Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2022 ปะทะหลันเทียนอวี่อีกครั้ง
ตอนที่ 2022 ปะทะหลันเทียนอวี่อีกครั้ง
ผมสีดำของหลันเทียนอวี่สยายไปมาด้วยกลิ่นอายปาเถื่อนที่ดูน่าดึงดูด
“หลันเทียนอวี่” หลิงฮันพยักหน้าก่อนจะดึงดาบกลับ และหันหลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้
อื่นๆ ข้าจึงไม่ไว้ใจเจ้าและแอบจับตาดูเจ้าลับๆ มาตลอด เพราะงั้นเมื่อเห็นว่าจู่ๆ เจ้าหายตัวไป ข้าจึงได้ออกตามหาและบังเอิญมาพบเจ้าที่นี่”
“แล้วมันยังไง?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ในเมื่อถูกอีกฝ่ายพบเห็นแล้ว ก็คงต้องปะทะกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
คิดว่าข้ากลัวงั้นรึ?
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนเช่นเจ้าคงไม่มีทางยอมจำนนง่ายๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าแสร้งทำเป็นยอมเข้าร่วมกับพวกข้า ก็คงเพราะอยากรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้สินะ แต่อย่างไรก็ตาม ข้าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ เจ้าถึงได้เกิดนึกอยากขุดหลุมลงมาใต้ดินเช่นนี้ หรือเจ้าพบเจอสิ่งใดกัน?” หลันเทียนอวี่ทำเป็นถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“พบเจอสิ่งใดนั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มอย่างสงบนิ่ง
ที่หลันเทียนอวี่ถามหลิงฮันไปเช่นนั้น ก็เพราะอยากรู้ว่าหลิงฮันรู้แล้วจริงๆหรือไม่ ว่าใต้เกาะแห่งนี้มีแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ เพราะหากเป็นแบบนั้นก็เป็นไปได้ว่าหลิงฮันจะไม่ได้มาที่นี่คนเดียว แต่มีจอมยุทธที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังด้วย ถึงได้รับรู้การมีอยู่ของแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพี่ได้
ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาคงไม่สามารถรับมือไหวแน่ เพราะเจ้าของเกาะเป็นเพียงตัวตนที่เทียบกับระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้เท่านั้น แต่เหนือไปกว่านี้ยังมีราชานิรันดร์อยู่อีก
“ใต้ล่างนี้ มีแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่” หลันเทียนอวี่กล่าวพร้อมกับจดจ้องไปที่ใบหน้าของหลิงฮัน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสีหน้า
หลิงฮันไม่แสดงท่าทางอะไร และกล่าวกลับไป “ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน พลังบ่มเพาะของพี่ชายเจ้าคือระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้แท้ๆ แต่เหตุใดพลังของเจ้าถึงติดอยู่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณกัน?”
หลันเทียนอวี่เค้นเสียงไม่สบอารมณ์ “ที่พลังบ่มเพาะของพัฒนาช้า เป็นเพราะข้าขัดเกลาทุกขั้นพลังให้บรรลุจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อข้าบรรลุระดับเก้าบัวบาน พลังต่อสู้ของข้าก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ซึ่งข้าจะไร้เทียมทานยิ่งกว่าใครในระดับเดียวกัน”
หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ข้าว่าเจ้าจะไม่หลงตัวเองเกินไปหน่อยรึ? พรสวรรค์ของเจ้าเทียบได้แค่กับราชาทั่วไป ที่เกือบจะทัดเทียมกับราชาในหมู่ราชาเท่านั้น หากหยิบยืมจากภายนอกมาใช้ไม่ได้ เจ้าจะมีคุณสมบัติอะไรมากล่าวว่าตนเองไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน?”
