Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2030 ถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
ตอนที่ 2030 ถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
มาถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกแล้ว
หลิงฮันสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในทันที เมื่อเทียบกับดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกแล้ว พลังวิญญาณของที่นี่หนาแน่นกว่ามาก เพียงแค่ปัจจัยในเรื่องนี้ก็ส่งผลให้ ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก มีสมุนไพรและเม็ดยานิรันดร์มากกว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่ทําไมระดับวรยุทธของดินแดนแห่งเชียนฝั่งตะวันตกจะอยู่สูงกว่า เพียงแค่สภาพแวดล้อมโดยธรรมชาติก็เหนือกว่าแล้ว
“ฮูหนิว ตําหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่ที่ใด?” หลิงฮันเอ่ยถามฮูหนิว
“หืม?” ฮูหนิวกระพริบตาปริบๆ “ตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็อยู่ที่ตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ไงล่ะ”
มุมปากของหลิงฮันกระตุก “เจ้ารู้รึเปล่าว่าบ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“เรื่องนั้นหนิวไม่จําเป็นต้องรู้” ฮูหนิวกล่าวอย่างหนักแน่นมั่นใจ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เด็กสาวที่ชื่นชอบเพียงแค่การกินเช่นนาง จะไปสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆรอบกายได้อย่างไร? เพียงแค่ชีวิตของนางมีกินและได้เล่นสนุกก็เพียงพอแล้ว
“งั้นคงมีแต่ต้องไปถามใครสักคน”
กลุ่มของพวกเขาขึ้นจากชายฝั่งและเคลื่อนที่ไปด้านหน้าต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่เบื้องหน้าของพวกเขาจะปรากฏป่าไม้เขียวขจี ที่แค่มองก็ทําให้พวกเขารู้สึกสดชื่น
การมองแต่ทิวทัศน์มหาสมุทรตลอดเวลาเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก เพราะงั้นตอนนี้เมื่อได้เห็นทิวทัศน์สีเขียวบ้าง ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงเปลี่ยนไป
“หากหาเมืองที่ใกล้ที่สุดได้ ก็น่าจะหาทางไปตําหนักมัจฉาวายุภักษ์เจอ”
พวกเขามุ่งหน้าไปไปยังทิศทางที่เชื่อว่าจะหาเมืองพบ
เจ็ดวันต่อมา
“ครืนนนน” จู่ๆ พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
หลิงฮันกวาดสายตามอง ก่อนจะพบกับคลื่นอะไรบางอย่างกําลังเคลื่อนที่มายังทิศทางของพวกเขา
ไม่สิ… นั่นไม่ใช่คลื่นแต่เป็นกองทัพ!
ในกองทัพนี้มีตัวตนที่ทรงพลังอยู่มากมายที่ปลดปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เมื่อจํานวนของจอมยุทธที่ทรงพลังมากขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง เพียงแค่พวกเขาเคลื่อนที่ผ่าน ก็สามารถทําให้พื้นปฐพี่สั่นไหวราวกับสวรรค์กําลังจะถล่มลงมา
กองทัพที่เป็นกองทัพที่พ่ายแพ้สงคราม
หลิงฮันมั่นใจจากการมองดูไม่นาน เพราะหากเป็นกองทัพทั่วไปคงจะไม่ละทิ้งชุดเกราะของตนเอง และไม่เคลื่อนทัพด้วยจอมยุทธที่บาดเจ็บมากมายเพียงนี้
หลิงฮันมองเห็นธงสงครามสัญลักษณ์จันทราที่ถูกถือโดยยักษ์ทองคําร่างใหญ่หลายสิบฟุต
กองทัพมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่อย่างรวดเร็วและเคลื่อนที่ผ่านไป
“พวกเจ้ารีบหนีไปจะดีกว่า” ทหารที่ผ่านมากล่าวแนะนําพวกเขา
หมายความว่าอย่างไรกัน?
หลิงฮันรู้สึกสงสัยในใจ แต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา “บัดซบ ด้านหลังพวกเจ้ามีกองทัพอื่นไล่ตามมาด้วย”
“ฮ่าๆๆ ในเมื่อรู้แล้วยังไม่รีบหนีอีก!” ทหารคนนั้นหัวเราะ
หลิงฮันไม่ทางเลือกอื่น “งั้นพวกข้าก็ขอตามไปด้วย”
เขาไม่ต้องการใช้หอคอยทมิฬต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ และไม่ต้องการหลบซ่อนในหอคอยทมิฬทุกครั้งมีพบเจอปัญหา
พวกหลิงฮันหันหน้าวิ่งตาม แต่เพราะพวกเขาเคลื่อนที่ช้าไปทําให้ตกอยู่ท้ายแถว และเมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็จะพบ “คลื่น” อีกลูกที่กําลังพุ่งมาจากระยะไกล
กองทัพด้านหลังเองก็เป็นกองทัพที่ทรงพลังเช่นกัน โดยที่ธงของพวกเขามีสัญลักษณ์คืออักษรคําว่า “โตว”
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ หนึ่งกองทัพกําลังหลบ ในขณะที่อีกกองทัพกําลังไล่ล่า
บัดซบจริงๆ เหตุใดเขาถึงต้องพบเจอแต่เรื่องแบบนี้ตลอด?
