Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1979 สังหารสวะ
ตอนที่ 1979 สังหารสวะ
ไม่ใช่ว่าหลิงฮันจงใจสบประมาทพวกเขา แต่คนเหล่านี้ที่ไม่ได้รู้แจ้งในแก่นแท้แห่งเต๋ของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร เพราะงั้นต่อให้ฝึกฝนทักษะไปก็มีแต่จะเป็นการเสียเวลา
“เจ้า” เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างกิ่งเกรี้ยวกราด อีกฝ่ายไม่เพียงทําลายแผ่นหิน เพื่อไม่ให้พวกฝึกฝนทักษะดาบอันไร้เทียมทานเท่านั้น แต่ยังเรียกพวกเขาว่าเศษสวะอีกด้วย!
หลิงฮันยิ้ม “ทําไม ไม่ยอมรับงั้นรึ? ถ้าไม่ยอมรับก็เข้ามา เดี๋ยวข้าจะทําให้พวกเจ้ายอมรับเอง”
เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งชะงัก ก่อนจะชําเลืองมองไปยังซูหย่าหรง
ในหมู่พวกเขา มีเพียงซูหย่าหรงคนเดียวที่สามารถต่อกรกับหลิงฮันได้
ซูหย่าหรงไม่กล่าวอะไร จี่อู๋หมองกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เขาจะปลิดชีพหลิงฮันด้วยตัวเอง เพราะงั้นเกรงว่านอกจากนางจะไม่ลงมือกับหลิงฮัน แต่ถ้าหากหลิงฮันตกอยู่ในอันตราย นางก็อาจจะยื่นมือเข้าไปช่วยด้วย
หลิงฮันยิ้ม ต่อให้ซูหย่าหรงลงมือเขาก็ไม่หวาดกลัว ในตอนที่ปะทะกับจี่อู๋หมิง เขาเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสตรีผู้นี้มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับเขา ในตอนที่ยังไม่ใช้ทักษะทรงพลัง
เขากวาดสายตามองจอมยุทธคนอื่นๆ “บุรุษที่ยิ่งใหญ่ย่อมไม่พึ่งพาสตรี”
“เหอะ เจ้าคิดว่าตนเองวิเศษมาจากไหนกัน?” หม่าลู่กังกระโดดขึ้นหน้า เขารู้ดีว่าตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน แต่หากเพียงแค่ป้องกันการโจมตีไม่กี่สิบกระบวนท่าย่อมไม่ใช่ปัญหา ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งใจว่าจะออกหน้า แลกเปลี่ยนกระบวนท่านิดๆ หน่อยๆ และล่าถอยกลับ
หลิงฮันโคจรทักษะคลื่นแสงอสนี “พรึบ” ร่างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายน้ำมาปรากฏที่ด้านหน้าหม่ากังในพริบตา และยื่นมือเข้าหาอีกฝ่าย
“ช่างอวดดี!” หม่าลู่กังเค้นเสียงและผลักฝ่ามือตอบโต้หลิงฮัน
จริงอยู่ที่เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ก็อย่าได้คิดมองว่าข้าอ่อนแอ
มุมปากของหลิงฮันแสยะยิ้ม พร้อมกับชี้นําอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา ของหอคอยทมิฬออกมา ภายในชั่วพริบตาร่างกายของหม่าลู่ทั้ง ก็เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเกินพรรณนา
มือของเขาคว้าเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย และยกร่างลอยจากพื้น
อะไรกัน!
เหตุการณ์ตรงหน้า ทําให้จอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งรู้สึกหวาดผวา หม่าลู่กังเป็นถึงจักรพรรดิอันดับที่แปด ถึงแม้พลังต่อสู้จะไม่สามารถเทียบกับจักรพรรดิสามอันดับแรกได้ แต่มีรีที่จักรพรรดิทั้งสิบอันดับแรกจะไม่ทรงพลัง?
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่หม่าลู่ทั้งกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันเลยแม้แต่น้อย!
ก่อนหน้านี้หลิงฮันแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นรึ?
