Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2060 เมืองชิงหลง
ตอนที่ 2060 เมืองชิงหลง
ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประชาอยู่มากพอสมควร ในหมู่ประชากรเหล่านี้บ้างก็เป็นคนที่มีหัวเป็นมังกร บ้างก็เป็นคนที่มีร่างเป็นมังกรแต่หัวเป็นคน แต่ที่ทุกคนมีเหมือนกันคือขนที่เป็นสีเขียว
ในเมืองแห่งนี้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วงได้หายไป
“โปรดตามข้ามา” บุรุษหัวมังกรที่นําทางพวกเขามาหันมากล่าวกับพวกหลิงฮัน และพาเข้าสู่เมือง
การปรากฏตัวของพวกเขาทั้งสี่คนไม่ได้สร้างความเอะอะใดๆ เลยแม้แต่น้อย ผู้คนในเมืองนี้ยังคงทําทุกอย่างที่ตนเองทําอยู่ตามปกติ ราวกับไม่ได้ตระหนักรับรู้เลยว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาที่เมือง
พวกเขาเดินมาจนถึงจุดกึ่งกลางของเมืองที่มีวิหารที่สร้างจากท่อนไม้ตั้งอยู่ รูปปั้นมังกรมรกตถูกประดับเอาไว้ด้านบนซึ่งแผ่ขยายไปทั่วทั้งวิหาร หนวดของรูปปั้นมังกรนั้นพลิ้วไหวตามลมราวกับของจริง
“ทางนี้” บุรุษหัวมังกรพาหลิงฮันเดินไปยังสวนของวิหารก่อนจะหยุด “โปรดนั่งรอสักครู่ ขอข้าไปเรียกผู้อาวุโสให้มาที่นี่ก่อน”
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง พวกเขาถูกชวนมาโดยคนแปลกหน้า ที่ไม่ได้อธิบายสถานการณ์ให้ฟังเลยแม้แต่น้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง บุรุษหัวมังกรก็กลับมาอีกครั้ง โดยมีนักบวชชราเดินนําอยู่ด้านหน้า
ชายชราผู้นี้มีร่างเป็นมังกรและหัวล้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีส่วนที่เป็นสีเขียวคือคิ้วและเครา
“อาตมามีนามว่าน่าซวี” ชายชรายิ้ม ภายในดวงตาของเขาส่องประกายเจิดจรัสปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
หลิงฮันคาดเดาได้คร่าวๆ ว่าชายชราผู้นี้สมควรเป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังในระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้
“คารวะผู้อาวุโส” พวกหลิงฮันทั้งสี่คนโค้งคํานับ
น่าชวียกมือขึ้นและกล่าว “อาตมารอคอยวันนี้มาเป็นเวลานานแล้ว วันที่เขตแดนลี้ลับร้อยมังกรจะเปิดออก”
“ข้าขอเสียมารยาทถามผู้อาวุโสว่า ท่านเรียกพวกเราเพื่อจุดประสงค์อันใด?” หลิงฮันเอ่ยถาม
น่าชวีกําลังจะอ้าปากอธิบาย แต่เมื่อเห็นนักบวชชราอีกคนเดินเข้ามาใกล้เขาก็ขมวดคิ้ว
นักบวชชราผู้นี้เองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“อาตมามีนามว่าน่าคง” ชายชราคนที่สองยิ้มให้พวกหลิงฮันทั้งสี่คน “ข้าอยากจะขอให้โยมทั้งสี่ช่วยนําพาดวงชะตาอันรุ่งโรจน์มาให้แก่ข้าด้วย”
“โยมน้อยทั้งสี่ผูกมัดดวงชะตากับข้าแล้ว!” น่าชวีรีบกล่าวแทรก ราวกับว่าหากไม่รีบพูดเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความงุนงง และยิ่งสับสนยิ่งขึ้นไปอีกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นอยู่กันแน่
“หากยอมเข้าร่วมกับอาตมา อาตมาจะเพิ่มผลประโยชน์ให้เป็นสามเท่าเมื่อพวกโยมได้รับร้อย มังกรชําระล้างกายา” น่าคงกล่าว
“อาตมาสัญญาว่าจะเพิ่มให้เป็นสี่เท่า!” น่าชวีไม่ยอมแพ้
“ห้าเท่า!”
