Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2007 ไม่ได้อ่อนแอ
ตอนที่ 2007 ไม่ได้อ่อนแอ
จี่อู๋หมิงยังคงสวมชุดขาว และมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม
“คราวนี้ อย่าได้คิดว่าเจ้าจะหลบหนีไปไหนได้อีก!” ดวงตาของจี่อู๋หมิงส่องประกายโหดเหี้ยม เขากระหายในสายเลือดของจอมยุทธมากมาย และต้องการสมบัติที่อยู่ในร่างหลิงฮัน
สําหรับราชานิรันดร์ระดับเก้า ถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากแล้วที่แม้เวลาจะผ่าน มาเนิ่นนาน9%uid% เขาก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมายเสียที
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “มาสู้กัน!”
จิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชน ในระดับพลังเดียวกัน จี่อู๋หมิงเป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ หลังจากปะทะกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
“พรึบ” หลิงฮันเปิดฉากโจมตีก่อน อํานาจแห่งกฎเกณฑ์อันไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูออกมา และ ฝ่ามือที่สั่นสะท้านไปถึงเก้าชั้นสวรรค์ถูกผลักออกไป
“ช่างอวดดี!” จี่อู๋หมิงเค้นเสียง อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารอันเฉียบคมที่ผสานกับอํานาจ แห่งกฎเกณฑ์ทองคําถูกปลดปล่อยออกมา
ตูม!
การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน จนก่อให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วผืนมหาสมุทร
เมื่อหยดน้ําที่ลอยขึ้นฟ้าตกกลับคืนมายังผิวน้ํา ภาพที่เห็นก็คือหลิงฮันกับจี่อู๋หมิง ได้ล่าถอยแยกห่างจากกันหนึ่งร้อยฟุต ทั้งสองยืนแน่นิ่งไม่มีใครโจมตีต่อ
ภายในจิตใจของจี่อู๋หมิงเกิดพายุที่โหมกระหน่ํา ถึงแม้กระบวนท่าเมื่อครู่เขาจะฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ไม่ถือว่าเหนือกว่ามากนักเป็นไปได้อย่างไร
ต้องรู้ก่อนว่า ตัวเขานั้นทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณด้วยหินวิญญาณหยางสีม่วง ซึ่งถึงแม้มันจะเป็นหินที่ถูกยกระดับขึ้นจากการหล่อหลอม และด้อยกว่าหินสีม่วงแต่กําเนิด แต่นอกจากร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้าอย่างเขาแล้ว ใครอื่นกันจะสามารถรวบรวมหินวิญญาณหยางสีฟ้าครามได้มากพอ จนหลอมเป็นหินวิญญาณหยางสีม่วงได้?
การที่ความต่างชั้นของเขากับหลิงฮันลดลงนั้น มีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว
คืออีกฝ่ายทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณด้วยหินวิญญาณหยางสีม่วงแต่กําเนิด
นี่เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของจี่อู๋หมิงแสดงออกถึงความระมัดระวัง เขาจ้องมองหลิงฮันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ จะเผยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเพราะสมบัติภายในร่างเจ้าสินะ ไม่เลวๆ ถึงขนาดทําให้สวะที่อ่อนแอกว่าข้า สามารถเหนือกว่าข้าในเรื่องใดเรื่องหนึ่งใด นับว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ําค่าอย่างแท้จริง!”
จี้หมิงประทับใจเป็นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นราชานิรันดร์ที่มีชีวิตอยู่มาหลายยุคสมัยและ มีประสบการณ์มากมาย เมื่อกลับมาเกิดใหม่และบ่มเพาะพลังอีกครั้ง เขาสมควรจะขัดเกลารากฐานทั้งหมดได้สมบูรณ์ จนไม่มีใครสามารถเหนือกว่าได้แท้ๆ
แต่หลิงฮันกลับสามารถทําได้
สมกับที่เป็นสมบัติระดับมหาปราชญ์สวรรค์
“ข้าขอรับมันไปแล้วกัน!” จี่อู๋หมิงเค้นเสียงและเริ่มกระหน่ําโจมตี
“ขอรับมันไปงั้นรึ? เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา และปล่อยหมัดตอบโต้กลับไปอย่างไม่หวาดกลัว
พลังต่อสู้ของเขากับจี่อู๋หมิงยังมีความต่างชั้นกันอยู่บ้าง แต่ด้วยกายหยาบที่ไร้เทียมทาน เขาจึงสามารถตอบโต้อีกฝ่ายได้
“พรึบ” จี่อู๋หมิงเรียกดวงวิญญาณออกมา พร้อมกันนั้นเองหลิงฮันก็เรียกดวงวิญญาณเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาเช่นกัน สองจักรพรรดิสคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด และปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
“อะไรกัน!”
จี่อู๋หมิงตกตะลึงอีกครั้ง “ใครจะไปคาดคิดว่าเศษสวะเช่นนี้ จะเปลี่ยนแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ให้กลายเป็นดวงวิญญาณได้?”
“ต้องขอโทษด้วย ที่ทําให้หวาดกลัว!” หลิงฮันกวัดแกว่งนิ้วแทนดาบ เพื่อปลดปล่อยทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์
“ปากดีนัก!” จี่อู๋หมิงเค้นเสียง ต่อให้พลังต่อสู้ของหลิงฮันจะเข้าใกล้เขาขึ้นมาเพียงใด เขาก็ยังเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอยู่ดี
ตูม! ตูม ตูม!
