Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 574
กังวล
“ฮ่าๆๆ น้องชาย เจ้าไม่มั่นใจในตัวพี่ใหญ่คนนี้รึไง?” เฟิงผั่วหยุนหัวเราะ
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าจะไม่มั่นใจในตัวท่านได้อย่างไร? แต่ข้าเห็นแมงมุมยักษ์สีเงินนั่นด้วยตาตนเอง มันต้องเป็นอสูรระดับทลายมิติเป็นแน่ แถมยังขั้นสูงมากอีกด้วย”
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและยิ้ม “น้องชายจงสบายใจได้ พี่ใหญ่คนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นเจ็ด!”
ระดับทลายมิติคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของมนุษย์ และระดับทลายมิติขั้นเจ็ดนั้นต้องเป็นระดับสูงในจุดสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเรียกได้ว่าเกือบจะไร้พ่าย
แววตาของหลิงฮันส่องประกายและพูด “ข้าไม่นึกเลยว่าพี่ใหญ่ของข้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้!”
ถึงแม้ลักษณะรูปร่างจะไม่ได้แสดงถึงอายุที่แท้จริง แต่พี่ชายของเขานั้นยังอยู่ในวัยที่เลือดร้อน เห็นได้ชัดว่ายังมีอายุไม่มากนัก ถ้าหากเขาบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าได้ล่ะก็ เขาอาจจะบดขยี้ช่องว่างมิติและกลายเป็นพระเจ้าได้เลยก็ได้
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและพูด “น้องชาย พลังต่อสู้ของเจ้าช่างฝืนสวรรค์นัก พรสวรรค์ของเจ้าก็ราวกับสัตว์ประหลาด เพียงแค่อายุยี่สิบปีกลับบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว แม้แต่พี่ชายคนนี้ก็เทียบเจ้าไม่ได้ ในอนาคตเจ้าจะต้องกลายเป็นระดับทลายมิติได้แน่นอน”
“แต่ว่า…” เฟิงผั่วหยุนหยุดพูดไปชั่วขณะ “ข้ารู้สึกมาตลอดว่าถ้าหากข้าทำการบดขยี้มิติ ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้น!”
หลิงฮันมึนงง “ไม่ใช่ว่าต้องบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าก่อนรึ ถึงจะสามารถบดขยี้มิติได้?”
เฟิงผั่วหยุนส่ายหัว “เมื่อใดที่เข้าบรรลุระดับทลายมิติแล้ว เจ้าก็จะได้รับความสามารถในการบดขยี้ช่องว่างมิติ แต่ยิ่งขั้นพลังสูงขึ้น ความยากก็จะลดลง เฟิงผั่วหยุนพูดน้ำเสียงหวนคิดถึงและหวาดกลัว”
“ในเมื่อการบรรลุระดับทลายมิติสามารถก้าวขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ พี่ใหญ่ที่เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเจ็ดก็น่าจะมีความสามารถพอที่จะบดขยี้มิติสิ?” หลิงฮันถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เฟิงผั่วหยุนส่ายหัว “ข้าเคยไปถามคนอื่นมาบ้างแล้วว่าทำไมถึงไม่สามารถบดขยี้มิติเพื่อขึ้นไปโลกเบื้องบนได้”
คนอื่นๆที่เฟิงผั่วหยุนต้องหมายถึงตัวตนระดับทลายมิติคนอื่นเป็นแน่
“เพียงแต่แม้จะดูเหมือนว่ามีบางคนที่รู้เหตุผล แต่พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะพูดออกมา” เฟิงผั่วหยุนพูดอีกครั้ง
“ใครกันที่รู้เหตุผล?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย
“ราชันดาบแห่งนิกายดาบสวรรค์ จักรพรรดินีนกอมตะสวรรค์ครามแห่งนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์ จอมกระบี่ผ่าสวรรค์แห่งนิกายกระบี่ไร้พ่าย จักรพรรดิอัสนีบาตแห่งนิกายอัสนีบาตสีคราม ราชันอสรพิษมารแห่งนิกายมังกรปฐพี” เฟิงผั่วหยุนกล่าว “จักรพรรดิอัสนีบาตและจักรพรรดินีนกอมตะสวรรค์ครามสมควรเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสูงสุด พวกเขาเป็นคนที่น่าจะเร่งรีบบดขยี้มิติเพื่อขึ้นไปโลกเบื้องบนให้เร็วที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ทำเช่นนั้น น่าแปลกเป็นอย่างมาก!”
