Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 494
“หยดวารีอมตะมีผลต่อคนที่บ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เท่านั้น แม้เจ้าจะนำมันออกมา ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงอย่างมหาศาล” จิตวิญญาณหอคอยพูดอย่างไม่แยแส
“ลดลงอย่างมหาศาลแต่ก็ยังได้ผลอยู่สินะ?” แววตาของหลิงฮันเปล่งประกาย
“ถูกต้อง สำหรับคนที่ไม่ได้บ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ผลลัพธ์ของมันจะลดลงหนึ่งร้อยเท่า” จิตวิญญาณหอคอยพูด
“ขอแค่มันยังมีประโยชน์ก็พอ!”
หลิงฮันเป็นปรมาจารย์แห่งศาสตร์ปรุงยา เขาเพิ่มหยดวารีอมตะห้าหยดเข้าไปในสูตรเม็ดยาโอสถวารีนกอมตะ… เขาเหลือเอาไว้เพียงหยดเพื่อช่วยชีวิตตนเองยามคับขัน
ภายในเวลาครึ่งชั่วเขาก็หลอมเม็ดยาเสร็จสิ้น มีเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้นที่หลิงฮันสามารถสกัดผลลัพธ์ของหยดวารีอมตะเข้าไปได้
“ความหวังสุดท้าย!” หลิงฮันป้อมเม็ดยาให้จูเสวียนเอ๋อ แต่พลังชีวิตของนางใกล้จะหมดแล้ว นางจะมีแรงกินเม็ดยาได้อย่างไร?
หลิงฮันนำผ้าปิดหน้าของนางออกและนำเม็ดยาป้อนใส่ปากพร้อมกับน้ำดื่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนเม็ดยาจะยังไม่ถูกกลืนลงไป
“หลีซื่อฉาง ช่วยส่งลมหายใจให้นางที” หลิงฮันรีบเรียกหลีซื่อฉางมาที่นี่
เมื่อเห็นจูเสวียนเอ๋อ หลีซื่อฉางก็แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา นางพึมพำ “ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หลิงฮันเพิ่งสังเกตว่าจูเสวียนเอ๋อนั้นงดงามไม่แพ้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เมื่อชีวิตก่อนของเขาแม้แต่น้อย
ที่ต่างกันก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีนิสัยที่ดุร้ายราวกับธิดาสงคราม ส่วนจูเสวียนเอ๋อนั้นเยือกเย็นราวกับแสงสว่างของจันทรา
“อย่ามัวแต่จ้องมอง รีบลงมือ!” หลิงฮันเร่งรีบเพราะการคงสภาพพลังชีวิตของจูเสวียนเอ๋อไว้ต้องใช้พลังแห่งต้นกำเนิดของหอคอยทมิฬ
หลีซื่อฉางรีบวิ่งเข้าประทับริมฝีปากแบ่งลมหายใจให้จูเสวียนเอ๋อเพื่อทำให้นางกลืนโอสถวารีนกอมตะเข้าไป
ทันใดนั้นบาดแผลของจูเสวียนเอ๋อก็ฟื้นฟูด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่นางก็ยังไม่ได้สติ ภายใต้การโจมตีของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน สัมผัสสวรรค์ของนางนั้นเกือบจะถูกทำลาย
หลิงฮันถอนหายใจ สัมผัสสวรรค์ที่ได้รับความเสียหาย… แม้จะเป็นเขาก็ยังปวดหัว ตอนนี้พลังชีวิตของจูเสวียนเอ๋อฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่นางจะฟื้นขึ้นมาตอนไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความปรารถนาในการอยากมีชีวิตต่อของนาง
“ซื่อฉาง ดูแลนางด้วย!” หลิงฮันพูดพร้อมกับระเบิดจิตสังหารออกมาและออกจากหอคอยทมิฬ
แต่พอเขาออกมา หยานเทียนจ้าวก็จากไปแล้ว
“มันหนีไปแล้ว ตอนนี้ฮูหนิวกับศิลาน้อยกำลังไล่ตามอยู่” ชางเย่พูด
มุมปากของเยว่ไค่หยู่กระตุกและพึมพำ “ทำไมถึงมีแค่ข้าคนเดียวที่รู้สึกแปลกที่เห็นคนสองคนหายไปในอากาศที่ว่างเปล่า แถมตอนนี้ยังมีหนึ่งคนปรากฏตัวกลับมาอีก! หรือว่าจะเป็นตัวข้าเองที่แปลกประหลาด?”
“นายน้อยฮัน ธิดาจูเป็นอย่างไรบ้าง?” เยว่ไค่หยู่รีบถาม
“ยังไม่ตาย” หลิงฮันพยักหน้า
ในขณะที่พวกเขาพูดจิตวิญญาณศิลาก็กลับมาพร้อมกับฮูหนิวที่นั่งอยู่บนไหล่มัน
“มันหนีไปได้ หนิวทำได้แค่กัดแขนข้างหนึ่งของมันขาด!” ฮูหนิวโยนแขนที่ขาดข้างหนึ่งลงมา
หลิวอู๋ตงและคนอื่นๆตกตะลึง สามารถกัดแขนข้างหนึ่งของหยานเทียนจ้าวที่เป็นตัวตนระดับบุปผาผลิบานจนขาด พลังต่อสู้ของฮูหนิวช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา หยานเทียนจ้าวครอบครองความทรงจำของพระเจ้า ก่อนหน้านี้ตอนที่เคยสู้กัน แม้ร่างของมันจะถูกตัดขาดมันก็ยังฟื้นฟูสภาพกลับมาเป็นปกติได้ สำหรับมันแล้ว การงอกแขนหนึ่งข้างกลับมาใหม่คงไม่ใช่เรื่องยาก
หลิงฮันตัดสินใจว่าครั้งหน้าที่พบเจอหยานเทียนจ้าว ถ้าเขายังไม่บรรลุระดับบุปผาผลิบาน เขาก็จะใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬเพื่อสังหารหยานเทียนจ้าว!
