Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 559
ทหารซากศพ
ชายหนุ่มทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด และเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาผลของการต่อสู้
ทุกคนในเมืองรู้สึกตื่นเต้น
แม้ว่าเจี่ยชางจะเป็นหนึ่งในห้ามังกร แต่ในหมู่รุ่นเยาว์ภูมิภาคกลางเขาไม่ติดอันดับหนึ่งในร้อยเลยด้วยซ้ำ
มีเพียงแค่ซวนหยวนจื่อกวาง ย่าวหุยเยว่และคนอื่นๆเท่านั้นที่แสดงให้เห็นถึงขีดจำกัดของรุ่นเยาว์รุ่นนี้
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “เจี่ยชางจะเป็นฝ่ายแพ้”
เสียงที่เขาพูดออกมาไม่ได้เบา ทำให้มีหลายคนที่อยู่ด้านข้างเขาได้ยินที่เขาพูด
“เดี๋ยวก่อน เจ้าเป็นใครกันถึงพูดว่าเจี่ยชางจะเป็นฝ่ายแพ้?”
“หรือว่าเจ้าจะเป็นสายให้กับนิกายพันศพ?”
“น่าสงสัย!”
หลายคนจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยสายตาชั่วร้าย
จูเสวี่ยนเอ๋อเป็นคนฉลาด นางรู้ความหมายที่หลิงฮันต้องการสื่อทันทีและพูดว่า “คนพวกนั้นเป็นศิษย์ของนิกายพันศพ และพลังที่แท้จริงของพวกมันคือ…ทหารซากศพ!”
เมื่อได้ยินจูเสวี่ยนเอ๋ออธิบาย ทุกคนหายสงสัยหลิงฮันทันที
ใช่แล้ว ทำไมนิกายพันศพถึงมีแต่ผู้คนรังเกียจ? และทำไมมันถึงถูกทำลายเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน? นั่นเป็นเพราะพวกมันหลอมทหารซากศพขึ้นมา!
ทหารซากศพคืออะไร? มันคือร่างของจอมยุทธที่ถูกฆ่าตาย รวมถึงร่างของจอมยุทธที่ถูกขโมยมาจากสุสาน และพวกมันได้หลอมเป็นทหารซากศพ
นิกายซากศพหากไร้ซึ่งทหารซากศพก็จะเป็นนิกายธรรมดา แต่ด้วยทหารซากศพของพวกมันทำให้มันกลายเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกับนิกายดาบสวรรค์และนิกายนกอมตะเมฆา หรืออาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มที่เจี่ยชางกำลังต่อสู้อยู่ด้วยนั้นใช้แค่พลังของตัวเองเท่านั้น แล้วถ้ามันใช้ทหารซากศพล่ะ…ผลลัพธ์จะลงเอ่ยเช่นไร?
หลิงฮันพูดว่าเจี่ยชางจะเป็นฝ่ายแพ้ มันไม่ใช่คำพูดไร้เหตุผลหรือเขาอยู่ข้างนิกายกายพันศพแต่อย่างใด แต่เขาแค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น
“ศิษย์น้องสิบเจ็ด ทำไมเจ้ายังจัดการมันไม่ได้อีก!”
“นี่มันช้าเกินไปแล้ว!”
“เจ้าจะให้พวกข้ารออีกกี่วันอีกกี่เดือนหรืออีกี่ปีกันถึงจะจัดการมันได้?” ชายหนุ่มเก้าคนของนิกายพันศพต่างตะโกนออกมา
ชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับเจี่ยชางยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “หากศิษย์พี่ทั้งหลายรีบร้อนขนาดนั้น ศิษย์น้องคนนี้จะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด!” จากนั้นมันได้ส่งเสียงตะโกนแล้วเกิดเสียงอึกทึกจากระยะไกล และมีโลงศพสี่โลงพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ผู้คนของนิกายพันศพล้วนแต่เป็นผู้ใช้ซากศพ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนยิ่งควบคุมซากศพได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างเช่น มันเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นหก สามารถควบคุมทหารซากศพได้หกร่าง แต่การที่จะทำแบบนั้นได้จะต้องมีความสามารถที่สูงด้วย ดังนั้นสี่ตัวคือขีดจำกัดของมัน ส่วนศิษย์ระดับบุปผาผลิบานทั่วไปสามารถควบคุมทหารซากศพได้หนึ่งหรือสองร่าง
“ออกมา!” ชายหนุ่มตะโกนและทหารซากศพทั้งสี่ร่างกระโจนออกมาจากโลงศพทันที หัวของพวกมันแต่ละร่างเน่าเปื่อยหลงเหลือเพียงแค่โครงกระดูกเท่านั้น แต่มันกลับแข็งราวกับเหล็ก
ทหารซากศพระดับเงินขั้นสามเทียบได้กับระดับบุปผาผลิบาน
ชายหนุ่มจ้องมองไปที่เจี่ยชางและพูดว่า “เจ้าอ่อนแอเกินไปที่จะมีคุณสมบัติเป็นผู้ติดตามของข้าซือทู่ย่าวผู้นี้”
“เหลวไหล!” เจี่ยชางกลายเป็นโกรธเกรี้ยว แม้เขาจะไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้ติดตามของฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจทนฟังคำดูหมิ่นของอีกฝ่ายได้ เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและมีกระจกปรากฏอยู่ในมือ
