Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1976 เก้าดาบพินาศสวรรค์
ตอนที่ 1976 เก้าดาบพินาศสวรรค์
ต่อหน้าหลิงฮัน เอี๋ยนเซียนลู่ยอมรับเลยจริงๆ ว่าในโลกนี้ มีอัจฉริยะที่เป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าเขาอยู่จริงๆ
นอกจากพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธ และพลังต่อสู้จะสูงกว่าเขาแล้ว หลิงฮันยังมีศักยภาพจะกลายเป็นปรมาจารย์ในศาสตร์ปรุงยาอีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้ อีกฝ่ายยังวิเคราะห์ค่ายกลอาคมได้ทะลุปรุโปร่งอีก ใต้สวรรค์นี้มีอัจฉริยะรอบด้านเช่นนี้อยู่จริงๆ งั้นรึ?
ด้วยการนําทางของหลิงฮันกับจักรพรรดินี พวกเขาไม่มีการหยุดเดินในเส้นทางแยกไหน และ ก้าวเดินขึ้นหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น สองเดือนต่อมา เบื้องหน้าพวกเขาก็มาพบเจอคนอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้คนที่พบ คือกลุ่มคนจํานวนมาก
ซูหย่าหรง และเหล่าผู้รอดชีวิตของอาณาเขตสวรรค์กว่างลง
เมื่อสังเกตเห็นว่าหลิงฮันไล่ตามมาทัน ซูหย่าหรงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
นางคิดเอาไว้ว่าหลิงฮันจะต้องใช้ศึกษาแก่นแท้แห่งเต๋าเป็นเวลานานแท้ๆ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับไล่ตามพวกนางทันเสียได้ ซึ่งนี่หมายความอย่างไรน่ะ?
มันหมายความว่าหลิงฮันถอดรูปแบบอาคมของค่ายกล ได้รวดเร็วกว่านาง!
นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวนางเองย่อมรู้ดีว่าในช่วงชีวิตที่แล้วของนางนั้น เคยเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเจ็ด และด้วยช่วงชีวิตที่ยาวนาน ทําให้นางมีเวลาฝึกฝนศาสตร์ต่างๆ มากมายได้อย่างลึกซึ้ง
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่นางก็ยังด้อยกว่าจอมยุทธระดับโลกียนิพพานตัวจ้อย!
“ฮึ่ม!” เมื่อเห็นกลุ่มของพวกหลิงฮันสี่คน เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงก็เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“อะไร?” ฮูหนิวถลึงตา “ใครไม่พอใจก็เข้ามาเลย!”
ไม่มีใครกล้าเสนอตัว ความโหดเหี้ยมของฮูหนิวนั้นฝังลงไปถึงเบื้องลึกของจิตใจของพวกเขาแถมพลังต่อสู้ของฮูหนิวก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของซูหย่าหรงได้
ทั้งสองฝ่ายไม่พูดคุยกันแม้แต่คําเดียว และเดินมาถึงทางแยกเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
กลุ่มของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งหยุดเดิน และเริ่มช่วยซูหย่าหรงวิเคราะห์หาเส้นทางที่ถูกต้อง แต่พวกหลิงฮันนั้นตรงกันข้าม ทั้งสี่เดินต่อไปโดยไม่หยุดนิ่งแม้แต่วินาทีเดียวอะไรกัน!
ซูหย่าหรงและจอมยุทธอีกเจ็ดคนตกตะลึง หมายความว่าอย่างไรกัน? พวกเจ้าเจอเส้นทางที่ถูกต้องแล้วงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ หากไม่มองดูเส้นทางก่อน แล้วจะเริ่มวิเคราะห์ได้อย่างไร?
“ตามไป!” ซูหย่าหรงรีบกล่าว ต่อให้เส้นทางที่ว่าเป็นเส้นทางที่ผิด พวกนางก็ยังสามารถย้อนกลับมาได้ในทันที
กลุ่มของพวกนางรีบก้าวเท้า ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปหนึ่งวัน ที่เบื้องหน้าก็ปรากฏทางแยกเส้นทางใหม่
ด้วยสายตาของจอมยุทธระดับนิรันดร์ เพียงแค่ชําเลืองมองแวบเดียว ก็มองเห็นชัดเจนว่าเส้นทางตรงหน้ามีจํานวนเท่าไหร่ ทางแยกตรงหน้านี้ มีเส้นทางเพิ่มขึ้นจากเดินหนึ่งเส้นทาง
กล่าวคือพวกเขาเดินผ่านมายังเส้นทางที่ถูกต้อง!
น่าสะพรึงอะไรอย่างนี้ บุรุษผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกัน?