นั่นก็จริง ถ้าเกิดขัดเกลาระดับพลังจนกลายเป็นระดับทลายมิติขั้นสมบูรณ์แล้ว การจะอยู่ในทวีปฮงเทียนต่อไปก็คงเป็นเพียงการรอความตาย แต่ถ้าหากขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ โชคชะตาของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป ด้วยพลังวิญญาณของสวรรค์และปฐพีที่ไร้ขีดจำกัด พลังบ่มเพาะและอายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มไปอีกขั้น
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “แปลกจริงๆด้วย”
“น้องชาย เผ่าใต้สมุทรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเขามีตัวตนระดับทลายมิติมากกว่าเผ่ามนุษย์หลายเท่า เจ้าต้องระวังตัวเองให้ดี!” เฟิงผั่วหยุนแตะไหล่หลิงฮันอย่างหนักแน่น
หลิงฮันอดคิดในใจไม่ได้ว่าเป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างหากที่ตามติดเขาไม่ปล่อย นางเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูง การมีนางติดสอยห้อยตามก็เหมือนกับการพกระเบิดเวลาเอาไว้กับตัว
“ข้าจะไปยังดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวเป็นอันดับแรก” เฟิงผั่วหยุนลุกขึ้นและเดินจากไป ภายในพริบตาร่างของเขาก็อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ความเร็วของตัวตนระดับทลายมิติช่างน่ากลัวยิ่งนัก
หลิงฮันจ้องไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แววตาของเขาเปลี่ยนไปและพูด “สวินเสวี่ยนน้อย มาเล่นเกมสาบานกัน”
“เล่นยังไงรึ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถามอย่างไร้เดียงสา
“เจ้ายกมือขึ้นชี้ฟ้าและพูดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็จะไม่ทำร้ายฮันฮันแม้แต่ผมเส้นเดียว” หลิงฮันทำการหลอกล่อนาง
……
ถึงแม้เฟิงผั่วหยุนจะจากไปแล้ว แต่เหล่าคนที่ล้วงเกินหลิงฮันเอาไว้ก็ไม่กล้าที่จะกลับคำ พวกเขาส่งผลึกก่อเกิดมาให้หลิงฮันในช่วงค่ำคืน หลิงฮันนับดูและพบว่าจำนวนของผลึกก่อเกิดมีถึงสามแสนผลึก แถมยังเป็นผลึกก่อเกิดระดับสามอีกด้วย
นี่คือความน่าเกรงขามของตัวตนระดับทลายมิติ!
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ นิกายพันศพคงจะยังไม่ลงมือใดๆ แต่พวกมันถึงกับยอมลงมืออย่าเปิดเผยและติดตั้งรูปแบบอาคมสังหารที่สี่เอาไว้รอบเมือง สิ่งที่พวกมันเล็งเอาไว้จะมีค่าขนาดไหนกัน? พวกมันจะต้องไม่ยอมแพ้และกลับมาอีกแน่นอน
ทุกคนคาดเดาไปว่าสิ่งที่นิกายพันศพเล็งเอาไว้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่ๆ ดังนั้นทั่วทั้งเมืองจึงกลายเป็นคึกครื้น ทุกคนล้วนแต่กำลังลงมือตามหาสมบัติ
แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้ว่านิกายพันศพกำลังตามหาสมบัติอะไร แม้ว่าจะพบเจอแต่พวกเขาก็อาจจะมองข้ามมันไปก็ได้
หลิงฮันเองก็สงสัยเป็นอย่างมาก แต่เขาคิดว่าสมบัติสำหรับนิกายพันศพนั้นคงไม่มีประโยชน์ใดๆต่อผู้ฝึกตนทั่วไปเป็นแน่
อะไรคือสิ่งที่นิกายพันศพต้องการมากที่สุด?
อย่างแรกคือซากศพของปรมาจารย์จอมยุทธ ยิ่งแข็งแกร่งพวกมันก็ยิ่งต้องการ อย่างที่สองคือปราณซากศพซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเสริมแกร่งให้กับทหารซากศพของพวกมัน
ดังนั้นภายใต้เมืองหมื่นสมบัติแห่งนี้จะต้องมีซากศพของจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายถูกฝังเอาไว้แน่ หรือไม่ก็ต้องมีแห่งพลังงานของปราณซากศพถูกซ่อนเอาไว้ใต้ดิน ซึ่งจะช่วยให้กำลังของนิกายพันศพเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ไม่ว่าจะอันไหน หลิงฮันก็ไม่สนใจ
ในตอนนี้ ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งแปดของตำหนักสมบัติวิญญาณและปรมาจารย์นักปรุงยาของสมาคมนักปรุงยาก็กลับมา แถมดูเหมือนพวกเขาจะกลับมามือเปล่าเสียด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะแม้แต่ตัวของหลิงฮันเองก็ยังไม่รู้ว่าตระกูลของเขาเป็นใครเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขากลับมา การแข่งขันที่ตำหนักสมบัติวิญญาณจะจัดขึ้นก็ถูกกำหนดขึ้นทันที แม้จะมีวิกฤตของนิพันศพเกิดขึ้นการแข่งขันก็ไม่ถูกยกเลิก นั่นเพราะตอนนี้ตัวตนระดับทลายมิติได้กลับมาแล้ว เมืองหมื่นสมบัติจึงมั่นคงเป็นอย่างมาก นอกเสียจากนิกายพันศพจะนำตัวของรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ที่แท้จริงมา
ดังนั้นในตอนนี้สถานการณ์ของเมืองหมื่นสมบัติจึงกลับกลายเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านิกายพันศพจะกลับมาลงมืออีกครั้งเมื่อใด
หลิงฮันเก็บตัวบ่มเพาะพลัง เฟิงผั่วหยุนได้ทิ้งสุราวาระที่เหลือเอาไว้ให้เขา ถึงแม้การดื่มมันอีกครั้งจะทำให้ประสิทธิภาพที่ได้รับลดลงกว่าครั้งแรก แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ดี และที่สำคัญคือวิถีแห่งดาบของเขาได้ทะลวงผ่านคอขวดแล้ว
ปราณดาบเล่มที่ยี่สิบควบแน่นสำเร็จเรียบร้อย!