Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2057 ฉกฉวยกลางทาง
ตอนที่ 2057 ฉกฉวยกลางทาง
“เจ้าแม่น้ําชั่วร้าย หนิวเกือบจะได้รับบาดเจ็บแล้ว!” ฮูหนิวโมโห และสบกไปยังแม่น้ําอย่างเกรี้ยวกราด
หลิงฮันยิ้มและคว้ามือซูหนิวเดินไปด้านหน้า “มาเถอะ ไปล่าสัตว์อสูรเพิ่มกัน”
กลุ่มของพวกเขาออกเดินทางเพื่อไล่ล่าอสูร ซึ่งงทําให้ฮูหนิวมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะจะมีเนื้อให้นางกินอีกแล้ว
สัตว์อสูรมากมายถูกสังหารและจํานวนของผลึกมังกรพิเศษที่ได้รับมาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังห่างไกลจากจํานวนที่จะรวมเป็นแผนที่อย่างที่หลิงฮันกล่าวเอาไว้ได้ อย่างน้อยลวดลายของผลึกมังกรพิเศษในตอนนี้ยังก็ผสมปนเปกันมั่ว ไม่อาจนํามารวมกันได้
“สัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกตัว!” สองเดือนต่อมาพวกเขามาถึงภูเขาขนาดย่อมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีราชสีห์ร่างทองคําสามหางปรากฏอยู่ตรงหน้า ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าที่หางของมันแต่ละหางนั้นมีศีรษะขนาดเล็กงอกออกมาด้วย เพียงแต่ขนาดของศีรษะนั้นเล็กเกินไปจนมองแทบไม่เห็น
นี่มันสัตว์อสูรแบบใดกัน?
“จะเป็นสัตว์อสูรแบบไหนก็ช่าง กินมันเลย!” ฮูหนิวคํารามและลงมือเป็นคนแรก
หลิงฮัน จักรพรรดินี และธิดาโร๋วรีบไล่ตามไปโจมตีเสริม ทั้งสี่คนเริ่มเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยการโจมตีผสานของพวกเขา แม้แต่สัตว์อสูรระดับตัดวิญญาณสวรรค์ทั่วไปก็ยังถูกสังหาร เพราะอย่างไรสัตว์อสูรในที่แห่งนี้ก็มีสติปัญญาต่ําอยู่แล้ว พวกมันจึงถูกจูงจมูกได้ง่าย
ทั้งสีคนโจมตีผสานรอบด้าน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการสังหารราชสีห์ทองคําตนนี้
หลิงฮันไม่ได้ใช้แก่นพลังมหาพินาศมานานสักพักแล้ว เพราะต้องการให้สตรีทั้งสามได้ขัดเกลาฝีมือบ้าง
“โอ้ มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่ด้วย!” เสียงอุทานประหลาดใจขึ้น พร้อมกับกลุ่มคนเจ็ดคนปรากฏตัว เมื่อพบว่าตรงหน้ามีพวกหลิงฮันทั้งสี่คนยืนอยู่ แววตาของพวกเขาทั้งเจ็ดกลายเป็นโหดเหี้ยม
หลิงฮันกวาดสายตามองและอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เพราะในหมู่คนทั้งเจ็ดนี้มีหนึ่งคนที่เขารู้จัก
หร่วนตง
แปลกจริงๆ ทําไมถึงพบเจอคนผู้นี้ทุกที่เลย?