ยังไงซะหลิงฮันก็เป็นคนหลอมเม็ดยาที่ทำให้หยานเทียนจ้าวฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล ดังนั้นคนที่จะจบชีวิตมันก็ต้องเป้นเขาเช่นกัน
“นายน้อยฮัน! นายน้อยฮัน!” เยว่ไค่หยู่วิ่งเข้ามา “เมื่อกี้นายน้อยหายไปไหนกัน? แล้วตอนนี้ธิดาจูล่ะอยู่ที่ไหน? ทำไมถึงมีแค่ข้าคนเดียวที่รู้สึกว่ามันน่าสงสัย?”
หลิงฮันกระพริบตาและพูด “เมื่อครู่เจ้าแค่ตาลาย!”
‘ตาลายตูดข้าสิ! เห็นได้ชัดว่าธิดาจูไม่อยู่ที่นี่ ทำไมเจ้าถึงไม่อธิบายหข้าฟังเสียที!’
หลิงฮันไม่อธิบายให้ฟังแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเยว่ไค่หยู่ก็ทำได้เพียงขยับปากพึมพำ
“ยังไงก็ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” หลิงฮันพูด
ทั้งห้าคนเดินหน้าต่อ ด้วยการลอบโจมตีของหยานเทียนจ้าวก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง แต่การเดินทางกลับราบรื่นผิดปกติ พวกเขาไม่พบเจอสัตว์อสูรโจมตีแม้แต่ตัวเดียวและเดินออกจากป่าอย่างราบรื่น
ดูเหมือนว่าอีแร้งเพลิงสีครามจะอาละวาดอย่างเกรี้ยวกราดจนสัตว์อสูรที่อยู่ในถ้ำของตนเองไม่กล้าออกมา
พอออกจากป่ามาก็พบกับพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ ในระยะที่ไกลออกไปมีสิ่งก่อสร้างตั้งอยู่
นั่นควรจะเป็นสถานที่ทดสอบครั้งที่สอง
ทั้งห้าคนเดินไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าสิ่งก่อสร้าง เนื่องจากพวกเขามาถึงเร็ว จำนวนคนที่อยู่ที่นี่จึงมีเพียงสิบคนเท่านั้น
รูปแบบอาคมวิญญาณปรากฏตัวและพูดอย่างเฉยชา “อีกหนึ่งวันข้างหน้า การทดสอบจะเริ่มขึ้น” จากนั้นมันก็มองมายังหลิงฮัน “เจ้านี่ช่างชอบสร้างปัญหาจริงๆ!”
หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าไปสร้างปัญหาอะไรกัน?”
“ทั่วทั้งป่ากำลังตกอยู่ในความโกลาหล ไม่ใช่เจ้าหรอกรึที่เป็นคนสร้างปัญหา?” รูปแบบอาคมวิญญาณเค้นเสียง
หลิงฮันยักไหล่และพูด “ไม่มีกฎว่าห้ามทำแบบนั้นสินะ?”
“แต่นั่นก็สร้างปัญหาให้ข้า!” รูปแบบอาคมวิญญาณพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาที่เจ้าก่อขึ้น คนที่จะผ่านป่ามายังสถานที่ทดสอบที่สองได้ก็จะลดลงอย่างน้อยแค่ครึ่งนึง”
คนไม่กี่คนที่มาถึงก่อนรู้สึกประหลาดใจ หลิงฮันไปก่ออะไรไว้กันแน่?
วันต่อมา ผู้คนก็เริ่มมาถึงสถานที่ทดสอบที่สองเพิ่มขึ้น และอย่างที่คาด จอมยุทธที่มาถึงมีเกินกว่าเจ็ดสิบคน หรือก็คือจากจำนวนคนของบททดสอบที่หนึ่ง มีเกินกว่าครึ่งที่มาถึง
หลิงฮันตั้งเต็นท์และใช้โอกาสนี้เข้าไปในหอคอยทมิฬ เพราะว่าตอนนี้จูเสวียนเอ๋อตื่นแล้ว
บาดแผลบนร่างของนางฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่สัมผัสสวรรค์ของนางยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก การจะทำให้กลับมาเป็นปกติไม่ใช่ใช้เพียงแค่วันหรือสองวัน แต่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน แต่ถ้าหากนางก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ ความเข้าใจในวิถีวรยุทธของนางจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
จูเสวียนเอ๋อถาม “นายน้อยฮัน ที่นี่คือที่ไหน?”
ยิ่งกว่านั้นนางยังพบว่าหลีซื่อฉางอยู่ที่นี่ด้วย!