนึ่งของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งเท่านั้น แต่ยัง เป็นอัจฉริยะอันดับสองในระดับโลกียนิพพานอีกด้วย ด้วยสถานะทั้งสองอย่างนี้ ทําให้นางเปรียบดังเทพธิดาแห่งเก้าชั้นฟัสที่สูงส่งเหนือใคร
ผ่านไปไม่นาน ร่างขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากระยะไกล ร่างนี้คือสตรีงดงามที่สวมชุดสีขาวราวกับหิมะ บนกระโปรงของนางมีเสือมากมายเกาะอยู่ ทุกครั้งที่นางเคลื่อนไหว ผีเสื้อเหล่านั้นจะแตกสลายเป็นจุดแสงและหายไป
ผีเสื้อเหล่านั้นไม่ใช่ผีเสื้อของจริง แต่เป็นการจําแลงโดยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์
“ธิดาซู!”
“ธิดาซู!”
“ธิดาซู!”
เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งกล่าวทักทาย ถังหมิงหลงเองก็ลืมตาขึ้นมา จ้องมองใบหน้าของซูหย่าหรง ใบหน้าที่เที่ยวย่นของเขาเผยสีหน้าแปลกประหลาดบางอย่าง ก่อนจะหลับตาลงโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกครั้ง
ซูหย่าหรงนั้นงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ หลิวหานที่ว่างดงามมากแล้วยังไม่อาจเทียบชั้นนางได้ หากนําทั้งสองมายืนเทียบกันล่ะก็ จะเห็นได้ว่าหลิวหานด้อยกว่าอย่างชัดเจน
เพียงแต่หากเป็นแต่ก่อน ทุกคนอาจจะยอมรับว่าทันใดที่ซูหย่าหรงปรากฏตัว นางจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของผู้คนทันที เพียงแต่ตอนนี้นั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากมีสตรีผู้อื่นซึ่งงดงามเหนือกว่านางอยู่ด้วย
ฮูหนิว!
ฮูหนิวนั้นงดงามกว่าซูหย่าหรง ถึงแม้เด็กสาวผู้นี้จะป่าเถื่อนไปบ้างก็ตาม
ไม่ใช่แค่ซูหนิวเท่านั้น สตรีอีกสองคนด้านข้างนางเองก็เช่นกัน คนหนึ่งแม้จะสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ แต่เรือนร่างของนางก็ยังน่าดึงดูดหาสิ่งใดเปรียบ แม้จะไม่เห็นหน้าตา สตรีผู้นี้ก็สามารถทําให้ผู้คนลุ่มหลงได้
สตรีอีกคนก็ด้วย ดวงตาของนางเย้ายวนไปด้วยเสน่ห์ที่รุนแรง เพียงแค่จ้องมองบุรุษก็อาจวิญญาณหลุดจากร่างได้
ซูหย่าหรงเองก็ดูเหมือนจะตระหนักในเรื่องนี้ได้เช่นกัน นางใช้สายตาคมกริบมองไปยังฮูหนิว ก่อนจะเผยสีหน้าตกตะลึง ยําเกรง และซับซ้อน
แน่นอนว่าใครบางคนย่อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้ซูหย่าหรงฟัง
ซูหย่าหรงยิ้มเล็กน้อย นางพยักหน้าไปยังหลิงฮันกับฮูหนิว ก่อนจะเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อรอคอยการเปิดออกของหุบเขาสามบุปผา
ดูเหมือนว่าซูหย่าหรงซูหย่าหรงเองก็ไม่คิดจะลงมือเช่นกัน
แบบนี้คงทําได้เพียงรอคอยยี่คนเดียว
วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จักรพรรดิทุกคนจะมารวมตัวกันแล้ว แต่ยี่กลับยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย
หุบเขาสามบุปผาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ในหลายวันมานี้ ภายในหุบเขาเกิดพายุโหมกระหน่ําอย่างรุนแรง ราวกับจะทะลวงผ่านไปถึงสวรรค์ คลื่นเปลวเพลิงปะทุออกมาอยู่เป็นระยะ พร้อมกับอสนีบาตให้ผ่าลงมายังพื้นดิน ราวกับใครบางคนกําลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อยู่
“พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธใกล้จะถือกําเนิดแล้ว!” ใครหลายคนอุทาน และจ้องมองด้วยความคาดหวัง
แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี… ผู้ใดที่มีวาสนาพอก็จะได้มันไปครอบครอง
ปรากฏการณ์เหล่านี้ เป็นตัวบ่งบอกว่าหุบเขาสามบุปผากําลังจะเปิดออกในไม่อีกสองสามวันนี้แล้ว
แล้วยล่ะ? เหตุใดเขาถึงยังไม่มาอีก
หนึ่งวันต่อมา
“พรึบ ลูกศรจํานวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และพุ่งทะลวงลงมาใส่ทุกคนที่ยืนรออยู่ด้านหน้าทางเข้าหุบเขา
“ใครกัน ช่างกล้านัก!”
“อิ่ม!”
ทุกคนลงมือปัดป้องทําลายการโจมตีที่พุ่งเข้ามาใส่ ทุกคนในที่นี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงราชาในหมู่ราชา เพราะงั้นสําหรับคนใหญ่การปัดป้องลูกศรจึงเป็นงานยาก ในขณะที่จักรพรรดิสามารถปัดป้องได้อย่างง่ายดาย
“พรีบ” ลูกศรปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยที่เป้าหมายของมันคือจักรพรรดิผู้หนึ่ง
“โอหัง!” จักรพรรดิผู้นั้นปล่อยหมัดตอบโต้ ตูม” ลูกศรถูกบดขยี้ทันที แต่ที่หมัดของจักรพรรดิผู้นั้นกลับปรากฏร่องรอยโลหิต ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อครู่
“พรึบ ลูกศรยังคงปรากฏขึ้นอีก แต่เป้าหมายได้เปลี่ยนไปเป็นคนอื่น
ลูกศรมากมายถูกยิงจากหลายทิศทาง โดยมีเป้าหมายคือเหล่าจักรพรรดิระดับแนวหน้าอย่าง หลิงฮัน ฮูหนิว ซูหย่าหรงและถังหมิงหลง
“ตัวบัดซบที่ไหน บังอาจลอบโจมตีหนิว?” ซูหนิวคํารามอย่างเกรี้ยวกราด
จักรพรรดิเองก็จับคันศรเอาไว้ด้วยหนึ่งมือ ใบหน้าอันงดงามภายใต้ผ้าคลุมของนางแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด
มีคนกล้าลอบโจมตีนางงั้นรึ?
“ฮ่าๆๆๆ!” เสียงหัวเราะลากยาวดังขึ้น พร้อมกับรุ่นเยาว์ผู้เดินได้ก้าวเดินเข้ามา โดยมีคันธนูสีเงินขนาดหนึ่งฟุตอยู่ในมือ “ข้าคือจี่อู๋หมิง ยินดีที่ได้พบพวกเจ้า”