Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2026 เก็บเกี่ยว
ตอนที่ 2026 เก็บเกี่ยว
เชอหยวนหวาเผยสีหน้าเหยียดหยาม เป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่คิดว่าจะมาแย่งชิงสมบัติของพวกข้าไปงั้นรึ?
ช่างน่าขัน!
“มนุษย์ ชั่ว!” เสียงคําราม และกระหน่ําปล่อยหมัดอย่างเกรี้ยวกราด
การที่จอมยุทธระดับแบ่งแย่งวิญญาณสามารถซ่อนตัวจากการรับรู้ของพวกเขาได้ อีกฝ่ายจะต้องครอบครองสมบัติล้ําค่าอยู่กับตัวเป็นแน่ เพียงแต่พวกเธอหยวนหวาก็ไม่มีเวลาไปค้นหาสมบัติที่หลิงฮันเหลือทิ้งเอาไว้ เนื่องจากการโจมตีของเสี่ยวภู่นั้นรุนแรงเกินไปจนพวกเขาไม่อาจวอกแว่กได้
“ครืนนน” กลุ่มก้อนเปลวเพลิงกระเพื่อมไปมา พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายอันสูงส่ง
“ไม่ได้การ นั่นมันทักษะกําเนิดใหม่จากเถ้าถ่านของเผ่าวิหคเพลิงอมตะ!” หลันเทียนหยางอุทานออกมา
“บัดซบ!” สีหน้าของเชอหยวนหวาก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากเช่นกัน
จะให้พวกเขาโจมตีหลิงฮันอีกครั้งงั้นรึ? เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
ตอนนี้เสียวก่กระหน่ําโจมตีอย่างบ้าคลั่ง “พรึบ พรึบ พรึบ” ตราประทับบนกระดูกภายในร่างของมันส่องประกายแสง และระเบิดพลังต่อสู้อันไร้ที่สิ้นสุด จนทําให้พวกเธอหยวนหวาถูกต้อนจนมุม เพราะงั้นแล้วพวกเขาจะเอาเวลาไหนไปโจมตีหลิงฮัน?
นอกเสียจากว่าพวกเขาจะยอมเอาชีวิตเข้าแลก!
เพื่อสังหารจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ ตัวตนระดับเก้าบัวบานถึงกับต้องยอมเอาชีวิตเข้าแรกเลยงั้นรึ? ล้อกันเล่นรึเปล่า?
“ครืนน” เปลวเพลิงเริงระบําสั่นไหว ก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นวิหคเพลิงขนาดมหึมาและแยกตัวออกจากกัน ท่ามกลางเปลวเพลิงที่กระจัดกระจาย ร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งได้เดินออกมา ซึ่งรุ่นเยาว์ผู้นี้หากไม่ใช่หลิงฮันแล้วจะเป็นใครกัน?
ทองหยกกําเนิดดาราลอยเข้าไปหลอมรวมเข้ากับหน้าอกของหลิงฮัน
“บัดซบ!” พวกเธอหยวนหวาสบถสาปแช่ง
เพียงแต่ต่อให้หลิงฮันจะผสานรวมเข้ากับแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีไปแล้ว ตราบใดที่พวกเขาจับตัวหลิงฮันได้ ประมุขที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ก็ย่อมมีหนทางดึงแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีกลับออกมาได้แน่นอน
แต่ก่อนอื่นเลยคือต้องสังหารเสี่ยวภู่ก่อน!