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เพียงแค่เดินตามทั้งสี่คนไปก็พอ
เหล่าคนของอาณาเขตสวรรค์กว่างลึงคิดเช่นนั้น แบบนี้พวกเขาก็จะประหยัดเวลาไปได้
หลังจากผ่านเส้นทางแยกอีกมากมาย ซูหย่าหรงและกลุ่มของนางอีกเจ็ดคน ก็ตามหลังหลิงฮันไม่ปล่อย
“อะไรกัน พวกเจ้าเอาแต่ตามพวกข้ามาทําไม?” ฮูหนิวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้วเส้นทางเหล่านี้ตระกูลของเจ้าเป็นคนสร้างเอาไว้รึไง คนอื่นถึงได้เดินผ่านไม่ได้?” จักรพรรดิผู้หนึ่งกล่าว และไม่ยอมรับการกระทําอันไร้ยางอายของตัวเอง
“นั่นสินะ” หลิงฮันพยักหน้า เมื่อมาถึงทางแยกครั้งต่อไป เขาก็หยุดฝีเท้า “เชิญพวกเจ้าก่อน เลย”
ซูหย่าหรงและอีกเจ็ดคนคนมองหน้ากันด้วยความว่างเปล่า
ก่อนจะเมินเฉยหลิงฮัน และเริ่มช่วยกันวิเคราะห์เส้นทาง
หลิงฮันยิ้มและก้าวเดินต่อ
เมื่อพวกซูหย่าเห็นเช่นนั้น พวกนางก็รีบไล่ตามมาอย่างหน้าไม่อาย
“หน้าด้านจริงๆ!” ฮูหนิวเค้นเสียง
หลิงฮันยิ้มและกล่าวกับหนิว “ไม่ต้องสนใจ คอยดูให้ดี”
เมื่อมาถึงทางแยกต่อไป จู่ๆ หลิงฮันก็คว้ารางจักรพรรดิและคนอื่นๆ เอาไว้ พร้อมกับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ร่างของทุกคนแยกออกเป็นร่างเงาสีร่าง และพุ่งไปในแต่ละเส้นทาง
“อะไรกัน!” ซูหย่าหรงหยุดฝีเท้าทันใด และไม่รู้ว่าจะไล่ตามร่างไหนไปดี
เป็นไปได้อย่างไรกัน หลิงฮันเป็นเพียงนิรันดร์ห้านิพพานแท้ๆ ถึงแม้ระดับพลังนี้จะเทียบกับเท่ากับจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ใช่ระดับแบ่งวิญญาณที่แท้จริง มีเพียงหลังจากบรรลุระดับแบ่งแยกวิญญาณแล้วเท่านั้น ถึงจะแยกดวงวิญญาณออกมาจากกายหยาบ และจะไม่สามารถบอกได้ว่าร่างไหนคือตัวจริงหรือตัวปลอมน่าแปลกประหลาดนัก
นางไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้น ได้ใช้พลังของหอคอยทมิฬเร่งความเร็วของตนเองและคนอื่นๆ ให้เกิดภาพติดตา ทําให้พวกเขาดูเหมือนว่ามีร่างแยกเพิ่มขึ้นมาสามร่าง
“ช่างเถอะ พวกเรามาหาเส้นทางกันเองก็ได้”
พวกนางหันกลับมาให้สมองวิเคราะห์ด้วยตัวเอง
หลิงฮันที่พุ่งนําเผยรอยยิ้ม คิดจะเล่นแง่กับเขางั้นรึ?
หลังจากใช้เวลาเดินต่อไปอีกสิบวัน เบื้องหน้าของพวกเขาก็ไม่มีทางแยกมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกต่อไป แต่ปรากฏเส้นทางเดินกว้างขวางเพียงเส้นทางเดียว ที่ชี้นำไปยังวิหารที่อยู่ปลายทาง
ทั้งสี่คนเดินต่อไปและพบว่าวิหารแห่งนี้ ถูกทิ้งไว้เพียงเปลือกนอกเท่านั้น โดยที่ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ที่ลานกว้างจุดหนึ่ง ปรากฏแผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีอักขระมากมายสลักเอาไว้ตั้งอยู่
ที่ด้านหน้าแผ่นหินมีร่างขนาดห้าฟุตยืนอยู่ก่อนแล้ว เส้นผมของร่างนี้ขาวโพลน แววตาของเขาจดจ้องไปยังแผ่นหินด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังเล็กน้อย
เพียงแต่ทันทีที่พวกหลิงฮันปรากฏตัว ร่างที่ว่าก็หันหลังมาอย่างรวดเร็ว คนผู้นี้นอกจากถังหมิงหลงแล้วจะเป็นใครอื่นไปได้อีก?
เขาไม่ได้เดินทางไปยังยอดเขาฝั่งซ้าย แต่เลือกมาที่ยอดเขาที่สองนี้เลย
“ไม่คาดคิดว่าคนแรกที่มาถึงที่นี่จะเป็นพวกเจ้า” ถังหมิงหลงประทับใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าซูหย่าหรงกําลังมุ่งหน้ามาที่นี้ ทั้งๆ ที่นางเป็นถึงร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์แท้ๆ แต่กลับมาถึงจุดหมายได้เชื่องช้ากว่ารุ่นเยาว์เสียได้
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับอีกฝ่าย
ถ้าหากใครไม่มาล่วงเกินอะไรเขา เขาก็คร้านจะไปล่วงเกินใครอื่นเช่นกัน
เขาก้าวเดินเข้าไปมองดูแผ่นหิน
“เก้าดาบพินาศสวรรค์!”
พริบตาเดียวกันนั้นเอง อักขระสี่ตัวบนแผ่นหินก็ลอยออกมา และแปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นแสงสี่คลื่น ไม่สิ แปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นดาบสี่คลื่นพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
“ตูม!”
หลิงฮันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกัน “ปัง” ร่างของเขาถูกคลื่นดาบผลักถอยหลังไปร้อยกว่าก้าว ก่อนจะกลับมาทรงตัวได้
เมื่อมองจากบริเวณที่ล่าถอยมานี้ อักขระบนแผ่นหินจะเลือนรางจนแทบอ่านไม่ออก และรู้เพียงว่ามีอักขระบางอย่างเขียนเอาไว้เท่านั้น
“เก้าดาบพินาศสวรรค์?” หลิงฮันยืนอย่างมั่นคง และเผยรอยยิ้ม “จะบอกว่าหากไม่สา มารถยืนอยู่ใกล้แผ่นหินได้ก็ไม่มีคุณสมบัติจะฝึกฝนทักษะดาบนี้งั้นรึ?”