Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 517
สหายเก่า
ในวันที่สี่ ฮูหนิวรอคอยหลิงฮันอยู่แล้ว หลังจากที่หลิงฮันกลอกตา เด็กสาวตัวน้อยได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังและลากหลิงฮันให้ไปทำอาหารให้กิน นางไม่มีความสม่ำเสมอในการทำสิ่งต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้ นางเพิ่งจะพูดออกมาว่าจะฝึกฝนบ่มเพาะพลัง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นางก็เริ่มเอื่อยเฉื่อยแล้ว
สิ่งที่คนอื่นไม่อาจยอมรับได้คือระดับบ่มเพาะพลังของนางนั้นยังคงยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว นางทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานแล้ว และพลังต่อสู้ของนางนั้นยังคาดการณ์ไม่ได้
วันนี้เขาพักผ่อนอย่างสงบและลืมความกดดันทั้งหมดไปเพียงแค่ใช้เวลามีความสุขไปกับความรักของพ่อแม่และความรู้สึกอ่อนโยนของเหล่าหญิงสาวที่งดงาม อย่างไรก็ตาม หลิงฮันก็ยังคงมีความก้าวหน้าบนวิถีวรยุทธที่น่าทึ่ง
ปราณดาบของเขาไปถึงสิบเก้าเล่มแล้ว แต่ปราณดาบเล่มที่ยี่สิบนั้นเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่เขาต้องเผชิญ ซึ่งบางทีเขาอาจจะติดอยู่ในระดับนี้อยู่พักหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ในที่สุดเขาก็ทำความเข้าใจอักขระกระดูกทั้งสองได้แล้วที่ได้มาจากอสูรพังพอนเฒ่าและสัตว์อสูรระดับราชาอีกตัวหนึ่งที่ไม่มีชื่อ
อักขระกระดูกของอสูรพังพอนเฒ่านั้นเป็นทักษะสนับสนุน แม้ว่าหลิงฮันจะไม่รู้ว่ามันสามารถเรียกได้ว่าเป็นทักษะหรือไม่ก็ตาม มันเป็นเพียงแค่รูปแบบอาคมวิญญาณ แต่มันสามารถใช้กับดาบได้ ซึ่งทำให้พลังทำลายล้างของปราณดาบเพิ่มขึ้น มันไม่ได้เป็นความสามารถที่น่ารังเกียจ แต่เป็นความสามารถที่ใช้สนับสนุนเท่านั้น
อักขระกระดูกนี่มันใช้งานได้ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่หลิงฮันยังรู้สึกว่าประสิทธิภาพของมันเหนือกว่าอักขระกระดูกแบบอื่น
อักขระกระดูกอีกแบบหนึ่งมันสามารถปล่อยใบมีดน้ำแข็งออกมาได้ แต่หลิงฮันได้รับพลังลึกลับศรฆ่ามังกรทะลวงดารามาแล้ว ซึ่งค่อนข้างทรงพลังทีเดียวเมื่อใช้โจมตีระยะไกล แต่เมื่อขบคิดถึงมัน ศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นจำเป็นต้องใช้เวลาสะสมพลังก่อนที่จะปลดปล่อยการโจมตีออกมาได้และเป็นการโจมตีระยะไกล ในขณะที่อักขระกระดูกนี่สามารถปล่อยใบมีดน้ำแข็งออกมาเพื่อโจมตีระยะกลางถึงใกล้
อย่างไรก็ตาม ยิ่งมีเทคนิคเพิ่มขึ้นมันไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด ทักษะและเทคนิคแต่ละอย่างอาจมีสถานที่ที่มันสามารถใช้งานได้แต่ต่างกัน
ต่อไปเขากำลังจะเดินทางไปที่ภูมิภาคกลางและแน่นอนว่าเขาไม่อาจใช้ทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มที่นั่นได้ มิฉะนั้น มันจะดึงดูดปีศาจเฒ่าของนิกายดาบสวรรค์ออกมา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องตลก ดังนั้น เขาจึงพลิกค้นหาทักษะอื่นและค้นพบทักษะดาบหนึ่งเข้า
ทักษะดาบอเวจีไร้ลักษณ์
หลิงฮันได้รับมันมาจากโบราณสถาน มันบอกว่าเป็นมรดกพลังแปลกประหลาดที่เรียกว่านักบุญโบราณ ชุดทักษะดาบนี่ล้างบาปมนุษย์ สัตว์อสูรและผู้คน มันมีทั้งหมดแปดกระบวนท่า เจ็ดกระบวนท่าแรกเป็นความเมตตาที่ใช้สำหรับการป้องกันเท่านั้น และมีเพียงแค่กระบวนท่าสุดท้ายเท่านั้นที่โหดเหี้ยมที่สุดราวกับกลายเป็นปีศาจ