“กระจกทองคำ!” เขาตะโกนและชูกระจกขึ้นมาแล้วทันใดนั้นแสงสีทองพุ่งเข้าหาซือทู่ย่าว
ใบหน้าของซือทู่ย่าวกลายเป็นเย็นชา มันไม่จำเป็นต้องหลบ ทันใดนั้นทหารซากศพได้ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของมันและป้องกันแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาหาและปรากฏรูโบ๋บนร่างทหารซากศพ
ยอดเยี่ยม แม้ว่าร่างของทหารซากศพจะไม่สามารถเทียบกับเหล็กล้ำค่าได้ แต่มันค่อนข้างแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่มันกลับถูกเจาะทะลวงได้ในการโจมตีครั้งเดียว นี่แสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธวิญญาณชิ้นนี้
ซือทู่ย่าวไม่สนใจแม้แต่น้อย และมุ่งเป้าไปที่เจี่ยชางและพูดว่า “ฆ่ามัน!” ทันใดนั้นทหารซากศพสี่ร่างกระโจนเข้าหาเจี่ยชางทันทีราวกับเสือ
ในอดีต นิกายพันศพเป็นที่เกลียดชังของทุกขุมพลัง ไม่เพียงแค่พฤติกรรมที่ชั่วร้ายของพวกมัน แต่ยังเป็นเพราะพลังของพวกมันด้วย! ในตอนแรกซือทู่ย่าวและเจี่ยชางต่อสู้กันได้อย่างสูสี แต่เมื่อทหารซากศพปรากฏตัวออกมา พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทหารซากศพทั้งสี่ร่างคือตัวตนของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า และเมื่อพวกมันถูกหลอมเป็นทหารซากศพ ทำให้พวกมันไม่เกรงกลัวต่อความตายหรือความเจ็บปวด และกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร
แม้ว่าเจี่ยชางจะกดดันอีกฝ่ายด้วยแสงสีทอง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารซากศพสี่ร่างที่เป็นถึงระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า เขาจะรับมือได้อย่างไร?
“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไป!” ศิษย์ทั้งสิบคนของนิกายพันศพส่ายหัวและจ้องมองอย่างเหยียดหยาม
บนกำแพงเมือง ทุกคนกลายเป็นนิ่งเงียบ
เจี่ยชางอ่อนแอมาก แม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นสองที่มีพลังต่อสู้เจ็ดดาวและหลังจากที่ใช้กระจกทองคำทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบดาว แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่ามาก ทหารซากศพทั้งสี่ร่างมีความแข็งแกร่งของระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า และพวกมันยังไม่เกรงกลัวต่อความตาย แล้วเขาจะจัดการมันได้อย่างไร?
ในไม่ช้าเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย และไม่ถึงสิบกระบวนท่าเขาก็จะถูกฆ่า
“พอได้แล้ว!” ยิ่นเฉวยางตะโกน
ไป๋หยวนยิ้มและพูดว่า “รุ่นเยาว์กำลังแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เจ้าจะเข้ามาแทรกได้อย่างไร!”
“ข้าบอกให้หยุด!” ยิ่นเฉวยางคำราม และเสียงของเขากลายเป็นคลื่นพลังที่กระจายไปเป็นวงกว้าง
นี่คือความโกรธของจอมยุทธระดับสวรรค์ แม้แต่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยังรู้สึกตกใจ
“เจ้าหมูอ้วน เจ้าชักจะสามห้าวเกินไปแล้ว!” ไป๋หยวนปล่อยหมอกแห่งความตายออกมาเพื่อป้องกันคลื่นเสียงของยิ่นเฉวยาง
“อะไรกัน!” เจี่ยชางกรีดร้อง ทหารซากศพทั้งสี่ร่างกำลังจับหัว แขน และขาของเขาแล้วแยกส่วน ร่างกายของเขาไม่ได้ทำมาจากเหล็ก เมื่อเขาถูกจับแยกส่วน ทำให้เขาตายทันที
“ศิษย์น้องสิบเจ็ด เจ้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเราควรทำให้ร่างกายของมันสมบูรณ์ที่สุดเพื่อปรับแต่งเป็นทหารซากศพมิใช่หรือ?” ใครบางคนพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ
ซือทู่ย่าวยิ้มและพูดว่า “มันก็แค่ระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ศพที่ควบคุมได้นั้นก็มีจำกัด และที่นี่ยังมีศพให้จัดการอีกตั้งเยอะ”
“มีใครอยากสู้อีกหรือไม่?”มันมองไปที่ฝูงชนบนกำแพงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ช่างอวดดียิ่งนัก!
ความแข็งแกร่งของเจี่ยชางถือว่าแข็งแกร่งแล้ว แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก
อย่างน้อยคนที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเจี่ยชางนั้นไม่ใช่คู่มือของมัน มิฉะนั้นมันจะเป็นการฆ่าตัวตาย