Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 630
เมื่อทุกคนได้ยินเสียง พวกเขาหันไปมองตำหนักที่อยู่กลางทะเลสาบ
นางกำลังบรรเลงพิณอยู่ เสียงเพลงที่ดังออกมาทำให้ทุกคนรู้สึกมึนเมา
เสียงเพลงนี้ไม่ควรมีอยู่ในโลก
ปลาในทะเลสาบกระโดดไปมาไม่หยุดและรวมตัวกันอยู่รอบตำหนัก ส่วนบนท้องฟ้ามีนกจำนวนมากบินโลดเต้นไปมาอยู่บนท้องฟ้า
เสียงของพิณเดินทางผ่านทะเลสาบทำให้เกิดคลื่นเล็กน้อย ทว่ามันกลับไม่มีอำนาจทำลายล้าง แต่ทำให้ปลามีความสุข และนกเริงระบำอยู่ในอากาศ
ทุกคนมีสีหน้าที่มึนเมา หญิงสาวคนนี้และเสียงเพลงควรมีอยู่แค่โลกเบื้องบนเท่านั้น ทว่ามันกลับปรากฏอยู่โลกมนุษย์เบื้องล่างได้อย่างไร?
“เทพธิดาอีหยุน!”
“ว่าไงนะ นางคือเทพธิดาอีหยุนงั้นรึ?”
“ช่างงดงามอะไรขนาดนี้!”
“นางไม่ใช่หญิงสาวที่งดงามที่สุดแห่งภูมิภาคกลางงั้นรึ? ข้าไม่เชื่อ!”
“ข้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”
ทุกคนส่ายหัว การปรากฏตัวของหวังอีหยุนนั้นเหนือกว่าหลิ่วอู๋ตง แต่ไม่เท่าจูเสวี่ยนเอ๋อ และฉากที่งดงามเบื้องหน้าทำให้หลายคนรู้สึกลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น
จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยและโน้มตัวไปอยู่ข้างหูหลิงฮันและพูดกระซิบว่า “เสวี่ยนเอ๋อไม่แพ้นางหรอก”
หลิงฮันมองไปที่ลิ้มฝีปากสีแดงของนาง และพูดว่า “ข้าเชื่อเจ้าอยู่แล้ว”
จูเสวี่ยนเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้ามีความสุข
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบด้วย” หวังอีหยุนวางมืออยู่บนพิณ เสียงที่นุ่มนวลของนางดังไปทั่วบริเวณ
“ขอรับ!” ทุกคนพยักหน้ารับ
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ หญิงสาวคนนี้มีอายุแค่ยี่สิบสามปีเท่านั้น แต่นางกลับเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว พรสวรรค์ของนางนั้นน่าทึ่งมาก
“ในตอนนี้นิกายใหญ่ต่างๆเชื่อว่าจะเกิดหายนะในอนาคตอันใกล้นี้” หวังอีหยุนกล่าวขณะที่ทุกคนกลายเป็นนิ่งเงียบมีเพียงแค่เสียงของนางเท่านั้นที่ได้ยิน “เกือบหมื่นปีที่ผ่านมา หายนะที่ทำให้ทวีปเทียนฮงล่มสลายจะหวนกลับมาอีกครั้ง นิกายต่างๆจึงร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับมัน!”
“ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์เพื่อสร้างความหวังที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้มากที่สุด”
“ดังนั้น ทุกคนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะฟื้นฟูวิถีวรยุทธในอนาคต พวกเราต้องไม่ทำร้ายกันเอง”
เมื่อนางพูดเสร็จ นางลุกขึ้นยืนและเดินลงมาจากตำหนัก เมื่อเท้าของนางย่างก้าวสัมผัสกับพื้นน้ำ ฝูงปลาจะกระโดดโลดเต้นไปมา และมีนกบินอยู่เบื้องหลังนาง ราวกับมีเทพธิดาจุติอยู่บนโลก
“เทพธิดามีอยู่จริง!”
“ห้านิกายใหญ่คือหัวใจหลักของโลก ถ้ามีหายนะเกิดขึ้นจริงจะมีเพียงแค่ห้านิกายใหญ่เท่านั้นที่สามารถปกป้องโลกได้!”
“ผู้มีเมตตาและคุณธรรมสูงส่ง!”
“แม่พระ!”
ทุกคนไม่ได้พูดสรรเสริญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ใครจะกล้าพูดจาล่วงเกินนิกายโบราณทั้งห้านิกาย? นิกายทั้งห้ามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ ซึ่งเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก
แต่ทว่าห้านิกายใหญ่นั้นแค่ปกป้องดินแดนของตนเองเท่านั้น ไม่เคยที่จะครองโลก ทำให้ทุกคนรู้สึกสรรเสริญ
หวังอีหยุนเดินเข้ามาใกล้และยิ้มให้กับหนงม่านม่านแล้วพูดว่า “พี่ม่านม่าน ท่านยังมีปัญหาอันใดอีกหรือไม่?”