แน่นอนว่ามันต้องเป็นทักษะระดับสวรรค์ มีเพียงแค่ทักษะดาบสวรรค์เท่านั้นที่หลิงฮันที่หลิงฮันทำความเข้าใจได้ ดังนั้นแม้ว่าทักษะดาบนี่จะค่อนข้างแปลกประหลาด หลิงฮันก็ยังคงตัดสินใจที่จะฝึกฝนมัน
ทักษะดาบระดับสวรรรค์เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจถึงเจตจำนงของมันระหว่างฝึกฝนมันเพื่อเชื่อมต่อเจตจำนงของมันกับเจตจำนงของผู้ใช้เพื่อปลดปล่อยพลังของทักษะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของมัน
ดังนั้นเพื่อที่จะทำความเข้าใจทักษะดาบอเวจีไร้ลักษณ์ หลิงฮันจำเป็นต้องมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์เมื่อฝึกฝนเจ็ดกระบวนท่าแรก และกระบวนท่าสุดท้าย เขาจะกลายเป็นราชาปีศาจอาชูร่าที่จะลดล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
เขาฝึกฝนทักษะดาบและครุ่นคิดถึงสภาพจิตใจของบรรพบุรุษในตอนที่สร้างทักษะดาบนี้ขึ้นมา นี่จะทำให้เขาเข้าใจวิถีแห่งดาบได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
“อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนทักษะของคนอื่นไม่ว่ามันจะเป็นทักษะที่ทรงพลังแค่ไหนแต่มันก็เป็นทักษะของคนอื่นอยู่ดี แต่ละคนล้วนมีวิถีเป็นของตัวเอง และถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิถีแห่งราชันเหมือนกัน แต่เส้นทางที่ไร้หัวใจมันก็ไม่มีทางเหมือนกันไปจนหมด
“ดังนั้นเพื่อที่จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องสร้างทักษะของตัวเองขึ้นมา!”
“เหมือนกับจักรพรรดิพิรุณที่สร้างทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้พลังของมันจะไม่ใช่ทักษะหมัดที่ทรงพลังที่สุด แต่มันก็เป็นทักษะหมัดที่เหมาะสมกับจักรพรรดิพิรุณมากที่สุด เมื่อระดับพลังของเขายกระดับขึ้น พลังของทักษะหมัดก็จะยกระดับขึ้นเช่นเดียวกัน
“ในชีวิตนี้ ตั้งแต่ที่ข้ามุ่งเน้นไปที่วิถีแห่งดาบ ข้าจะสร้างทักษะดาบที่เป็นวิถีดาบของตัวเองขึ้นมา และมันจะทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อระดับพลังของข้าเพิ่มขึ้น”
“ข้าเคยคิดทำแบบนั้นมาก่อน แต่ไม่เคยแม้แต่จะลอง เนื่องจากตอนนี้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานแล้วนั้น ข้าควรนำมันมาใส่ไว้ในชีวิตประจำวันของข้า”
หลิงฮันฝึกฝนทักษะดาบอเวจีไร้ลักษณ์และตัดสินใจวิถีแห่งดาบของเขา เขารวบรวมความเข้าใจของตัวเองเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันที่เขารู้แจ้งแล้วนำแรงบันดาลใจมาให้กับเขา
มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น หลังจากที่หลิวอู๋ตงและคนอื่นได้รับประสบการณ์มากพอ พวกเขาก็จะก้าวกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นเรื่องพูดเกินจริงเหมือนในกรณีของเขา แต่มันก็ยังคงเร็วกว่าคนส่วนใหญ่
หลิงฮันให้ความสนใจหลิงตงซิงมากที่สุด หลังจากผ่านไปเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น หลิงตงซิงก็ก้าวเข้าสู่ระดับห้วงจิตวิญญาณ ความเร็วนี่ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวทีเดียว
การบ่มเพาะพลังสุ่มสีสุ่มหน้าเพื่อให้ระดับสูงขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องดี มันเป็นเหมือนกับการดึงลำต้นเพื่อช่วยให้พวกมันเติบโตขึ้น ซึ่งมันจะทำให้รากฐานของจอมยุทธได้รับความเสียหายและอาจส่งผลต่อศักยภาพของพวกเขาในอนาคต อย่างไรก็ตาม หลิงฮันนั้นไม่มีทางเลือกอื่น ตั้งแต่ที่พ่อของเขานั้นไม่ได้เยาว์วัยอีกต่อไปและยังไม่บรรลุถึงระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้าเพื่อทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน หากเป็นแบบนั้นอายุขันของหลิงตงซิงจะมีเพียงแค่ร้อยปีเท่านั้น
