Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 604
วิกฤต
ทุกต่างพูดแนะนำตัวเอง ยกเว้นชางเย่และโฉวจื่อเฟย ส่วนชายหนุ่มอีกสี่คนที่เหลือชื่อว่า เจิงเจี้ยนเซิน อยี่หยวนหมิง โจวไค่จี้ และฝานเวิ่งหลิน ส่วนหญิงสาวเพียงคนเดียวที่สวมเสื้อแดงชื่อว่าเหอหลันหยุน
จอมยุทธส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเพศชาย ส่วนเพศหญิงนั้นจะมีน้อยมาก ยิ่งเป็นจอมยุทธที่อยู่ในระดับบุปผาผลิบานนั้นยิ่งหายากขึ้นไปอีก นอกจากนี้เหอหลันหยุนยังเป็นหญิงสาวที่งดงาม ทำให้หาตัวจับได้ยากมากยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น โฉวจื่อเฟยจึงติดเหอหลันหยุน แต่ดูเหมือนว่าเหอหลันหยุนนั้นจะมีใจให้กับชางเย่
นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับจูเสวี่ยนเอ๋อ ในภูมิภาคเหนือจูเสวี่ยนเอ๋อเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุด แต่ตอนนี้นางปลอมตัวอยู่ทำให้ดูเป็นหญิงสาวธรรมดาทำให้ความงดงามของนางถูกบดบัง
พวกเขาทั้งสิบคนกลับไปเดินทางกันต่อ เมื่อพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับสำนักสวรรค์ โฉวจื่อเฟยและคนอื่นเต็มไปด้วยความมั่นและคิดว่าพวกเขาจะต้องเข้าร่วมสำนักได้โดยที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนโฉวจื่อเฟยนั้นอยากเห็นหลิงฮันอับอายที่พูดว่าเขาต้องการเข้าร่วมสำนักสวรรค์ และคิดว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เจียมเนื้อเจียมตัว
หลิงฮันคิดอยู่ในใจว่า เมื่อเขาแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จรองออกมา เจ้าหมอนี่จะต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน
พวกเขาเดินทางตลอดทั้งวัน เมื่อถึงเวลากลางคืน พวกเขาจะนำกระโจมออกมาจากแหวนมิติ และไม่ลืมที่จะฝึกฝนบ่มเพาะพลัง นอกจากนี้พวกเขายังไม่ลดการป้องกันลง
นั่นเป็นเพราะโลกของจอมยุทธนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย และไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกลอบฆ่า
แต่ก็นั่นเอง ผ่านไปเพียงสามวันพวกเขาก็ต้องพบเข้ากับเหตุยุ่งยาก
ตู้ม ตู้ม ตู้ม เสียงต่อสู้อย่างดุเดือดดังมาจากด้านหน้า และในไม่ช้าพวกเขาเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ หนึ่งในนั้นเป็นสาวงามอายุประมาณยี่สินปี สวมเสื้อคลุมสีแดงเลือด และกำลังถือดาบยาวอยู่ในมือของนาง และคู่ต่อสู้ของนางเป็นหญิงสาวสี่คน
ในทางตรงกันข้าม หญิงสาวชุดแดงไม่เพียงแต่จะเยาว์วัยกว่าเท่านั้น แต่ยังงดงามกว่าหญิงสาวทั้งสี่คนถึงสิบเท่า
หญิงสาวทั้งห้าคนต่างเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน จากฉากที่เกิดขึ้น หญิงสาวพวกนั้นดูเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าหญิงสาวชุดแดงมาก แต่ว่าเมื่อนางฝ่าวงล้อมไปได้ นางก็รีบวิ่งหนีไปทันที แต่ยังคงถูกหญิงสาวอีกสี่คนไล่ตาม
นี่ทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกใจถ้านางเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทำไมนางต้องหนีด้วย?
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสี่คนไล่ตามอยู่ชั่วครู่ หนึ่งในพวกนางนำแส้ออกมา และพันไปที่รอบเอวของหญิงสาวชุดแดงทำให้นางหยุดเคลื่อนไหวทันที
หญิงสาวอีกสามคนจึงใช้โอกาสนี้โจมตีอีกฝ่ายอย่างดุเดือดอีกครั้ง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หญิงสาวชุดแดงจะหลุดพ้นจากการถูกจับ และตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง
“งดงามมาก!”
