Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 594
อสนีบาตเก้าทิวา
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและยืนยิ่งอยู่ด้านหน้าแท่นสี่เหลี่ยม เหล่าคนเหมืองนั้นรู้สึกหวาดกลัวต่อการต่อสู้เมื่อครู่จนเผ่นหนีกันไปหมดแล้ว
“ฮันฮัน เจ้าทิ้งข้าไว้คนเดียวอีกแล้ว!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดอย่างเศร้าโศก
“ช่างน่าปวดหัวจริงๆ” หลิงฮันถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะได้รับความทรงจำกลับคืนมาเมื่อใด ด้วยนิสัยดุร้ายดังเดิมของนาง เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะสามารถคบหากับนางได้
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนดึงแขนเสื้อหลิงฮัน ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงไหลราวกับเด็กสาวตัวน้อย
“ไม่มีคนเหมืองเหลือแล้ว ข้าคงต้องลงมือขุดด้วยตัวเอง” หลิงฮันไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบใช้งานผู้อื่น ในเมื่อคนเหมืองไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาก็ไม่มีความคิดจะไปตามตัวพวกเขากลับมาให้ทำงานต่อ
ฮูหนิวยืนมือเข้าช่วยเช่นกัน กรงเล็บเล็กๆที่แหลมคมของนางมีประโยชน์สำหรับใช้ในการขุดมาก
คนเหมืองนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้แท่นสี่เหลี่ยมมากเกินไปและลงมือขุดหลุมในบริเวณที่ห่างจากแท่นสี่เหลี่ยมสิบฟุตทำให้การขุดดำเนินไปได้อย่างเชื่องช้า
เมื่อหลิงฮันเดินตรงเข้าใกล้ แท่นสี่เหลี่ยมก็ราวกับมีชีวิต อสนีบาตนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวของแท่นสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นสายฟ้าเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
‘ตูม’ หลิงฮันถูกสายฟ้าฟาดจนร่างกระเด็น ร่างของเขาเต็มไปด้วยควันดำพร้อมกับผิวหนังที่ไหม้เกรียม
น่ากลัวยิ่งนัก แม้แต่กายหยาบของเขาที่เทียบได้รับแร่เหล็กระดับหกก็ไม่สามารถต้านทานสายฟ้าจากแท่นสี่เหลี่ยมได้
หลิงฮันกระตุ้นใช้งานเกราะอสนีทันที สายฟ้าต้องต้านทานด้วยสายฟ้า เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด
หลิงฮันเดินเข้าใกล้และและถูกสายฟ้าฟาดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามีเกราะอสนีช่วยต้านทาน สายฟ้าทั้งสองที่ปะทะกันก่อให้เกิดภาพที่น่าอัศจรรย์
เกราะอสนีนั้นราวกับมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง มันสร้างเกราะสายฟ้าเพื่อต้านทานสายฟ้าฟาดจาดแท่นสีเหลี่ยม ณ เวลานี้ทั่วทั้งถ้ำได้ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน
ทั่วทั้งถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมา
“น่าสนุกจัง!” ฮูหนิวตื่นเต้นและพุ่งเข้าใส่
“ถอยไป!” หลิงฮันตะโกนลั่น ที่เขาสามารถต่อต้านสายฟ้าฟาดของแท่นสี่เหลี่ยมได้ก็เป็นเพราะเกราะอสนี ไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬนานแล้ว ถึงแล้วฮูหนิวจะมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด แต่นางคงไม่สามารถต้านทานสายฟ้าฟาดที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ฮูหนิวไม่ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าฟาดแม้แต่น้อย ไม่เพียงแค่นั้น ร่างของนางยังดูราวกับกลายเป็นศูนย์กลางของสายฟ้า อสนีบาตนับไม่ถ้วนได้ถูกดูดซับเข้าไปในร่างของนาง
“หลิงฮัน หนิวรู้สึกแปลกๆ!” ฮูหนิวกล่าว ภายในดวงตาของนางปรากฏภาพการล่มสลายของดวงดาวนับล้านและปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสั่นสะท้าน แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์เช่นนางก็ไม่สามารถต่อต้านแรงกดดันจากแววตาของฮูหนิวได้ ร่างของนางทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลไม่หยุด
ในด้านของหลิงฮันนั้นรู้สึกราวกับสติจะหลุดลอย แต่หอคอยทมิฬในตันเถียนของเขาก็สั่นไหวเบาๆ มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งจุดสูงสุดออกมาเพื่อสลายแรงกดดันจากฮูหนิว
“ฮูหนิว รีบกลับออกมาจากตรงนั้นซะ!” หลิงฮันรู้แล้วว่าสายฟ้าฟาดของแท่นสี่เหลี่ยมไม่สามารถทำอะไรฮูหนิวได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของนางเมื่อครู่ก็ทำให้หลิงฮันรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน เขาเกรงว่ารากฐานวิญญาณรูปร่างมนุษย์ในตันเถียนของนางจะถูกปลุกให้ตื่นและยึดครองร่างของฮูหนิว
‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’ ประกายสายฟ้าจากแท่นสี่เหลี่ยมและเกรัอสนีเริ่มสลายหายไป ทันใดนั้นทั่วทั้งถ้ำตกยอู่ในความมืดมิดทันที เนื่องจากคบเพลิงที่ติดเอาไว้ตามถ้ำได้ถูกสายฟ้าฟาดเมื่อครู่ทำลายไปหมดแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างของฮูหนิวได้ปลดปล่อยแสงสว่างอันเจิดจ้าและกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา ตอนนี้นางดูไม่เหมือนกับเด็กสาวจอมตะกละอีกต่อไป นางดูราวกับเป็นเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่สวรรค์และดวงดาว ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของหอคอยทมิฬ หลิงฮันคงจะล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นแล้ว
ลองดูเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นตัวอย่าง ร่างของนางทรุดลงกับพื้นโดยไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้
‘ตูม’ เจตจำนงที่เหลืออยู่ในเกราะอสนีถูกใช้จนหมด สภาพของมันเริ่มเป็นผุพัง ในตอนนี้เกราะอสนีที่สร้างขึ้นจากแร่เหล็กระดับสิบได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเกราะที่ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก
แท่นสี่เหลี่ยมที่ใช้พลังงานอันมหาศาลออกไป ตอนนี้พลังสายฟ้าในตัวมันอ่อนแรงลงอย่างมาก
ร่างของฮูหนิวล้มลงกับพื้นและหมดสติไป
หลิงฮันรีบพุ่งไปหานางเพื่อตรวจสอบ ดูเหมือนว่านางจะให้ช็อคจนหมดสติไปเท่านั้น นางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย
เด็กสาวคนนี้เป็นใครกันแน่?
หลิงฮันถอยหายใจ เขาละความสงสัยทิ้งไปและส่งฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนลุกยืนขึ้น แววตาของนางดูสับราวกับคนที่ไร้สติ นางเดินเข้าไปใกล้แท่นสี่เหลี่ยม สติของนางดูล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับแผ่นศิลาที่ติดอยู่กับแท่นสี่เหลี่ยม
เจ้าก็บ้าไปแล้วอีกคน?” หลิงฮันกระโดดเข้าไปหวังที่จะคว้าร่างของนางกลับมา แต่พลังของสาวน้อยใต้สมุทรคนนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากจนเขาไม่สามารถหยุดรั้งนางได้
ฝ่ามือของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสัมผัสกับแผ่นศิลาบนแท่นสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็พลั่งพรูเข้ามาในสมองของหลิงฮัน ด้านหน้าของปรากฏฉากที่น่าอัศจรรย์ฉากหนึ่ง มันคือเหตุการณ์ของจอมยุทธผู้หนึ่งที่ร่างถูกโอบล้อมไปด้วยอสนีบาตและคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า
จอมยุทธผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าของเขาสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมือทั้งสองของเขาประสานกันปลดปล่อยการโจมตีออกไป คลื่นพลังอสนีบาตที่เกิดขึ้นก็ราวกับจะสามารถบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง
ทักษะศักดิ์สิทธิ์ อสนีบาตเก้าทิวา!
โดยปกติแล้วทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้จะถูกผนึกเอาไว้ด้วยสายฟ้าฟาดอันทรงพลังและไม่สามารถได้มาโดยง่าย แต่จากการที่เกราะอสนีและแท่นสี่เหลี่ยมสร้างปฏิกิริยาต่อกัน รวมถึงสายฟ้าฟาดที่ปกป้องทักษะนี้ได้ถูกฮูหนิวดูดซับไปเกือบหมด พลังที่ผนึกทักษะนี้เอาไว้จึงอ่อนแอลง ทำให้พวกหลิงฮันสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้โดยง่าย
อักขระมากมายส่องสว่างภายในห้วงความคิดของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ทั้งสองคนคือผู้ได้สืบทอดทักษะอสนีบาตเก้าทิวา
กายาอสนีบาตที่บดขยี้ได้แม้กระทั่งพิภพโลกา!
สายฟ้าฟาดที่หลงเหลืออยู่ในแท่นสี่เหลี่ยมโอบล้อมร่างของทั้งสองคนเอาไว้และเผาไหม้เสื้อผ้าของพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ภายใต้ผลกระทบจากการได้รับสืบทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์ผ่านความทรงจำ สมองของหลิงฮันก็กลายเป็นมึนงง เขาฝันแปลกประหลาดว่าตนเองกลายเป็นมังกรอัศวินที่กำลังขึ้นขี่กำราบมังกรพยศอย่างพัวพันและกระสับกระส่าย
ในระหว่างที่สติหลุดลอย เขาก็เผลอหลับไปเพราความเหน็ดเหนื่อย ภายในความคิดของเขาหลงเหลืออยู่เพียงประกายแสงอสนีอันไร้ที่สิ้นสุดที่กำลังแปรเปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์รูปร่างอสนี ซึ่งนั่นก็คือทักษะอสนีบาตเก้าทิวาที่แท้จริง