“หกเท่า!”
นักบวชชราทั้งสองสีหน้ากลายเป็นแดงก่ําจนแทบจะปะทะกัน
พวกหลิงฮันทั้งสี่ยิ่งสับสนขึ้นไปอีก
“ขอถามผู้อาวุโสทั้งสองว่าดวงชะตาอันรุ่งโรจน์ที่พวกท่านว่าหมายถึงอะไรกัน?” หลิงฮันถาม ?
ในขณะที่นักบวชชราทั้งสองกําลังปะทะกัน พวกเขาก็กล่าวอธิบายให้หลิงฮันฟังไปด้วย
เมืองเล็กๆ แห่งนี้ถูกเรียกว่าเมืองชิงหลง ทุกคนที่นี่มีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ แต่พวกเขาถูกกักขังเอาไว้บนหุบเขาเทพมังกรแห่งนี้มาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น และไม่สามารถหนีออกไปภายนอกได้
ไม่มีใครรู้ว่าทําไมถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อใดที่พวกเขาออกจากภูเขาแห่งนี้ไป พวกเขาจะสูญเสีย พลังบ่มเพาะและอายุจะเริ่มลดลง จนตายอย่างไม่รู้สาเหตุ
วิธีแก้ปัญหามีอยู่ทางเดียวคือ ช่วงจังหวะที่เขตแดนลี้ลับร้อยมังกรจะเปิดออกในทุกๆหนึ่งร้อยล้านปี
เมืองชิงหลงมีเผ่าอยู่ทั้งหมดเจ็ดเผ่า ในช่วงที่เขตแดนลี้ลับร้อยมังกรเปิดออก ทั้งเจ็ดเผ่าจะทําการแย่งชิงลูกแก้วมังกรที่อยู่ในวิหารเทพมังกรมาครอบครอง เผ่าใดที่รวบรวมลูกแก้วมังกรได้ครบเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าลูกก่อนและอัญเชิญเทพมังกรออกมา ก็จะได้รับวาสนาให้สามารถนําพาเผ่าของตนเองออกจากเขตแดนลี้ลับร้อยมังกรได้
เพียงแต่คนที่รับตําแหน่งเป็นผู้ต่อสู้แย่งชิงจะต้องเป็นจอมยุทธจากภายนอก
เพราะงั้นระหว่างน่าซวีกับน่าคงจึงมีความบาดหมางกันเกิดขึ้น
ด้วยกาลเวลาที่ผ่านพ้นมายาวนาน จํานวนของลูกแก้วมังกรที่เผ่าทั้งเจ็ดรวบรวมมาเก็บไว้ได้ จึงมีมากจนใกล้จะครบจํานวนแล้ว ซึ่งเผ่าของน่าคงและน่าชวีเป็นสองเผ่าที่รวบรวมลูกแก้วมังกรได้น้อยที่สุด เพราะงั้นพวกเขาจึงกระตือรือร้นดิ้นรนที่จะไล่ตามอีกห้าเผ่าให้ทัน
ไม่มีใครต้องการถูกกักขังอยู่บนภูเขาเทพมังกรแห่งนี้ไปตลอดกาล
น่าคงและน่าสวียื่นข้อเสนอที่สูงลิ่ว เพราะพวกเขาต้องการให้กลุ่มของหลิงฮันทั้งสี่คนเข้าร่วมกับพวกเขา โดยไม่ใจว่าพวกหลิงฮันจะแข็งแกร่งหรือไม่ เพราะแค่มีคนเพิ่มมาหนึ่งคน อย่างน้อยพลังโดยรวมก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
หลิงฮันไม่รับด่วนตัดสินใจ แต่เลือกที่จะรอดูไปก่อน เพราะเขาไม่สามารถตอบรับข้อเสนอได้ด้วยการฟังความคนอื่นอย่างเดียว
ถ้าหากการต่อสู้แย่งชิงเต็มไปด้วยอันตรายและมีการตายเกิดขึ้นตลอดเวลาล่ะ?