“นางดงามดั่งเทพธิดา!”
“นี่คือผู้หญิงของข้า พวกเจ้าห้ามเข้ามายุ่ง!”
สายตาของโฉวจื่อเฟยและชายหนุ่มที่เหลือต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดแดง นางงดงามและแข็งแกร่งกว่าเหอหลันหยุนมาก และอยากจะกระโจนออกไปเพื่อช่วยเหลือนาง
“ฉินหยีเย่ว เจ้าคิดว่าจะหลุดพ้นเอื้อมมือของข้าได้งั้นรึ!” ในระยะไกล เสียงของคนผู้หนึ่งพูดออกมา ในไม่ช้ารถลากอันหรูหราเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มันถูกลากด้วยราชสีห์นิลสองตัว พวกมันเป็นสัตว์อสูรโบราณ แม้จะไม่ได้เป็นสัตว์อสูรระดับสูง แต่สายเลือดของมันหาได้ยากมาก
รถลากนั่นมีความหรูหรามาก มันมีความยาวห้าฟุตและสูงสามฟุต ทำให้มันดูเหมือนพระราชวังเคลื่อนที่ ส่วนวัสดุที่ใช้นั้นมีความซับซ้อนมาก และยังมีภาพวาดอยู่บนรถลาก ทว่ามันกลับเป็นภาพวาดที่น่าขยะแขยง
“นิกายวายุจันทรา!” เจิงเจี้ยนเซินอุทานออกมาเป็นคนแรกหลังจากที่เห็นธงบนรถลาก
“ว่าไงนะ!” โฉวจื่อเฟยและคนอื่นตกใจไปตามกัน
นิกายวายุจันทราเป็นหนึ่งในนิกายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคกลาง แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าห้านิกายโบราณ แต่ก็มีจอมยุทธระดับสวรรค์อยู่เหมือนกัน
ทันใดนั้น ความคิดที่อยากจะเป็นวีรบุรุษเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวชุดแดงของพวกเขาจางหายไป
“ท่านสุภาพบุรุษ ข้าชื่อฉินหยีเย่วจากหุบเขาทมิฬได้โปรดช่วยข้าด้วย!” ในตอนนั้นเอง หญิงสาวชุดแดงร้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน
หุบเขาทมิฬ!
ทุกคนรู้สึกตกใจ หุบเขาทมิฬเป็นหนึ่งในขุมพลังใหญ่เหมือนกัน แต่ด้อยกว่านิกายวายุจันทรามาก
“ฉินหยีเย่ว ทำไมเจ้าต้องลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้าเป็นนายน้อยแห่งนิกายวายุเหมันตร์ ส่วนเจ้าเป็นลูกศิษย์ของประมุขแห่งหุบเขาทมิฬ พวกเราเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันยิ่งนัก พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ และข้าจะพาเจ้าเข้าสู่โลกแห่งความสุขระหว่างชายและหญิง” เสียงของชายคนนั้นดังมาจากรถลาก
“หูชิ่งฟาง แม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็จะไม่มีวันไปกับเจ้า!” ฉินหยีเย่วตะโกนและกำลังพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุมของหญิงสาวทั้งสี่คน
“มันจบแล้ว มันจบสิ้นแล้ว!” อยี่หยวนหมิงรู้สึกผิดหวัง
“ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ของนิกายวายุจันทราต่างเป็นพวกมากตัณหา และได้ยินมาว่าประมุขนิกายวายุจันทรามีภรรยาหลายร้อยคน ส่วนสาวงามที่ถูกเขาทำร้ายมีมากถึงหมื่นคน!”
“ฉินหยีเย่วถูกประมุขนิกายวายุจันทราหมายหัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหลบหนีได้พ้น”
“พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย!”
“แม้ว่าพวกเราจะเข้าไปช่วย แต่ความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นยังไม่เพียงพอ!”
โฉวจื่อเฟยและคนที่เหลือมองหน้ากันไปมา พวกเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน ไม่ว่าจะเป็นฉินหยีเย่วหรือหญิงสาวสี่คนนั้น อย่างน้อยพวกนางก็เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นกลางถึงขั้นปลายกันแล้ว มันต่างชั้นกันเกินไป แต่สำหรับอัจฉริยะช่องว่างแค่นี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย
นอกจากนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยั่วยุนิกายวายุจันทรา
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ชางเย่ เข้าไปช่วยนาง!”