ในที่สุดชีวิตนี้เขาก็มีพ่อแม่และมีความมั่นใจว่าจะกลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้า หลิงฮันจึงไม่อยากเห็นพ่อแม่ของเขามีร่วมกันได้แค่ไม่กี่สิบปี ดังนั้นอย่างน้อยเขาต้องทำให้พ่อแม่ของเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน และหลังจากที่เขากลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้า เขาจะมีเวลาค้นหาสูตรปรุงยาเพื่อปรุงมันให้กลายเป็นโอสถสวรรค์และทำให้พ่อแม่ของเขากลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้าเพียงขั้นตอนเดียว
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสามคนเริ่มลงรอยกันมากขึ้นในแต่ละวัน และถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่มีเวลาใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่นัก แต่ความรู้สึกของพวกนางก็ลึกซึ้งขึ้นทุกวัน
หลังจากที่หลิงฮันบ่มเพาะพลังเสร็จและพักผ่อนบนเตียงของเขา เขาก็ปล่อยเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาออกมา
แม้ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานและเป็นตัวตนที่เหนือกว่ามนุษย์แล้ว การนอนยังคงเป็นวิธีการที่เร็วที่สุดในการลดความเหนื่อยล้าของร่างกาย และถึงแม้ว่าเขาจะไม่หลับนอนเป็นเวลาครึ่งเดือน เขาก็ยังคงมีพลังกายเต็มเปี่ยม แต่หลิงฮันเลือกที่จะนอนทุกวัน
อย่างไรก็ตาม คืนนี้ค่อนข้างเงียบงัน
หลิงฮันลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน และพบว่าหน้าต่างถูกเปิดออกเล็กน้อยขณะที่มีคนสองคนถือดาบลอบเข้ามา และแสงจันทร์ที่กระทบทำให้คมดาบดูหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น
ขโมย?
หลิงฮันเย้ยหยันอยู่ในใจ พวกมันมาปล้นเขานี่มันรนหาที่ตายใช่หรือไม่?
แต่ก่อนที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ ด้วยสายตาของหลิงฮัน เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ในยามค่ำคืน ดังนั้นเขาจึงเห็นโฉมหน้าของโจรทั้งสองคน…เขาจำโจรทั้งสองคนนี้ได้
เขาเปล่งเสียงทางจมูกอยู่ในใจและลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ชิ่ว ชิ่ว ดาบสองเล่มจ่ออยู่ที่ลำคอของเขาและเสียงของผู้หญิงดังขึ้น “อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
“พี่สาว อย่าพูดจาข่มขู่เขาเลย ถ้าเกิดเขาเป็นคนขี้ตกใจและกรีดร้องออกมาในตอนดึกมันจะเกิดอะไรขึ้น?” เสียงของผู้หญิงอีกคนดังขั้น
ฉากที่เกิดขึ้นมันดูคุ้นเคยมาก
“เจ้าหุบปากไปเลย!” พี่สาวดุด่า
น้องสาวเค้นเสียงออกมา และยังคงรู้สึกไม่มั่นใจ นางค่อนข้างเป็นคนสมเหตุสมผลทีเดียว
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าค่อนข้างเป็นคนที่มีความกล้า ข้าไม่ส่งเสียงกรีดร้องหรอก”
ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจ แน่นอนว่าพวกนางเคยเห็นคนที่มีความกล้ามาก่อน แต่ถึงระดับนี้หรือไม่? มันหายากมากคนแบบนั้น และเขาใจเย็นเกินไป หรือว่าเขาไม่รู้ว่ามีดาบสองเล่มกำลังจ่อที่ลำคอของเขาอยู่?
ปัง!
ในขณะนั้น เสียงดังโครมดังมาจากด้านนอก และเสียงที่ทรงพลังดังขึ้น “สองคนที่อยู่ด้านในออกไปให้พ้น!”่