Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1969 ฤทธิของผลพิษ
ตอนที่ 1969 ฤทธิของผลพิษ
หลิงฮันยิ้มอย่างขมขืน เด็กสาวผู้นี้จะมีความคิดแบบคนปกติบ้างไม่ได้?
เขาลุกขึ้นยืนและมองไปยังคางคกยักษ์ ที่กลับไปนอนอย่างเกียจคร้านอีกครั้ง
“ข้าต้องออกดาบให้เร็วกว่านี้ เขาพึมพํากับตัวเอง
ลงมืออีกครั้ง
หลิงฮันพุ่งทะยานโจมตี “ตูม” แต่ก็โดนซัดลอยกระเด็นกลับมาอีกรอบ คราวนี้ร่างของเขากระแทกเข้าใส่เนินเขา จนผืนปฐพีสันสะเทือน
ออกดาบเร็วเกินไป พลังทําลายเลยไม่พอ… มาลองใหม่อีกครั้ง
ตูม!
ตูม!
ตูม!
หลิงฮันถูกชัดลอยกระเด็นเจ็ดครั้งติดต่อกัน หากไม่ใช่ครั้งไหนที่ออกดาบช้าเกินไป จนดาบสัมผัสไม่โดนเป้าหมาย ก็ออกดาบเร็วเกินไป จนพลังทําลายของดาบไม่พอที่จะทะลวงการป้องกันของคางคกยักษ์ พิษจึงไม่อาจแทรกซึมเข้าไปได้
ทุกคนที่มองดูอยู่ ทั้งรู้สึกขบขันและตกตะลึง
พวกเขาตลกในเรื่องที่ ทั้งๆ ที่หลิงฮันถูกโจมตีใส่อยู่ฝ่ายเดียวแท้ๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังยอมเข้าไปรับการโจมตีอีกเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีของคางคกยักษ์ แม้แต่ซูหย่าหรงเองก็ไม่กล้ารับการโจมตีซึ่งๆหน้าเช่นนั้น แต่หลิงฮันกลับรับการโจมตีถึงเจ็ดครั้งได้ โดยที่ผิวหนังไม่ได้ปรากฏรอยขีดข่วนใดๆ เลยแม้แต่น้อย
คนผู้นี้เองก็… เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน!
ดวงตาของซูหย่าหรงส่องประกาย และคิดในใจ “เขาไม่ใช่ร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์คนไหนแท้ๆ แต่เหตุใดถึงได้มีพลังต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนั้นได้? หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะไร้ที่เปรียบ ที่แม้แต่ร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์จะไม่อาจเทียบเคียง?”
“คนผู้นี้ คือ คนที่สองงั้นรึ?”
หลิงฮันส่ายหัว คางคกยักษ์เคลื่อนที่ได้รวดเร็วเกินไป หากไม่ลองผิดลองถูกหลายร้อยครั้ง เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะจับทางการเคลื่อนไหวของมัน
แต่ปัญหาก็คือจํานวนครั้งในการกระตุ้น พลังป้องกันของคัมภีร์สวรรค์นั้นมีจํากัด ซึ่งตอนนี้ เขาสามารถกระตุ้นได้อีกเพียงสามครั้งเท่านั้น
ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
“คงต้องใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาสถานเดียว” หลิงฮันครุ่นคิด ก่อนจะชี้นําพลังออกมาจากหอคอยทมิฬ อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของตัวเขาอยู่ในระดับห้านิพพาน ซึ่งเทียบเคียงได้กับระดับตัดวิญญาณหยางเท่านั้น หากมันใช้ได้ผลกับระดับตัดวิญญาณสวรรค์ ก็ดูจะน่าอัศจรรย์เกินไปหน่อย
ถึงแม้การใช้อํานาจของหอคอยทมิฬ จะให้พลังของเขาถูกเผาผลาญจนหมด แต่พลังป้องกัน จากกายหยาบก็ยังคงอยู่ จึงไม่ต้องหวาดกลัวการโจมตีจากใครในที่นี้ นอกจากนั้นพลังต่อสู้ของฮูหนิว กับจักรพรรดินีก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะคุ้มครองเขาอีกด้วย
ในส่วนของธิดาโรวนั้น เขาเมินเฉยนางไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
(ธิดาโรว “….”)
หลิงฮันก้าวเดินขึ้นด้านหน้า และพุ่งทะยานเข้าใส่ทิศทางของแผ่นหินอีกครั้ง
ทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้า ต่างรู้สึกยอมรับในความกล้าหาญของหลิงฮัน
“โฮกกกก!” แต่ในด้านของคากคุกยักษ์นั้นมันไม่ได้มีความรู้สึกใดๆเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าหลิงฮันจะบุกเข้ามาสักกี่ครั้งมันก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และพุ่งทะยานโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนครั้งก่อนๆ
“พรึบ ลิ้นของมันพุ่งทะลวงออกไปอีกครั้ง
หลิงฮันชี้นําพลังออกมาจากหอคอยทมิฬ และปลดปล่อยออกไป
“ฟุบ” ร่างของคางคกยักษ์หยุดนิ่งกลางอากาศอย่างน่าแปลกประหลาด เพียงแต่สถานการณ์เช่นนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นาน ความเร็วของมันก็กลับคืนสู่ความเร็วปกติ และพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
ตัวตนระดับตัดวิญญาณสวรรค์ทรงพลังเกินไป ทําให้อํานาจห้วงเวลาส่งผลเพียงระยะเวลาหนึ่งในร้อยของอัตราการเต้นหัวใจเท่านั้น
เพียงแต่สําหรับหลิงฮัน ระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ในช่วงจังหวะนั้น หลิงฮันได้ยกมือขึ้น และขว้างดาบอสูรนิรันดร์เข้าใส่คางคกยักษ์อย่างรวดเร็ว
พลังทั้งหมดของเขาถูกควบแน่นไปยังดาบอสูรนิรันดร์ และทะลวงเข้าใส่ร่างของคางคกยักษ์อย่างรุนแรง
ทุกคนตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่านิรันดร์ห้านิพพาน จะสามารถและเปลี่ยนการโจมตีกับตัวตนระดับตัดวิญญาณสวรรค์ได้
คนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง
เพียงแต่หลังจากนั้น ผู้คนมากมายก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แต่แล้วมันอย่างไรล่ะ?