แน่นอนว่าเมื่อครู่นี้หลิงฮันเป็นฝ่าย จงใจแสดงพลังออกมาเอง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาย่อมรังเกียจที่จะใช้พลังของหอคอยทมิฬ เพียงเพื่อจัดการเศษสวะที่อ่อนแอ
“อัก” หม่าลู่กังพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ความหมาย ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยว และอับอาย
“หากรู้จักประมาณพลังของตัวเอง และเจียมตัวเสียบ้าง เจ้าก็คงไม่ต้องตาย” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันเย็นยะเยือกออกมา
“หลิงฮัน ปล่อยเขาซะ!” ซูหย่าหรงคําราม จริงอยู่ที่นางไม่คิดจะลงมือกับหลิงฮัน ก็นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า นางจะยืนนิ่งมองดูหลิงฮัน สังหารจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งไปโดยไม่ทําอะไร
หลิงฮันชําเลืองมองไปที่นางและกล่าวอย่างไม่แยแส “ ข้ารู้จักกับเจ้างั้นรึ?”
“อย่าได้บังคับข้า!” สีหน้าของซูหย่าหรงกลายเป็นเย็นชา
แครก!
หลิงฮันออกแรงเพียงเล็กน้อย คอของหม่าลู่กังก็บิดเบี้ยวทันที แขนขาทั้งสี่ของเขากระตุกไปมาก่อนจะแน่นิ่งไม่ขยับ
“เจ้า!” ซูหย่าหรงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เส้นผมสีดําของนางสยายชี้ขึ้นฟ้าโดยที่ไม่มีลมและปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
หลิงฮันยักไหล่ “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้าหรืออย่างไร ข้าถึงต้องฟังคําสั่งของเจ้า?
ซูหย่าหรงกําหมั่นแน่น หากนางยังมีพลังของราชานิรันดร์อยู่ล่ะก็ นางสามารถสังหารหลิงฮันได้เพียงแค่นึกคิด แต่ด้วยพลังของนางในตอนนี้ นางไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่
“ไปกันได้แล้ว!” นางกัดฟันกล่าว ในเมื่อแผ่นหินถูกทําลายไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ที่ยอดเขาที่สองอีกต่อไป
เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งรู้สึกหดหู พวกเขามองหลิงฮันค้นอุปกรณ์มิติของหม่าลู่ทั้งอย่างสิ้นหวัง และทําได้เพียงหันหลังจากไป
“พรึบ” หลิงฮันปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ขึ้นมาที่มือ และเผาร่างของหม่าลู่กัง
“หลิงฮันคนไม่ดี อีกนิดเดียวหนิวก็จะเรียนรู้ทักษะดาบส่วนที่แปดได้แล้วแท้ๆ” ฮูหนิวพุ่งเข้ามาและกระโดดเกาะร่างของหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม “เอาน่า เดี๋ยวข้าจะสอนให้เจ้าที่หลังเอง”
แผ่นหินสืบทอดทักษะถูกทําลายไปแล้วก็จริง แต่เขาก็ได้รับสืบทอดทักษะทั้งแปดส่วนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว บางทีเมื่อระดับพลังสูงขึ้น เขาอาจจะสร้างทักษะในส่วนที่เก้าขึ้นมาเองได้ก็เป็น
“น้องชายหลิง ข้าเองก็อยากขอให้เจ้าช่วยสอนเช่นกัน” เอี๋ยนเซียนลูกล่าวอย่างไม่รู้สึกอาย
ทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์เป็นทักษะที่ทรงพลังมาก เนื่องจากมันสร้างขึ้นโดยมีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารเป็นรากฐาน อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารนั้น ก่อนจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ มันคืออํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้าธาตุและอสนี
หลิงฮันยิ้มแต่ก็ไม่ได้ให้คําตอบกับอีกฝ่าย
หากมีเวลาเขาก็ไม่รังเกียจที่จะสอนทักษะให้เอี๋ยนเซียนลู่ แต่ปัญหาก็คือเขาเป็นคนที่มีเรื่องให้ทําเยอะมาก จึงไม่อาจอยู่ที่สถานที่เดิมๆ ได้นาน