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ถึงแม้หลิงฮันจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก กายหยาบของเขาไร้เทียมทานจนสามารถอุดช่องโหว่ของความต่างชัน และ สร้างภัยคุกคามให้แก่จีอู่หมิงได้
ใบหน้าของจี่อู๋หมิงกลายเป็นมืดมนเล็กน้อย ชีวิตที่แล้วของเขาไม่รู้ว่าเคยผ่านการต่อสู้มามากมาย และเอ่อล้นไปด้วยประสบการณ์เพียงใด แม้แต่ราชานิรันดร์ระดับเก้าเขาก็เคยสังหารมาแล้ว เพราะงั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรในยุทธภพนี้ ที่สามารถทําให้จิตใจของเขาสั่นไหวได้
เขารู้สึกลําบากเล็กน้อย หากสังหารหลิงฮันไม่ได้ แล้วจะแย่งชิงสมบัติมาได้อย่างไร?
หลิงฮันเองก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งได้จากการต่อสู้ครั้งนี้
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเหตุใดจี่อู๋หมิงถึงแข็งแกร่ง อีกฝ่ายเชี่ยวชาญในการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์มาก แถมจํานวนของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สามารถใช้ได้ก็มีมากมาย อีกฝ่ายจึงสามารถพลิกแพลงรูปแบบการต่อสู้ได้ ทําให้มีพลังต่สู้ที่เหนือกว่าใคร
ด้วยความเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของจี่อู๋หมิง แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้เหมือนเดิมรึเปล่า แต่อีกฝ่ายจะต้องทะลวงผ่านเป็นราชานิรันดร์ได้อย่างไม่ยากเย็นแน่นอน
ซึ่งการที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมด ย่อมเปรียบเหมือนการมีแก่ นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งหมดอยู่ในร่างกาย
หลิงฮันตระหนักรับรู้ได้ว่า หากเขาต้องการกําราบจี่อู๋หมิงให้ราบคาบ เขาจะต้องมีเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สูงกว่า
เป็นในตอนนี้เองที่หลิงฮันมั่นใจว่าจี่อู๋หมิงไม่ใช่ขุนเขาที่สามารถข้ามผ่านได้
เขาหัวเราะด้วยจิตวิญญาณสู้รบที่ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม เขาโคจรทักษะนิรันดร์และใช้แขนทั้งหมดปล่อยหมัดและกวัดแกว่งดาบจู่โจมด้วยอํานาจที่น่าอัศจรรย์
“ทักษะอ่อนหัด!” จี่อู๋หมิงแสยะยิ้ม เขาโคจรทักษะนิรันดร์มากมายเหมือนกัน และโจมตีตอบโต้หลิงฮัน
การต่อสู้ของจักรพรรดิทั้งสองที่ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ส่งผลให้ผู้คนที่ดูอยู่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เหตุใดทั้งสองถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้
นี่คือคําถามที่อยู่ในหัวของทุกคน แม้แต่คนที่ทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณสําเร็จเหมือนกัน ก็ต้องยอมรับว่ายุทธภพนี้มีอัจฉริยะไร้เทียมทาน ที่ทําให้พวกเขารู้สึกต่ําต้อยได้อยู่จริงๆ
ยิ่งการประลองดําเนินต่อไป ความเสียเปรียบที่หลิงฮันมีก็ค่อยๆลดลง
อย่างแรกเลยคือกายหยาบของเขานั้นไร้เทียมทาน ต่อให้เขาถูกโจมตีใส่หลายครั้งก็ยังไม่เป็นอะไร ผิดกับจี่อู๋หมิงที่เมื่อถูกเขาโจมตีใส่ก็จะได้รับบาดเจ็บ
และอย่างที่สองคือ หลิงฮันเริ่มช้ําชองการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์มากขึ้นเรื่อยๆ
สําหรับอัจฉริยะแล้ว ยิ่งได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ศักยภาพของร่างกายก็จะถูกรีดเค้นออกมา ทําให้เกิดการพัฒนาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
ตูม!
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปอย่างดุเดือด จี่อู๋หมิงก็เป็นฝ่ายเลือกกระโดดล่าถอยออกมา เขามองไปยังหลิงฮันครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ข้าต้องยอมรับเลยว่าทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เป็นทักษะขัดเกลากายหยาบที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ”
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน ถึงแม้เขาจะคาดเดาเอาไว้แล้วว่า จี่อู๋หมิงอาจจะรู้จักหอคอยทมิฬ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ตอนนี้เมื่อได้ยินจากปากของอีกฝ่ายตรงๆ เขาก็อดรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ได้
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์… นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้จากปากคนอื่น
จี่อู๋หมิงแสยะยิ้มและกล่าว “ตอนนี้ข้าไม่สามารถทําลายพลังป้องกันของเจ้าได้ แต่เมื่อข้าไปำาอุปกรณ์นิรันดร์กลับมาใช้ กายหยาบของเจ้าจะไม่นับเป็นอันใดแม้แต่น้อย เจ้าหนู ดูแลตัวเองเอาไว้ให้ดีล่ะ ทุกอย่างของเจ้าคือของของข้า”
“ฮ่าๆๆๆ!” เขาหัวเราะพร้อมกับทะยานร่างจากไป
แต่หลิงฮันก็ไม่ต่อปากต่อคํากลับไป
ครั้งหน้าที่เจอกับเจ้า ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น แม้กระทั่งในด้านของพลังต่อสู้ข้าก็ต้องเหนือกว่าเจ้า