Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 2074 ช่วงสุดท้าย
ตอนที่ 2074 ช่วงสุดท้าย
ลูกแก้วมังกร!
ทันทีที่ลูกแก้วปรากฏขึ้นมา ร่างมนุษย์ทมทั้งหมดก็หายไป แสดงให้เห็นว่าการประลองได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในมือของหลิงฮัน และพวกจักรพรรดินี สัญลักษณ์ได้ส่องแสงออกมาและสอดคล้องเข้ากับลูกแก้วมังกร
พวกเขาเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ เพราะงั้นจึงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเก็บลูกแก้วมังกรได้ ในขณะที่พวกตู้เส่าจนไม่มีสิทธิ์แม้จะสัมผัส
และต่อมานั้นเอง แท่งแสงก็ส่องจากท้องฟ้าลงมายังจุดศูนย์กลางหุบเขาราวกับเป็นทางเดิน
จี่อู๋หมิงก้าวเดินนําไปยังแท่งแสง โดยที่ทันที่ที่หลังจากที่ผ่านเข้าแท่งแสงไป ร่างของเขาก็หายไปทันที
แท่งแสงที่สาดส่องลงมานี้คือประตูทางออก
พวกตู้เส่าจวิ้นขอบคุณหลิงฮันอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเข้าสู่แท่งแสงและหายไป
จี่อู๋หมิงไม่เก็บลูกแก้วมังกรไป เพราะงั้นหลิงฮันจึงต้องเก็บมันไปด้วยตัวเอง
เขาคว้าลูกแก้วมังกรเอาไว้และใช้สัมผัสตรวจสอบเล็กน้อย แต่ก็ไม่พบอะไรพิเศษในลูกแก้วมังกรแม้แต่นิดเดียว
นอกจากที่ส่องแสงออกมาได้แล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับลูกหินธรรมดา
ตอนแรกหลิงฮันตั้งใจว่าจะศึกษาให้ละเอียดขึ้นอีก แต่แท่งแสงจากท้องฟ้าก็ค่อยๆ ย่อหดเข้าหากันเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันใกล้จะปิดตัวลงแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกและรีบก้าวเดินเข้าไปยังแท่งแสงทางออกพร้อมกับสตรีทั้งสาม
“ครืนน” ร่างของเขารู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนและมาปรากฏตัวอีกครั้งที่บริเวณยอดภูเขา
นักบวชชราน่าซวีมารอพวกเขาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ทําอย่างไรก็ไม่ยอมหุบ
เมื่อครู่เขาเห็นสัญลักษณ์ของเผ่าชิงถงส่องประกายขึ้นที่หุบเขา จึงรู้ว่าตัวแทนของเผ่าตนเองนั้นเป็นผู้ชนะการประลอง เขาถึงได้รีบวิ่งมาที่นี่โดยไว
ไม่คาดคิดจริงๆ ว่ากลุ่มคนเพียงห้าคนจะพลิกผันคว้าชัยชนะมาครอบครองได้
“โชคดีที่ข้าไม่ตายในระหว่างภารกิจ” หลิงฮันเขย่าลูกแก้วในมือ โดยที่ยบังไม่ส่งมอบมันให้นักบวชชรา
นักบวชชราน่าซวีรู้ความหมาย จึงทําการดีดนิ้วส่งแหวนมิติไปให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันรับแหวนมาพร้อมกับใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ และเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ภายในแหวนมิติมีผงกระดูกมังกรสวรรค์อยู่ทั้งหมดห้าสิบชุด ซึ่งผงกระดูกมังกรสวรรค์หนึ่งชุดสามารถยกระดับวาสนาร้อยมังกรชาระล้างกายาได้หนึ่งเท่าตัว เพียงแต่ขีดกําจัดที่สามารถเพิ่มได้นั้นคือสิบเท่าเท่านั้น ต่อให้ใช้ผงกระดูกมังกรสวรรค์มากไปกว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์
หลิงฮันโยนลูกแก้วมังกรให้กับนักบวชชรา เมื่อนักบวชชราน่าซวีรับไปเขาก็หรี่ตาและยิ้ม แต่ในจังหวะที่เขาต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่างนั้นเองจู่ๆ ร่างของเขาก็หายไป หลิงฮันสัมผัสได้ว่าที่นักบวชชราหายไปนั้น เป็นเพราะการตอบสนองระหว่างนักบวชชรากับลูกแก้วมังกร