ปรมาจารย์ทั้งสองตนมองหน้ากัน และเข้าใจความคิดของกันและกันผ่านดวงตา พวกเขาสองคนส่งเสียงคําราม โดยที่ทันใดนั้นสัญลักษณ์ดอกบัวสีดําระหว่างคิ้วของพวกเขาทั้งเก้ากลีบก็เบ่งบานออกมา พร้อมกับดอกบัวสีดําทมิฬขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังพวกเขา
ดอกบัวสีดําทมิฬทั้งสองสั่นเล็กน้อยและตอบสนองต่อกัน โดยที่พลังที่ถูกถ่ายทอดจากรูปปั้นที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าปราสาทโบราณได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อเสริมแกร่งพลังต่อสู้ให้แก่ปรมาจารย์ทั้งสอง
แต่ก็เห็นได้ชัดการจะใช้ทักษะนี้จําเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เนื่องจากผิวหนังบนใบหน้าของพวกเชอหยวนหวาได้ปรากฏคราบเลือดมากมายไปจนถึงบริเวณคอและมือ หากผิวหนังที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าเผยออกมาให้เห็นล่ะก็ จะพบว่าผิวหนังทั้งร่างของพวกเขาเกิดการปริแตก ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีโลหิตไหลออกมา
ทั้งสองคนเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงตอบโต้ และหวังจะสังหารเสี่ยวกู่
เมื่อเสี่ยวกู่เห็นว่าหลิงฮันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ความเกรี้ยวกราดของมันก็สลายไปหลายส่วน ทําให้พลังต่อสู้ลดลงกว่าเดิมมาก จนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบพวกเธอหยวนหวา
เพียงแต่กายหยาบของเสียวกู่นั้นเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ต้องรู้ก่อนว่าร่า งกายของมันในตอนนี้ไม่ใช่ร่างของมันจริงๆ แต่เป็นเพียงร่างจําแลงเท่านั้น ซึ่งต่อให้ร่างกายได้รับความเสียหายขนาดไหนก็ไม่ส่งผลอะไร เพราะร่างที่เป็นรากฐานที่แท้จริงของมันคือกระดูกเพียงท่อนเดียว
กระดูกท่อนนี้สมควรเป็นกระดูกของราชานิรันดร์ และยังเป็นของราชานิรันดร์ระดับสูงอีกด้วย เพราะงั้นมีรีที่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้สองคนจะทําลายมันได้?
หลิงฮันไม่กังวลสถานการณ์ของเสี่ยวคู่แม้แต่น้อย เขาตั้งสมาธิไปยังแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตันเถียน
มีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว!
ถึงแม้เพลิงเก้าสวรรค์จะแยกตัวออกมาแล้ว แต่แก่นกําเนิดพลังที่แสดงถึงตัวตนของมันก็ยังอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะงั้นเมื่อแก่นกําเนิดพลังทั้งสี่มาอยู่รวมกัน พวกมันจึงแย่งชิงอาณาเขตกันอย่างดุเดือดภายในตันเถียนของหลิงฮัน จนแบ่งพื้นที่กันได้อย่างสมดุลในที่สุด
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลิงฮัน ตอนนี้เขาก้าวหน้าในระดับแบ่งแยกวิญญาณขึ้นไปอีกครั้งแรก
เมื่อรู้ว่าขีดจํากัดการตัดวิญญาณคือเก้าครั้ง สิ่งจําเป็นที่สุดต่อสําหรับเขาในตอนนี้จึงเป็นแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี
หลิงฮันยกมือขึ้น “พรึบ” ตราประทับแห่งเต๋โลหะสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นบนมุมฝ่ามือของเขาพร้อมกับปลดปล่อยปราณพิฆาตที่รุนแรงออกมา
ปราณพิฆาตนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร แต่เป็นคลื่นพลังปราณที่แหลมคมและรุนแรงของแก่นกําเนิดพลังธาตุโลหะ
ธาตุทองคือตัวแทนของความแหลมคม
เขาสะบัดฝ่ามือออกไปส่งๆ “พรึบ” ปราณดาบอันแหลมคมพุ่งทะยานออกมา และทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้บนพื้น
อย่าได้ดูถูกความเสียหายเพียงเท่านี้ เพราะอย่างที่รู้ว่าโครงสร้างของพื้นที่ในบริเวณนี้ถูกเสริมให้ทนทานโดยแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ต่อให้เป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเสี่ยวภูทั้งสามคน ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายที่รุนแรงให้กับบริเวณนี้ได้ โดยที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือหลุมเล็กๆ น้อยๆ
การที่เขาสามารถทําให้พื้นดินเกิดรอยขีดข่วนได้ด้วยระดับพลังเพียงเท่านี้ กล่าวได้ว่าการโจมตีของเขามีพลังทําลายที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง!
หลิงฮันลองผสานอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารเพิ่มเข้าไปและผลักฝ่ามือ “พรึบ” รอยขีดข่วนปรากฏขึ้นบนพื้นที่แข็งดั่งโลหิตอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้รอยได้มีความลึกที่มากกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าการผสานอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน จะทําให้เกิดพลังทําลายล้างที่รุนแรงยิ่งขึ้น
หลิงฮันตระหนักรับรู้ได้ว่าอํานาจแห่งกฏเกณฑ์ก็สามารถใช้รวมกันได้ด้วย ก่อนระดับราชานิรันดร์การผสานรวมอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ อย่างอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลากับอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิตินั้นเป็นไปไม่ได้ก็จริง แต่กับอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้าธาตุนั้นแตกต่างออกไป เพราะ พวกมันสามารถผสานรวมกันได้
โลหะ พฤกษา วารี เพลิง และปฐพี ตัวเขาในตอนนี้ต้องการแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอีก เพียงธาตุเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถผสานธาตุทั้งห้าได้
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าการโจมตีที่ผสานเอาไว้ด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้าธาตุนั้นจะทรงพลังขนาดไหน
บางที อาจจะเป็นเหมือนจี่อู๋หมิง
หลิงฮันกําหมัดแน่น ถึงแม้การต่อสู้ครั้งก่อนเขาจะเสมอกับจี่อู๋หมิง แต่เขาก็รู้ตัวดีว่า ในด้านพลังต่อสู้ตัวเขายังด้อยกว่าอีกฝ่าย
ต่อให้มีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเพิ่มมาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพี่หมิงนั้นเป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า ความเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายจึงเปรียบเสมือนมีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมากมายอยู่ในร่างกาย
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทําไมในระดับพลังเดียวกัน จี่อู๋หมิงถึงมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า
“เอาไว้หลังจากที่ได้รับแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีธาตุปฐพี่มาครอบครอง ข้าจะประลองกับจี่อู๋หมิงอีกครั้ง!” ดวงตาของหลิงฮันส่องประกายด้วยจิตวิญญาณสู้รบ
แต่สําหรับตอนนี้ เขานําดาบอสูรนิรันดร์ออกมา
ในบริเวณแห่งนี้มีแร่โลหะอยู่มากมายเพียงใด?
ดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยความกระหายออกมา และเริ่มการดูดกลื่นอย่างบ้าคลั่ง “ครืนนนนน” อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทองคํามากมายโดยรอบถูกดูดซับเข้าไปยังดาบอสูรนิรันดร์
ปัง!
การต่อสู้ระหว่างเสี่ยวกู่และพวกเธอหยวนหวากลายเป็นดุเดือดและรุนแรงยิ่งขึ้น จนทําให้หลุมแห่งนี้ปรากฏรูไปทั่วพื้นที่
การต่อสู้ดําเนินต่อไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน การต่อสู้อันดุเดือดส่งผลให้พื้นดินรอบด้านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่หลิงฮันก็ไม่สามารถอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ได้ และต่อเข้าไปหลบอยู่ในหอคอยทมิฬ ส่วนดาบอสูรนิรันดร์นั้น เขาได้วางมันเอาไว้เพื่อให้มันดูดซับแก่นพลังธาตุโลหิตอย่างต่อเนื่อง
เกือบเจ็ดวันต่อมา แก่นพลังธาตุโลหิตก็ถูกดูดกลืนไปจนแทบหมดสิ้น ทําให้โครงสร้างอ่อนแอลง จนการต่อสู้ของจอมยุทธที่ทรงพลังทั้งสาม สามารถระเบิดผิวของหลุมให้เป็นรูขนาดใหญ่มากมาย และมีน้ําทะเลไหลซึมเข้ามาจากรูที่เกิดขึ้นได้
“หนี!” จู่ๆ พวกหลันเทียนหยางทั้งสองก็ทะยานร่างขึ้นไปด้านบน