ดังนั้นก่อนที่จะตอบรับ พวกเขาจึงอยากเข้าใจสถานการณ์ให้กระจ่างเสียก่อน
ถึงแม้น่าซวีกับน่าคงจะรีบแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
เหล่าจอมยุทธจากภายนอกทุกคนจะถูกจัดให้พักอาศัยอยู่ในวิหาร ที่ถูกติดตั้งอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติเอาไว้ ถึงแม้มองจากภายนอกวิหารจะดูเล็ก แต่ภายในนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
จากมุมมองด้านนอกจะเห็นว่ามีประตูมากมายอยู่ที่กําแพงวิหาร
คนนอกหลายคนหยุดยืนอยู่ด้านนอกวิหารและกําลังสนทนากันอยู่
“มีคนมาใหม่งั้นรึ?” ใครบางคนมองเห็นหลิงฮัน
“เจ้าหน้าใหม่ มาทางนี้” รุ่นเยาว์ชุดม่วงผู้หนึ่งตะโกนเรียกพวกหลิงฮันทั้งสี่คนด้วยน้ําเสียงสั่งการ
หลิงฮันชําเลืองมองและกล่าว “บิดามารดาของเจ้าไม่สอนวิธีการพูดกับคนอื่นรึไง?”
รุ่นเยาว์ชุดม่วงโกรธจนดวงตาลุกเป็นไฟทันที และคิดจะพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
“พี่ชายโป้ ระงับอารมณ์เอาไว้!” ใครบางคนรีบเข้ามาโน้มน้าวและรั้งรุ่นเยาว์ชุดม่วงเอาไว้แน่
“ปล่อยข้า ข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าหมอนั่น!” รุ่นเยาว์ชุดม่วงออกแรงดิ้นไปมาด้วยท่าทางเดือดดาล
หลิงฮันหัวเราะและชกหมัดออกไปที่ด้านหน้า
“ปัง” อํานาจแห่งกฎเกณฑ์อันไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูออกมา และส่องสว่างไปทั่วพื้นที่
เมื่อพลังจากหมัดสลายไป ทุกคนก็เหลือกตามองไปที่หลิงฮัน
แข็งแกร่งมาก!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีพลังอยู่ในระดับตัดวิญญาณหยางแท้ๆ แต่พลังต่อสู้กับแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับตัดวิญญาณปฐพี่สูงสุด! ไม่สิ หรืออาจจะแข็งแกร่งถึงขั้นระดับตัดวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นด้วยซ้ํา
รุ่นเยาว์ชุดม่วงอ้าปากค้างและกลายเป็นไร้คําพูด
แต่หลังจากเขาตั้งสติกลับมาได้ เขาก็ยังตะโกนต่อ “ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”
ใครบางคนที่รั้งชายชุดม่วงเอาไว้กําลังตกตะลึงอยู่จึงเผลอปล่อยมือเมื่อได้ยินคําว่า “ ปล่อยข้า!”
แต่เห็นได้ชัดว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้หวาดกลัวหลิงฮันมาก แต่เพื่อไม่ให้ตนเองเสียหน้า เขาจึงจําเป็นต้องแสร้งทําเป็นกล้าตะโกนออกมา
หลิงฮันยิ้มและง้างหมัดเข้าใส่รุ่นเยาว์ชุดม่วง
“พี่ใหญ่!” รุ่นเยาว์ชุดม่วงรีบพุ่งเข้าไปคว้าหมัดหลิงฮันเอาไว้ “ท่านเป็นพี่ชายในสายเลือดของข้าแน่ๆ ในที่สุดข้าก็หาท่านพบ!” เขาแสร้งทําสีหน้าตื่นเต้น
บัดซบ คนผู้นี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าเรียกข้าทําไม?”
“เอ่อ พี่ใหญ่ พวกเราตั้งใจว่ารวมคนเพื่อเข้าร่วมกับเผ่าสักเผ่าหนึ่ง เพราะหากทําเช่นนี้ พวกเราก็จะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แถมยังไม่มีอะไรเสียหายด้วย” รุ่นเยาว์ชุดม่วงอย่างด้วยสีหน้าประจบประแจง