“เศษสวะเช่นเจ้า สามารถพบเห็นได้มากมายในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก”
คำพูดของหลิงฮันค่อนข้างจะเกินจริงไปหน่อย อัจฉริยะที่มีศักยภาพระดับราชานั้นไม่ได้มีจำนวนมากมาย แต่เพราะหลิงฮันเป็นจักรพรรดิที่เคยพบปะแต่กับอัจฉริยะในระดับใกล้เคียงกัน ในความคิดของเขา จอมยุทธพรสวรรค์อย่างหลันเทียนอวี่จึงมีให้เห็นเต็มไปหมด
หลันเทียนอวี่เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เขามองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาโหดเหี้ยมและใบหน้าเคียดแค้น
เขาภาคภูมิในใจพรสวรรค์ของตนเองมาโดยตลอด และคิดว่าในยุทธภพนี้ไม่มีใครยอดเยี่ยมไปกว่าตนเอง ซึ่งเป็นเพราะเขาต้องอาศัยอยู่ในเกาะอันสันโดษแห่งนี้ต่างหาก ชื่อเสียงของเขาจึงไม่แพร่งพรายไปทั่วยุทธภพ
แต่หลิงขั้นบังอาจดูหมิ่นพรสวรรค์ที่เขาภาคภูมิใจ?
“เจ้ากล้าตั้งคำถามกับพรสวรรค์ของข้างั้นรึ?” ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด
หลิงฮันยิ้ม “ตอนนี้ระดับพลังบ่มเพาะของข้าคือตัดวิญญาณหยางขั้นปลาย แต่ระดับพลังของเจ้าล่ะเทียบเท่ากับระดับใด? ขนาดหยิบยืมพลังจากดวงวิญญาณนิรันดร์อะไรนั่น เจ้าก็ยังทำได้เพียงเสมอกับข้า ต่อหน้าข้า เจ้ามีคุณสมบัติมาพล่ามถึงพรสวรรค์รีไง?”
หลันเทียนอวี่แน่นิ่งไร้คำพูด พลังบ่มเพาะของเขาเทียบได้กับระดับติดวิญญาณหยินสูงสุด หากไม่มีวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์ พลังต่อสู้ของเขาอาจจะไร้เทียมทานในระดับตัดวิญญาณปฐพี แต่ไม่มีทางอยู่ในระดับตัดวิญญาณสวรรค์แน่
เมื่อเทียบกับหลิงฮันแล้ว พรสวรรค์ของเข้าถือว่าด้อยกว่ามากจริงๆ
แต่ถ้าหากด้อยกว่าก็แค่กำจัดคนที่ยอดเยี่ยมกว่าทิ้งไปซะ ก็จะไม่มีใครเหนือไปกว่าเขาแล้ว
“ตอนแรกข้ายังคิดจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับรนหาที่ตายเองเสียนี่” หลันเทียนอวี่กล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
หลิงฮันหัวเราะ และสะบัดดาบอสูรนิรันดร์ในมือเบาๆ “งั้นก็มาสู้กัน”
เขาพุ่งทะยานร่างและโจมตีใส่หลันเทียนอวี่อย่างรวดเร็ว
ที่เขายอมให้อีกฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะพลังของเขาด้อยกว่า แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเผยไม่ลับออกไปทั้งหมด เพียงแต่การต่อสู้ในครั้งนี้คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตเขาจึงไม่คิดจะออมมือ และจะใช้ทุกอย่างเพื่อสังหารอีกฝ่าย
ที่สำคัญคือดาบอสูรนิรันดร์ได้ยกระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์นิรันดร์สี่ดาวแล้ว ซึ่งเทียบเท่าได้กับระดับตัดวิญญาณสวรรค์
ฉึบ เมื่อดาบถูกสะบั้นออกไป ชั้นดินและก้อนกรวดรอบด้านก็ถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก
หลันเทียนอวี่ตกตะลึง พลังบ่มเพาะของหลิงฮันไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย แต่พลังต่อสู้กลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างไม่น่าเป็นไปได้
ดาบเล่มนั้น!
“แค่ดาบเล่มเดียว กับสามารถทำให้พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้ได้ ช่างน่าอัศจรรย์!” หลันเทียนอวี่รู้สึกริษยา ไม่เพียงแค่พรสวรรค์ของหลิงฮันเท่านั้นที่เหนือกว่าเขา แต่ยังโชคดีได้ครอบครองดาบที่ทรงพลังอีกด้วย
“มันต้องเป็นของข้า!” หลันเทียนอวี่คำราม ครืนน” ทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยออร่าทมิฬ และสัญลักษณ์ดอกบัวสีดำเจ็ดกลีบได้ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา ก่อนจะโจมตีตอบโต้หลิงฮัน
ตูม!