…น่าจะเป็นเพราะการเชื่อมโยงทางสายเลือด
จี่อู๋หมิง และพวกตู้เส่าจวิ้นทั้งสี่คนก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่เดิมจอมยุทธภายนอกที่มาถึงภูเขามังกรสวรรค์ได้นั้นมีมากถึงสองร้อยกว่าคน แต่ตอนนี้ที่เหลืออยู่กลับมีแค่เก้าคนเท่านั้น
หลิงฮันโยนผงกระดูกมังกรสวรรค์ไปให้กับจี่อู๋หมิง
“ไปกันเถอะ ยังเหลือส่วนสุดท้ายอย่างวาสนาร้อยมังกรชําระล้างกายาอยู่อีก”
พวกเขาเดินขึ้นไปถึงยอดเขาได้ในเวลาไม่นาน และลานขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา ที่กึ่งกลางของลานแห่งนี้มีแผ่นหินขนาดพอให้คนสี่ถึงห้าคนขึ้นไปยืนได้ตั้งอยู่
“ในระยะเวลาหนึ่งวัน ใครก็ตามที่สามารถยืนอยู่บนแผ่นหินได้จะได้รับวาสนาร้อยมังกรชาระล้างกายาเก้าสิบ เก้าส่วน ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนลานจะได้รับวาสนาเพียงหนึ่งส่วน” ตู้เส่าจวิ้นกล่าว
จี่อู๋หมิงเดินเข้าไปยังลานขนาดใหญ่ “พรึบ” ทันใดนั้นเองทั่วทั้งลานก็ส่องแสงสว่างออกมา
เวลาหนึ่งวันเริ่มนับถอยหลังแล้ว!
“หลิงฮัน มาสู้กันใหม่!” ดวงตาของจี่อู๋หมิงลุกโชน ตอนนี้หากจะมีใครสักคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ หลิงฮันก็เกือบเรียกได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งในนั้น แต่อย่างที่รู้ว่าตัวเขายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากร่างวิญญาณเลย เพราะงั้นหลิงฮันจึงแค่ ‘เกือบ’ จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้
เขาจําเป็นต้องมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทัดเทียม เพราะวิถีสู่จุดสูงสุดนั้นไม่สามารถบรรลุได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว
ในชีวิตที่แล้วนั้น เขาเคยมีคู่ต่อสู้มากมายที่ช่วยขัดเกลาพลังให้กันและกันได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเขาที่สังหารคู่ต่อสู้เหล่านั้นและบรรลุกลายเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้ กล่าวได้ว่าหากไม่มีคนส่วนหนึ่งเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่เขา ความสําเร็จของเขาก็อาจจะไม่สูงขึ้นราชานิรันดร์ระดับเต๋าก็เป็นได้
“ตกลง!” หลิงฮันเองก็จิตวิญญาณสู้รบลุกโชนและกระโดดเข้าไปยังลานขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งสองไม่พูดพล่ามอะไรและโจมตีใส่กันในทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
จักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองไม่แม้แต่จะอุ่นเครื่อง พวกเขาเข้าสู่สภาวะสู้รบที่ทรงพลังที่สุด โดยที่ไม่ว่าจะเป็นหมัด ฝ่ามือ ขา ดาบ หรือแม้แต่เส้นผมก็สามารถใช้เป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวได้
ถึงแม้พวกตู้เส่าจวิ้นทั้งสี่จะรับรู้ถึงพลังของหลิงฮันกับคู่หมิงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยมองดูจากระยะใกล้ เมื่อได้มาเห็นจริงพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก
ทั้งแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ พลังของทั้งสองคนเหนือขีดจํากัดที่จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณควรจะมีไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
“นายน้อยตู้คิดว่าหลังจากที่ทั้งสองคนนั้นบรรลุระดับตัดวิญญาณสวรรค์ พลังต่อสู้ของพวกเขาจะทัดเทียมกับระดับตําหนักอมตะได้หรือไม่?” หลงปู้เทียนถามด้วยความรู้สึกสงสัย
ตู้เส่าจวิ้นครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและเผยท่าทางลังเล
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!” ใครบางคนส่ายหัว คนผู้นี้คือผู้รอดชีวิตคนที่สามจากสี่คน ชื่อของเขาคือหม่าเฉิง เขากล่าวอย่างมั่นใจ “ระดับตําหนักอมตะคือการรากฐานอวัยวะในร่างกาย ทําให้พลังต่อสู้นั้นน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้ ต่อให้หลิงฮันกับจี่อู๋หมิงจะบรรลุระดับตัดวิญญาณสวรรค์และร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของตัวตนระดับหนึ่งรากฐาน”
ฟานอี่ ผู้รอดชีวิตคนที่สี่เองก็พยักหน้า “เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ความต่างชั้นระหว่างระดับตําหนักอมตะกับแบ่งแยกวิญญาณนั้นมีมากเกินไป ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับหนึ่งรากฐานทั่วไปก็สามารถกําราบจักรพรรดิทุกคนในระดับแบ่งแยกวิญญาณได้”
“บางที… ทั้งสองคนนั้นอาจจะสร้างปาฏิหาริย์ได้ก็เป็นได้?” ตู้เส่าจวิ้นกล่าว
“ฮ่าๆๆ ถ้างั้นเจ้าอยากจะเดิมพันรึเปล่า?” ฟานอี่หัวเราะ
“เดิมพันอะไร?” ตู้เส่าจวิ้นไม่เกรงกลัว
“คนแพ้ต้องให้สัตย์สาบานว่าจะยอมทําตามผู้ชนะทุกอย่าง” หม่าเฉิงกล่าว
ตู้เส่าจวิ้นไม่พยักหน้าหรือส่ายหัว เขาหันไปมองฟาน “แล้วพี่ชายฟานล่ะ?”
“ข้าขอเดิมพัน!” ฟานอี่พยักหน้าหนักแน่น
ไม่มีใครสนใจความเห็นของหลงปู้เทียนเลยแม้แต่น้อย ราชาในหมู่ราชาไม่สามารถนับเป็นอันใดได้ในสายตาของจักรพรรดิ
“เจ้าสองคนจะต้องแพ้เดิมพันแน่!” ฮูหนิวเอ่ยแทรก “หลิงฮันของหนิวยอดเยี่ยมที่สุด!” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
ฟานอี่และหม่าเฉิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกขอบคุณหลิงฮัน แต่พวกเขาก็มีความคิดที่เป็นของตนเอง ซึ่งในฐานะจักรพรรดิแล้วทั้งสองต่างไม่คิดว่าตนเองจะคิดผิด
ระดับแบ่งแยกวิญญาณที่ต่อกรกับระดับตําหนักอมตะได้งั้นรี?
ช่างน่าขันนัก การเดิมพันนี้พวกเขาจะต้องชนะแน่นอน
ที่บนลานขนาดใหญ่ หลิงฮันกับจี่อู๋หมิงเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด เพียงแต่เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่สังหารกัน แต่เป็นการผลักอีกฝ่ายให้ออกไปจากแผ่นหิน
ตู้เส่าจวิ้น จักรพรรดินีและคนอื่นๆ ก้าวเดินตามเข้ามายังแผ่นหิน แต่ว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะยื่นมือเข้าไปร่วมต่อสู้แย่งชิงตําแหน่งบนแผ่นหิน และทําได้เพียงมองดูอยู่เฉยๆ จากด้านข้าง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหนึ่งวันผ่านพ้นไปหลิงฮันกับจี่อู๋หมิงก็ยังคงเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดอยู่บนแผ่นหิน โดยที่ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว