Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 510
คู่แม่ลูกพูดคุยกันอย่างเนิ่นนาน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เย่วฮงฉางจะถามว่าเขาใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร
หลิงฮันพูดออกมาทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี และเมื่อนางพบว่าลูกชายของนางนั้นกลายเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์แล้ว ทำให้เย่วฮงฉางรู้สึกตกใจมากจนพูดไม่ออก ไม่แปลกใจเลยที่อ้าวเฟิงและคนอื่นถึงเรียกหลิงฮันว่าปรมาจารย์หลิง
หลังจากที่พูดคุยกันได้ครึ่งวัน หลิงฮันพูดออกมาว่า “ท่านแม่ ข้าอยากแนะนำใครบางคนให้ท่านได้รู้จัก”
เขาพาเย่วฮงฉางไปหาหลิวอู๋ตงและคนอื่นๆ
“มันเป็นเกียรติสำหรับพวกเราเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบนายหญิง!” ชางเย่ ชูหวู่จิวและกว่างหยวนแสดงความเคารพออกมาด้วยการคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขณะที่หญิงสาวทั้งสามคนเรียกนางว่าท่านป้า ส่วนฮูหนิวนั้นดูสับสนและกดนิ้วของตัวเอง
เย่วฮงฉางไม่อาจปกปิดความสุขของนางได้ หญิงสาวทั้งสามคนล้วนแต่มีเสน่ห์อย่างมากกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจูเสวี่ยนเอ๋อที่งดงามมากแม้แต่นางยังรู้สึกประทับใจ ลูกชายของนางช่างโชคดีเสียจริงที่ได้พบเจอกับภรรยาที่งดงามอย่างพวกนาง
หญิงสาวทั้งสามคนขบคิดกับตัวเองอยู่ในใจ นี่คือแม่สามีของพวกนางในอนาคต แม้ว่าหลิงฮันจะไม่สนใจพวกนาง แต่ตราบใดที่พวกนางครองใจแม่สามีได้นั้นพวกนางยังจำเป็นต้องหวาดกลัวที่จะไม่ได้เป็นภรรยาของหลิงฮันหรือไม่?
“ลูก นี่คือลูกสาวของเจ้างั้นหรือ?” เมื่อเห็นฮูหนิว เย่วฮงฉางรู้สึกงงงวยขึ้นมาทันที ลูกชายของนางเพิ่งจะเติบโต แต่เขากลับมีลูกสาวที่อายุห้าถึงหกปีแล้ว?
ฮูหนิวเอามือเท้าเอวและพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ใช่ ฮูหนิวคือภรรยาของหลิงฮัน!”
เย่วฮงฉางถึงกับพูดไม่ออก เด็กสาวตัวน้อยนี่ยังเด็กมา แต่นางกลับพูดว่านางเป็นภรรยาของลูกชายนาง นี่ลูกชายของนางจะต้องรอคอยนานแค่ไหนกัน? นางจะต้องรอนานแค่ไหนถึงจะได้อุ้มหลานไว้ในอ้อมแขนของนาง?
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวตัวน้อยนี่ก็มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล หลังจากที่นางเติบโตขึ้น บางทีความงามของนางนั้นอาจไม่ได้ด้อยไปกว่าจูเสวี่ยนเอ๋อ
หืม นี่ลูกชายของนางจะกินผู้หญิงและเลี้ยงเด็กไว้คนหนึ่งงั้นหรือ และทำให้ทุกคนเป็นคนของตระกูลหลิงในอนาคต!
ถ้าหลิงตงซิงกล้าทำแบบนั้น เย่วฮงฉางจะต้องกลายเป็นราชสีห์อย่างแน่นอน แต่มันแตกต่างถ้าเป็นลูกชายของนาง ยิ่งมีภรรยามากถือว่าดี และจะดีมากถ้าพวกนางมีก้นใหญ่ที่สามารถให้กำเนิดหลานชายและหลานสาวให้นางได้มากขึ้น
ในขณะนั้น หลิงฮันไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปพูดสอดแทรกแม้แต่น้อย เย่วฮงฉางเริ่มทำตามที่นางคิดขณะที่นางดึงหลิวอู๋ตงและหญิงสาวอีกสองคนเข้ามา และพูดคุยกันราวกับว่าพวกนางเป็นคนครอบครัวตระกูลหลิงไปแล้ว ส่วนฮูหนิวไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศและเริ่มกินอาหารอีกครั้ง โดนไม่เกรงว่าการกินมากจะทำให้แม่สามีในอนาคตกลัว
“ชางเย่ วิถีวรยุทธของเจ้าไม่ใช่การอยู่เคียงข้างข้า” หลิงฮันเรียกชางเย่มาหาเขา “การติดตามข้า เจ้าจะเป็นได้แค่คนที่แข็งแกร่งในอนาคต แต่ไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งของยุค”
หลิงฮันหยุดพูดชั่วครู่แล้วพูดต่อไปว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นปรมาจารย์กระบี่ที่ยิ่งใหญ่บนวิถีแห่งกระบี่ อย่างจักรพรรดิกระบี่!”
ชางเย่หายใจถี่ขึ้นมาทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะประเมินเขาไว้สูงขนาดนี้ เขาไม่ได้เสแสร้งทำและคุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะที่พูดออกมาว่า “นายน้อยฮัน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน!”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะมอบทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับเจ้า แต่อย่างมากที่สุดเจ้าสามารถใช้มันได้ถึงระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้า และจากนี้ไปเจ้าจะต้องเดินด้วยตัวเอง! ยังไงก็ตาม เส้นทางที่เจ้าเลือกเดินนั้นคือเส้นทางวิถีวรยุทธที่แท้จริงที่เจ้าเป็นคนสร้างขึ้นเอง”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ชางเย่พยักหน้า
หลิงฮันครุ่นคิดและพูดว่า “อย่างแรกเจ้าจะต้องไปที่ภูมิภาคกลาง ข้าเองก็กำลังจะไปที่นั่น แต่ไม่ใช่ในฐานะตัวตนหลิงฮัน”
ชางเย่เข้าใจ ทุกคนต่างรู้ว่าหลิงฮันนั้นได้รับมรดกจากสิบสองพระราชวัง และถึงขั้นรู้ตำแหน่งขุมทรัพย์ของพระเจ้า ถ้าหลิงฮันไปที่ภูมิภาคกลาง เขาจะต้องถูกจอมยุทธระดับทลายมิติสังหารอย่างแน่นอน
“ข้าจะยังคงใช้ชื่อฮันหลิง” หลิงฮันพูดต่อ
“ขอรับ” ชางเย่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลิงฮันโยนแหวนมิติหลายวงที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบปรุงยาจากภายในหอคอยทมิฬให้กับชางเย่
ชางเย่ไม่ตรวจสอบแม้แต่น้อย เขาเก็บมันไว้ด้วยความขอบคุณ ถ้าหลิงฮันต้องการอะไรในอนาคต เขาจะเป็นกระบี่ให้กับหลิงฮันและฟาดฟันศัตรูของเขาทุกคน
“ไปได้แล้ว!” หลิงฮันปล่อยชางเย่ออกมาจากหอคอยทมิฬ แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวนี่แน่นอนว่าไม่สามารถทำอะไรจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้
หอคอยทมิฬลอยไปตามคลื่นและหลังจากผ่านไปสิบวัน ในที่สุดหลิงฮันก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ ในตอนนี้ เขาอยู่ห่างไกลจากอาณาเขตของนิกายจันทราเหมันตร์มาก เมื่อหาหลิงฮันไม่พบมาเป็นเวลาหลายวัน จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเหล่านั้นก็สูญเสียร่องรอยของเขาไปอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นมีโอกาสที่จะดักซุ่มโจมตีที่เขาหุบเขาจันทราร่วงหล่น ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะเข้าสู่ดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณหลายคนดักซุ่มจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเพียงคนเดียว…นี่เป็นเรื่องที่น่าขันเป็นอย่างยิ่ง แต่หลิงฮันนั้นมีซากศพของตัวตนระดับพระเจ้าอยู่ที่แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ ดังนั้นพวกมันจึงทำได้แค่ซุ่มโจมตีเท่านั้น และไม่กล้าปล่อยให้หลิงฮันนำซากศพตัวตนระดับพระเจ้าออกมา
หลิงฮันส่ายหัวอยู่ในใจ ซากศพตัวตนระดับพระเจ้าทั้งสองร่างนั่นไม่ได้ถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสมและถูกดูดพลังไปจนหมด ดังนั้นอำนาจกดขี่ที่เหลืออยู่อาจเลือนลางและไม่นานคงจะกลายเป็นกระดูกธรรมดา
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันหาได้สนใจไม่ การสะกดข่มผู้คนอื่นด้วยกระดูกตัวตนระดับพระเจ้านั้นไม่ได้ช่วยให้เขาก้าวหน้าขึ้นในวิถีวรยุทธ และถ้ามันไม่สามารถช่วยแม่ของเขาได้ในตอนนี้ เขาคงไม่ต้องการใช้มัน
มีทรัพยากรมากมายภายในหอคอยทมิฬ อย่างเช่นเนื้อสัตว์อสูรระดับราชา ผลึกก่อเกิดระดับสูง วัตถุดิบปรุงยาต่างๆและหยดวิญญาณ เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน พลังของหลิงฮันจะก้าวเข้าสู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณชั้นเก้าภายในสิบวัน และอยู่ไม่ไกลจากระดับบุปผาผลิบาน
พละกำลังของเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณแล้วเช่นกัน แต่อันตราความก้าวหน้านั้นเริ่มช้าลง นั่นเป็นเพราะมันไล่ตามระดับพลังของหลิงฮันทันแล้ว
ความก้าวหน้าของทุกคนนั้นเห็นได้ชัดเจน แรกเริ่มเย่วฮงฉางนั้นอยู่ระดับห้วงจิตวิญญาณขั้นสาม แต่ตอนนี้นางทะลวงผ่านขั้นสี่แล้วในเวลาประมาณครึ่งเดือน มันแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางได้รับประโยชน์มากเพียงใดภายในหอคอยทมิฬ
“ในเวลาครึ่งเดือน ข้าสามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้” หลิงฮันพูดพึมพัม “ถ้าพวกตาแก่สารเลวนั่นยังกล้าที่จะกลั่นแกล้งข้า ข้าจะใช้พลังของหอคอยทมิฬเพื่อบดขยี้และฆ่าพวกมันทุกคน แล้วทำให้พวกมันเสียใจไปตลอดกาล!”
การก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานนั้นความหมายว่าในที่สุดเขาก็กลายเป็นจอมยุทธที่แท้จริงและละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปและมีอายุขัยสองร้อยปี แล้วสามารถโปยบินบนอากาศได้
หลังจากผ่านไปอีกวัน หุบเขาจันทราร่วงหล่นก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา มันราวกับว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกตัดผ่านโดยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
หลิงฮันย่างก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องไปที่ตำหนักดาราเจิดจรัสเพราะเขาเคยสัญญากับหลงหย่งฉางและคนอื่นว่าจะให้สังเกตเขาปรุงเม็ดยาโอสถคืนวิญญาณ ในตอนท้าย เขาให้ลิ่วจี้ถงส่งเม็ดยาให้กับแคว้นพิรุณ
อย่างไรก็ตาม มันมีเม็ดยาระดับปฐพีหลายชนิดที่เขาสามารถปรุงขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปปรุงเม็ดยาอีกชนิดหนึ่ง
พรึบ การโจมตีที่รวดเร็วเท่าสายฟ้าพุ่งเข้ามา!
สัญชาตญาณของหลิงฮันนั้นรวดเร็วกว่าสติของเขาและเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที การโจมตีของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเปิดใช้งานเกราะอัสนี และถ้าแม้จะเปิดใช้งานได้ มันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่หนักหน่วงของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ ช่องว่างมันใหญ่เกินไป
ปัง ที่ที่เขายืนอยู่เมื่อครู่กลายเป็นหลุมลึกและมีเมฆฝุ่นรูปเห็ดลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าทันที พลังทำลายล้างของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
มันเป็นการโจมตีที่เล็งเอาชีวิตของเขา!