พวกเขาทุกคนมุ่งหน้าเดินลงจากยอดเขา
ตอนที่เดินขึ้นมาเป็นเรื่องยากลําบากก็จริง แต่ในตอนลงนั้นง่ายดายมาก เนื่องจากทุกคนจดจําเส้นทางที่เดินผ่านมาได้เป็นอย่างดี
พวกหลิงฮันมุ่งหน้าต่อไปยังยอดเขาลูกที่สามต่อ
ที่น่าตกตะลึงก็คือภูเขาลูกที่สามนั้นปีนขึ้นได้ง่ายมาก เนื่องจากมันไม่มีทั้งแรงโน้มถ่วง เส้นทางที่ซับซ้อน หรือสัตว์ประหลาดใดๆ คอยขวางทาง เพราะงั้นพวกเขาจึงสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้ หลังจากเวลาผ่านไปเพียงเจ็ดวัน
ในความจริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ขึ้นมาถึงยอดเขาจริงๆ เนื่องจากครึ่งหนึ่งของภูเขาได้ถูกทําลายไปแล้ว
เมื่อมาถึงยอดเขา พวกเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมภูเขาลูกนี้ถึงไม่มีอุปสรรคใดๆ ระหว่างทางที่แท้ภูเขาก็ถูกทําลายไปแล้วนี่เอง
“มันน่าจะถูกทําลายโดยการต่อสู้ระหว่างราชานิรันดร์”
“ช่างน่าอัศจรรย์นัก ไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่ว่าจะรุนแรงขนาดไหน”
“ ข้าอยากเห็นการต่อสู้ระหว่างราชานิรันดร์ด้วยตาตัวเองจริงๆ”
พวกเขาทุกคนถอนหายใจ และหันหลังกลับลงมาจากยอดเขาลูกที่สาม
ตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาเหลืออยู่อย่างเดียว คือการตามหาพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธให้พบ
แต่ปัญหาคือท่ามกลางหุบเขาที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาจะไปหาเจอได้อย่างไร?
“คงต้อง… ลองเดินลุ่มๆ ดู” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินี ฮูหนิว และธิดาโร๋วไม่มีใครคัดค้าน ส่วนเอี๋ยนเซียนลู่นั้นเขาขอแยกทางตั้งแต่ตรงนี้ เนื่องจากไม่ต้องการรบกวน “ครอบครัว” ของหลิงฮัน แถมการจะหาพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธพบได้หรือไม่นั้น ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง แต่เป็นดวงวาสนา
“ตัวน่ารําคาญหายไปแล้วหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือตัวน่ารําคาญอยู่อีกคน!” ฮูหนิวชําเลืองมองไปยังธิดาโร๋ว
ธิดาโร๋วหน้าด้านแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ทั้งสี่คนออกเดินทางต่ออย่างไร้จุดหมาย ภายในหุบเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ พวกเขาไม่รู้จะไปทางไหนจริงๆ
บางทีพวกเขาอาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในนี้ ไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปี
โชคดีที่ระยะเวลาการเปิดของหุบเขาสามบุปผานั้นยาวนานมาก พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเวลาจะมีจํากัด และไม่มีความจําเป็นต้องรีบร้อนออกตามหา
หุบเขาแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดหนามอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ซึ่งสําหรับหลิงฮันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่น่ารําคาญเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกมันสามารถมอบผลึกโลหิตราชานิรันดร์ ที่เป็นสมบัติล้ำค่าให้แก่เขา
พวกหลิงฮันเดินเตร็ดเตร่เป็นเวลาเจ็ดปี โดยที่ในระหว่างนั้นพวกเขาไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ และคอยซึมซับอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร กับทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์อยู่ตลอด
ครืนนน!”
ทันใดนั้นเองทั้งสี่คนก็ต้องตกตะลึง เนื่องจากจู่ๆ ก็มีอสนีบาตผ่าลงมาจากท้องฟ้า