หลิงฮันวิ่งอย่างเป็นตาย โดยพวกจักรพรรดินีเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน กลุ่มของพวกเขาทุกคนรู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก มีเพียงฮูหนิวที่ยังหัวเราะอย่างสนุกสนาน และเสี่ยวคู่ที่ทําหน้าตาใสซื่อไม่รู้ร้อนรู้หนาว
หนึ่งกองทัพใหญ่กําลังหลบหนี โดยมีอีกหนึ่งกองทัพใหญ่ไล่ตาม… เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ได้มีสงครามเกิดขึ้น โดยฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็คือกองทัพธงจันทรา เพราะงั้นพวกเขาถึงได้วิ่งหนีโดยมีกองทัพที่ชนะไล่ตามอยู่
การหลบหนีกินเวลาไปครึ่งเดือน ในที่สุดกองทัพที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังก็หยุดการไล่ล่า และกองทัพที่หลบหนีก็เริ่มชะลอฝีเท้าลง
ในช่วงครึ่งเดือนนี้ หลิงฮันค่อนข้างใกล้ชิดกับเหล่าทหารพอสมควร
กองทัพที่หลบหนีนี้เป็นกองทัพภายใต้การปกครองของราชานิรันดร์ไจเยว่ ที่มีชื่อว่ากองทัพคว้าจันทรา ซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้กับกองทัพเมฆเอ่อล้น ซึ่งเป็นกองทัพของราชานิรันดร์โตวหยุน
ขุมอํานาจราชานิรันดร์ทั้งสองนี้ตั้งอยู่ฝั่งชายแดน เพราะงั้นจึงมักมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตของกันและกัน
ในสงครามย่อมมีผู้แพ้และผู้ชน ซึ่งในครั้งนี้ฝ่ายที่แพ้คือกองทัพคว้าจันทรา แน่นอนว่าสงครามเล็กๆเช่นนี้ ทั้งราชานิรันดร์ใจเยวและราชานิรันดร์โตวหยุนย่อมไม่เข้าร่วมสงคราม และมีแม่ทัพเป็นคนนําทัพ
หลิงฮันลองไต่ถามถึงตําแหน่งที่ตั้งของตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ดู แต่ถึงแม้คนเหล่านี้จะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกที่ว่ากว้างใหญ่แล้ว แต่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตัววันตกนั้นกว้างใหญ่ยิ่งกว่า!
ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก มีอาณาเขตสวรรค์อยู่ทั้งหมดสามสิบสามอาณาเขต ส่วนดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกมีอาณาเขตสวรรค์อยู่ทั้งหมดเก้าสิบเก้าอาณาเขต ซึ่งมากกว่าถึงสามเท่า
บางทีราชานิรันดร์ไจเยว่อาจจะรู้ที่ตั้งของตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็ได้ แต่หลิงฮันจะสามารถ เข้าพบตัวตนระดับนั้นเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้งั้นรึ?
หลิงฮันสลดเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่มาถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกแล้วแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกมืดแปดด้าน และไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนดี
“ถ้าแบบนั้นพวกเราก็ตามกองทัพนี้ไปก่อนก็ได้” จักรพรรดินีแนะนํา
นั่นคงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ ส่วนแผนการอื่นๆค่อยว่ากันในภายหลัง
กองทัพนี้เองก็เป็นมิตรมากทีเดียว พวกเขาไม่ขับไล่หลิงฮันและยอมให้ติดตามไปด้วย
แต่หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน กองทัพก็เคลื่อนที่มาถึงค่ายกองกําลังในที่สุด ซึ่งที่นี่หลิงฮันไม่สา มารถผ่านเข้าไปได้ พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือต่ออีกสามวันตามคําแนะนําของทหารในกอง ทัพ และเมืองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาในที่สุด
“ตอนนี้เราไม่รู้ว่าตําหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่ที่ไหน แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสตร์ปรุงยาล่ะ?”
หลิงฮันลูบคางครุ่นคิด แต่เดิมเขาควรจะมีถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกพร้อมกับหม่าถง กวางเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่เขาดันสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว ทําให้สูญเสียคนนําทางไป
“ข้าจําได้ว่าอาจารย์เหมือนจะบอกว่า สถานที่แห่งนั้นอยู่ที่อาณาเขตสวรรค์ผ่อน”
“ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ในฐานะตัวแทนของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก แม้จะช้าแต่ข้าก็ควรไป”
“เอาเป็นว่าจุดหมายแรกของเราคือ อาณาเขตสวรรค์ผ่อนแล้วกัน”
“นักปรุงยานั้นทําการค้าขายเม็ดยา ทําให้มีลูกค้าอยู่ทั่วทุกสารทิศ เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ตั้งอยู่ที่ใด”
“หลังจากพักผ่อนกันนิดหน่อย พวกเราจะออกเดินทางกันทันที”
แน่นอนว่าคนอื่นๆ ย่อมไม่คัดค้านการตัดสินใจของหลิงฮัน พวกเขาตกลงกันว่าจะพักอาศัยอยู่ในเมืองไม่กี่วัน และจะออกเดินทางต่อทันทีหลังจากซื้อเสบียงและทรัพยากรเสร็จ
ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกมีสินค้าพิเศษอยู่มากมาย และสมุนไพรก็เป็นหนึ่งในนั้น มีสมุนไพรมากมายที่ยากจะหาได้ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก
หลิงฮันซื้อสมุนไพรเหล่านั้นมามากมาย เพราะถึงแม้พวกมันจะไม่สามารถช่วยขัดเกลาระดับวรยุทธ แต่พวกมันก็ใช้เติมเต็มปราณก่อเกิดได้
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีคนชั่วคิดจะจับกุมข้า!” เสียงร้องของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น สตรีผู้นั้นวิ่งอยู่ด้านหน้า และที่ด้านหลังของนางมีบุรุษหลายสิบคนวิ่งไล่ตามด้วยท่าทางโหดเหี้ยม