ต่อให้นิรันดร์ระดับตัดวิญญาณสวรรค์ รับการโจมตีเต็มพลังของระดับตัดวิญญาณหยางเข้าไป ก็คงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ตุบ” ร่างของหลิงฮันทรุดล้มลงกับพื้น และเผยรอยยิ้มออกมา ในเมื่อถูกดาบอสูรนิรันดร์ทะลวงเข้าใส่แล้ว คางคกยักษ์ตนนี้จะต้องตายอย่างแน่นอน
พิษของไผ่ครามผลสีชาดนั้น แม้แต่ตัวตนระดับตําหนักอมตะก็ยังถูกสังหาร!
ทนายมงกองถูกสังหาร!
ทั้งจักรพรรดินีและฮูหนิวรีบเข้ามาพยุงตัวหลิงฮัน ส่วนดาบอสูรนิรันดร์นั้นไม่สามารถนํากลับมาได้ชั่วคราว เนื่องจากมันยังติดอยู่กับร่างของคางคกยักษ์
– – –
“โฮกก!” โฮกก!” โฮกก!”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน จู่ๆ คางคกยักษ์ก็ร้องโอดครวญออกมา มันดิ้นรนอยู่ได้ไม่นาน ร่างของมันก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว แท่งหนามมากมายบนตัวของมันหลุดร่วง จนเหลือเพียงผลึกสีแดงฉาน
ตายแล้ว จริงๆงั้นรึ?
ทุกคนชะงักด้วย และรู้สึกทําใจเชื่อไม่ลง
เพียงแค่ขว้างดาบออกไป หากดาบนั่นไม่ใช่อุปกรณ์นิรันดร์ที่ถูกกระตุ้นพลังล่ะก็ มันจะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดในระดับตัดวิญญาณสวรรค์ได้อย่างไร?
ช่างเหลือเชื่อนัก
ภายในพริบตา จอมยุทธหลายสิบคนก็รีบวิ่งเข้ามา จุดประสงค์ของพวกเขาคือดาบอสูรนิรันดร์
ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์นิรันดร์หรือไม่ แย่งมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ฮีม เจ้าพวกคนน่ารังเกียจ!” ฮูหนิวเกรี้ยวกราดและปลดปล่อยการโจมตีทันที “ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก หลิงฮันสังหารสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ให้พวกเจ้าแท้ๆ แต่พวกเจ้าก็ยังคิดจะแย่งชิงของของหลิงฮันงั้นรึ? หนิวจะสังหารพวกเจ้าให้หมด!”
“ตูม ตูม ตูม” นางปลดปล่อยการโจมตีเข้าปะทะกับเหล่าศัตรู
ราชาในหมู่ราชานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแม้แต่น้อย แต่ในหมู่ศัตรูมีจักรพรรดิอยู่ถึงสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเฟยหยุน ที่เป็นจักรพรรดิที่ซูหนิวไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ
หลิงฮันรีบฟื้นฟูปราณก่อเกิดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขายังไม่สามารถลงมือตอบโต้อะไรได้ จักรพรรดินี้จึงยืนคุ้มกันเขาอยู่ที่ด้านข้าง
“ฮ่าๆ ในเมื่อสัตว์ประหลาดตนนั้นถูกจัดการไปแล้ว พันธมิตรของพวกเราก็คือว่าสิ้นสุด” จักรพรรดิของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งหัวเราะ และเผยสีหน้าเย็นชา
“ช่างไร้ยางอายนัก!” เอี้ยนเซียนลู่และคนอื่นๆ สบถด่า
สัตว์ประหลาดที่คุ้มกันแก่นแท้แห่งเต๋ถูกหลิงฮันสังหารแท้ๆ แต่คนเหล่านี้กลับไม่สํานึกบุญคุณ และคิดแม้แต่จะขโมยสมบัติของหลิงฮันไป ช่างเป็นกลุ่มคนที่น่ารังเกียจอะไรอย่างนี้
“หากไม่ไสหัวไป ก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี!” จักรพรรดิผู้หนึ่งของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงกล่าว เขาคือเย่หลินเฟิง อัจฉริยะอันดับห้าและเป็นจักรพรรดิระดับแนวหน้า
“จัดการพวกมัน!” เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์ไม่อันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆๆ!” เฟยหยุนหัวเราะในขณะที่ถือดาบเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
เขาช่วงชิงดาบอสูรนิรันดร์มาเป็นที่เรียบร้อย