“พวกเจ้าไสหัวไปซะ!” ในหมู่คนเจ็ดคน ชายวัยกลางคนชุดเหลืองกล่าวออกมาอย่างโอหัง เมื่อเขากวาดสายตามองซูหนิวและสตรีคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายด้วยความตะลึง แต่ก็ไม่ได้กล่าวรั้งสตรีทั้งสามเอาไว้
เพราะการที่สามารถสังหารสัตว์อสูรที่ทรงพลังตรงหน้านี้ได้ หมายความว่าพลังของทั้งสี่เองก็ต้องแข็งแกร่งมากเช่นกัน หากสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
หร่วนตงมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าบูดบึง แต่กว่าเขาจะเข้าร่วมกับคนกลุ่มนี้ได้ ไม่รู้ว่าเขาต้องหน้าด้านประจบสอพลอไปมากขนาดนั้น เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยขอให้คนเหล่านี้สะสางความบาดหมางส่วนตัวระหว่างเขากับหลิงฮันให้ และทําได้เพียงภาวนาในใจให้หลิงฮันไม่ยินยอมแต่โดยดี จนต้องเกิดการระหว่างทั้งสองฝ่าย
“พวกข้าไม่คิดจะไสหัวไปไหน” หลิงฮันยิ้มอย่างไม่แยแส
หากคนอื่นไม่ล่วงเกินเขา เขาก็จะไม่ล่วงเกินคนอื่น แต่ถ้ามีใครมาล่วงเกินเขา เขาก็จะทุบตีคนผู้นั้นให้กลายเป็นตัวโง่งม
ชายวัยกลางคนชุดเหลือชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยสีหน้าโหดเหี้ยม “แต่เดิมข้ายังคิดจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตรอด แต่เจ้ากลับเป็นฝ่ายเลือกเส้นทางแห่งความตายด้วยตัวเอง!”
“เป็นแค่ตัวอัปลักษณ์ทํามาเป็นอวดดี เข้ามาเลย คอยดูว่าหนิวจะทุบตีพวกเจ้าแบบไหน!” ฮูหนิวพับแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นท่อนแขนอันงดงาม จนกลุ่มคนทั้งเจ็ดต้องมองตาค้าง
งดงาม ช่างงดงามยิ่งนัก
“พี่ชายหญ่ ข้าสังหารสตรีทั้งสามได้หรือไม่?” ในหมู่คนทั้งเจ็ด ชายชุดเขียวเอนร่างไปกล่าวกับชายวัยกลางคนชุดเหลือง
“หากทําได้ก็จะทํา…แต่ถ้าทําไม่ได้ก็ต้องสังหารให้สิ้น!” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ทั้งสี่คนเป็นกลุ่มที่สามารถสังหารสัตว์อสูรที่ทรงพลังได้ เพราะงั้นพลังของอีกฝ่ายย่อมไม่ใช่อ่อนแอแน่นอน แต่ด้วยจํานวนคนของกลุ่มพวกเขาที่มากกว่า เมื่อเกิดการปะทะกันย่อมสามารถคุมสถานการณ์ได้อย่าง่ายดาย เขาจึงกล่าวออกไปว่าหากจับเป็นได้ก็ให้จับเป็น
“ถึงตายก็ห้ามปล่อยให้เสียของ ข้าต้องการร่างของพวกนาง” ชายชุดเขาเอ่ยกล่าวขึ้นมา ใบหน้าของเขาซูบผอมและแก่ชรามาก แต่เขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีเพียงจอมยุทธที่อายุน้อยกว่าสิบล้านปีเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ จึงคาดเดาได้ว่าคงเป็นเพราะทักษะบ่มเพาะของคนผู้นี้เอง ที่ทําให้รูปร่างของเขาเปลี่ยนแปลงมาเป็นแบบนี้
เมื่อได้ยินคําพูดของชายชุดเขา แม้กระทั่งสหายในกลุ่มของเขาก็ยังเผยสีหน้าขยะแขยงออกมา
พวกเขารู้ว่าชายชุดดําผู้นี้มักจะกอดศพเอาไว้ในขณะที่บ่มเพาะพลังและนอนหลับ ซี่ งก็คือปีศาจโรคจิตดีๆ นี่เอง แต่ถึงจะอย่างนั้นพลังของคนผู้นี้ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่นําเขามาอยู่ในกลุ่มด้วย