“เพื่อเห็นแก่หน้าของน้องอีหยุน ข้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” หนงม่านม่านฝืนยิ้มออกมา ในความเป็นจริงถ้านางยังพูดต่ออีกมันจะเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย
“พี่ชายหลิง” หวังอีหยุนหันหน้าไปมอง “ข้าได้ยินมาว่าท่านและพี่สาวม่านม่านทะเลาะกันเพราะเรื่องอาวุธวิญญาณ ดังนั้น ข้ามีอาวุธวิญญาณระดับหกอยู่กับตัว ถ้าข้าแลกมันกับพี่ชายหลิงกับมันจะได้หรือไม่?”
สีหน้าของหนงม่านม่านดูมีความสุขขึ้นมาทันที ในความเป็นจริงนางรู้อยู่แล้วว่าขวดใบนั้นไม่ธรรมดา แต่นางไม่ต้องการทำให้เรื่องแตกตื่น ดังนั้นนางจึงใช้หนงเสียหยุนไปแทน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าถูกหลิงฮันแย่งซื้อขวดนั้นไป ด้วยเหตุนี้ หนงม่านม่านจึงขอให้หลิงฮันมางานเลี้ยงและใช้บรรยากาศของที่นี่กดดันให้เขายอมรับ
เมื่อไข่มุกแห่งตระกูลหวังอยู่ที่นี่และเสนออาวุธวิญญาณระดับหกให้ นางคิดว่าหลิงฮันจะต้องยอมรับอย่างแน่นอน
“ไม่ ข้าชอบเจ้าขวดใบนั้นมาก ข้าไม่คิดที่จะแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น” หลิงฮันปฏิเสธตรงๆ ชามหินนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นของเลียนแบบจากชามพลิกสวรรค์ มันสามารถสกัดได้ทุกอย่างและแยกแก่นแท้ออกมา มันมีค่ามากกว่าดาบกำเนิดมารเสียอีก แล้วนี่อะไรอีกฝ่ายคิดจะแลกมันกับอาวุธวิญญาณระดับหกงั้นรึ? ฝันไปเถอะ!
เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแค่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจเท่านั้น แม้แต่หวังอีหยุนก็ไม่เว้น ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นหน้าหวาดกลัว หลังจากที่ถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “พี่ชายหลิง ท่านไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยหรือ?”
“ไม่!” หลิงฮันโบกมือไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย
“หลิงฮัน เจ้าชักจะอวดดีเกินไปแล้ว!” ซั่วเฉียวเล่อตะโกน การที่หลิงฮันปฏิเสธความงานของหวังอีหยุนนั่นหมายความว่าทำให้ชายทุกคนที่อยู่ที่นี่โกรธเกรี้ยว
“ใช่แล้ว นี่มันบ้าเกินไป เทพธิดาอีหยุนอุตส่ามอบข้อเสนอดีๆให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธทันควันไม่แม้แต่จะขบคิด!”
“หึ่ม เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนงั้นรึ?”
“ถ้าข้าไม่เห็นแก่ใบหน้าของเทพธิดาอีหยุน ข้าคงเข้าไปทุบตีเจ้าแล้ว”
หลิงฮันยิ้มและหันไปพูดกับฮูหนิวว่า “ฮูหนิว เจ้ากินอิ่มแล้วหรือยัง?”
“หนิวยังไม่อิ่มเลย” ฮูหนิวโผล่หัวออกมาจากกองอาหาร “แต่อาหารที่นี่มันไม่อร่อยเลย หนิวเบื่อแล้ว!”
ทุกคนแทบจะเป็นลม เมื่อเห็นกองอาหารที่ทับซ้อนกันสูงกว่าตัว! ยิ่งไปกว่านั้น นางกินเข้าไปขนาดนั้นแต่ยังไม่อิ่มอีก กระเพาะของนางเป็นหลุมดำหรือไง?
“งั้นดีเลย พวกเรากลับกันเถอะและค่อยกินต่อ!” หลิงฮันยิ้ม
“เย้!” ฮูหนิวปรบมือและมองไปที่หวังอีหยุน “เจ้าคือเจ้านายของที่นี่สินะ แต่อาหารที่เจ้านำมาให้แขกกินนั้นมันไม่อร่อยเลย หืม หรือว่านี่จะเป็นการดูถูกหนิว!”
หวังอีหยุนไม่รู้สึกโกรธ แต่ยังคงยิ้มออกมา ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถสั่นคลอนอารมณ์ของนางได้ แต่คนอื่นนั้นไม่ได้เป็นเหมือนนาง มีแขกแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?
“ใครบอกให้เจ้าไปอยู่ที่นี่ก่อนสิ!”
“ใช่แล้ว ข้าอยากเรียนรู้จากเจ้ายิ่งนัก!”
“ถูกต้อง พวกเรามาแลกเปลี่ยนวรยุทธกันสักเล็กน้อยเป็นไง”