ร่างของหลันเทียนอวี่ถูกดาบของหลิงฮันชัดกระเด็นเข้าใส่กำแพง และรู้สึกกระอักกระอ่วนเกินพรรณนา
หลิงฮันพุ่งทะยานกวัดแกว่งดาบต่อเนื่อง โดยไม่ปล่อยให้เขาได้มีเวลาตั้งตัว หลันเทียนอวี่ทำให้เพียงคำรามเสียงดัง และพ่นควันสีดำออกมาจากปาก ก่อนที่ควันจะแปรสภาพกลายเป็นคลื่นพลังที่รุนแรง และมีตราประทับสีดำพรั่งพรูออกมา
ตราประทับที่ปรากฏขึ้นคือตราประทับแห่งเต๋า แต่หลิงฮันมั่นใจมากว่ามันแตกต่างจากตราประทับแห่งเต๋แห่งสวรรค์และปฐพี่ที่เขารู้จัก
หลิงฮันสัมผัสได้ พลังงานลึกลับจากด้านบนในทิศทางของปราสาท ได้ถูกส่งมาผสานรวมเข้ากับตราประทับ ทำให้อำนาจของตราประทับสีดำตรงหน้าแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
“ครืนนนน” คลื่นพลังของตราประทับสีดำพุ่งทะลวงเข้ามาอย่างน่าสะพรึงกลัว
หลิงฮันเค้นเสียง เขายกมือซ้ายขึ้นและกัดหมัดตอบโต้ “ปัง” เมื่อการโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน หลุมที่ถูกขุดขึ้นชั่วคราวก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ฮ่าๆๆ พลังของเจ้ามันก็แค่เท่านั้น คอยดูว่าข้าจะเด็ดศีรษะของเจ้าอย่างไร” หลันเทียนอวี่หัวเราะ นอกจากดาบอสูรนิรันดร์ในมือหลิงฮันแล้ว พลังต่อสู้ของหลิงฮันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
“อย่างงั้นรึ?” หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่หลบหลีกการโจมตีใดๆ ที่หลันเทียนอวี่จู่โจมเข้ามา และตอบโต้กลับไปตรงๆ
เขายังต้องรีบไปทำการครอบครองแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพี จึงไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลาอยู่กับอีกฝ่าย
เพราะงั้นเขาจึงต้องการจบการต่อสู้และปลิดชีพอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด
“ช่างรนหาที่ตาย!” หลันเทียนอวี่แสยะยิ้ม เขามีพลังของดวงวิญญาณนิรันดร์คุ้มกันร่างกายอยู่ พลังป้องกันของเขาจึงแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว
“หวังว่าเจ้าจะปากดีไปได้ตลอด” หลิงฮันยิ้ม
ตูม! ตูม ตูม!
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปหลายสิบหมัด ใบหน้าของหลันเทียนอวี่ก็กลายเป็นซีดเผือดด้วยความตะลึง เนื่องจากกระดูกภายในร่างของเขาเกิดเสียงสั่นเครืออย่างรุนแรงแล้ว แต่หลิงฮันกลับไม่เป็นอะไรเลย
เป็นไปได้อย่างไร?
“เจ้า…. เจ้าสวมใส่ชุดเกราะแบบใดอยู่กันแน่!” เขาไม่กล้าเข้าปะทะกับหลิงฮันอีกต่อไป
และคิดเหตุผลออกว่า การที่หลิงฮันจะมีพลังป้องกันแข็งแกร่งไปกว่าเขาได้ ย่อมมีเพียงความเป็นไปได้เดียว
หลิงฮันแสยะยิ้ม เขาไม่เสียเวลาพล่ามไร้สาระและทำการเรียกดวงวิญญาณเพลิงเก้าสวรรค์ออกมา
ร่างของเขาเคลื่อนไหวปลดปล่อยกระบวนท่าทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์ ในขณะที่ร่างของดวงวิญญาณเพลิงเก้าสวรรค์ พรั่งพรูไปด้วยเปลวเพลิงที่รุนแรงจนแทบจะแผดเผาสวรรค์และปฐพี