“ตอนแรกข้าคิดจะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเจ้าเฉยๆ เพราะอย่างไรพวกเราก็ไม่ได้มีความบาดหมางใดๆ ต่อกัน แต่ตอนนี้” หลิงฮันหยุดพูดกลางคัน และปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
“ลงมือ! ลงมือ!” ชายวัยกลางคนชุดเหลืองตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้นกลุ่มของพวกเขาทั้งเจ็ดคนก็กระโดดเข้าหากลุ่มของหลิงฮันและทําการโจมตีพร้อมกัน
หร่วนตงเผยสีหน้าโหดเหี้ยม แต่ภายในดวงตากลับปรากฏร่องรอยความปีติดีใจ
ในช่วงที่อยู่ในกลุ่มทําให้เขาได้รู้ว่าคนทั้งหกในกลุ่มนั้น เป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณสวรรค์สูงสุด ถึงแม้ศักยภาพของทั้งหกจะใช่แม้กระทั่งราชา แต่เมื่อทั้งร่วมมือกัน พลังต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน? ต่อให้หลิงฮันเป็นจักรพรรดิในระดับตัดวิญญาณหยาง พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็ไร้เทียมทานในระดับตัดวิญญาณปฐพีเท่านั้น
ด้วยจํานวนคนหกต่อสี่ พวกเขาจะต้องชนะอย่างแน่แท้
“พวกฝูงขยะไร้ค่า ตายไปซะ!” ฮูหนิวกระโดดขึ้นหน้าและโจมตีตอบโต้
เพียงแต่พลังของนางยังห่างไกลเกินกว่าที่จะรับมือกับทั้งหกคนเพียงคนเดียว นางจึงถูกทําให้ล่าถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว
“หลิงฮัน ช่วยหนิวจัดการด้วย” ฮูหนิวกล่าว
“แน่นอน!” หลิงฮันยิ้มและลงมือพร้อมเพรียงกันกับจักรพรรดินี
ธิดาโร๋วไม่เข้าร่วมการต่อสู้ ถึงแม้พวกนางจะช่วยสู้กับสัตว์อสูรที่ด้อยปัญญาได้ แต่ต่อหน้ามนุษย์ด้วยกันแล้ว หากใครในหกคนนี้เพ่งเล็งนาง พวกเขาย่อมสามารถสังหารนางได้อย่างง่ายดาย
การปะทะเริ่มขึ้นและทุกคนต่างเรียกร่างวิญญาณของตนเองออกมา จอมยุทธระดับตัด วิญญาณหยางมีร่างวิญญาณอยู่ดวงเดียว แต่จอมยุทธระดับตัดวิญญาณสวรรค์นั้นมีร่างวิญญาณมากถึงสี่ เมื่อทั้งหกคนเรียกร่างวิญญาณของตนเองออกมา จํานวนทางฝั่งของพวกเขาจึงมีมากถึงสามสิบคน และชิงความได้เปรียบในด้านจํานวนคนมาได้
จักรพรรดินีพิมพ์และโคจรพลังของสายเลือด ทันใดนั้นเองร่างแยกและร่างวิญญาณทั้งสิบแปดก็ปรากฏออกมา
ปัง ปัง ปัง ตูม ตูม ตูม
หลิงฮันไม่ได้ใช้แก่นพลังมหาพินาศ และทําการโจมตีออกไปด้วยทักษะนิรันดร์มากมายอย่างสนุกสนาน เพราะสัตว์อสูรที่ผ่านๆ มานั้นมีสติปัญญาต่ําเกินไป
เขาโคจรอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา เพื่อลดความเร็วการโจมตีของเหล่าศัตรู และใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติเป็นระยะ เพื่อป้องกันการโจมตีให้กับจักรพรรดินีกับฮูหนิว
“สังหารบุรุษผู้นั้นก่อน!” ทั้งหกคนตระหนักได้ว่าหากพวกเขาไม่สังหารหลิงฮันก่อน ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะสังหารทั้งสี่คนตรงหน้าได้
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง หากทั้งหกคนโจมตีมาที่เขาคนเดียว ก็ไม่มีต่างอะไรกับการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่ผ่านๆ มา เพราะนั่นจะเป็นการเปิดช่องว่างให้ฮูหนิวกับจักรพรรดิสามารถจู่โจมด้วยพลังทั้งหมด