Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 632
หวังอีหยุนไม่สนใจฮูหนิว แม้ว่าเด็กสาวตัวน้อยจะมีพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวก็ตาม แต่นางยังเด็กจึงเพ่งเล็งไปที่หลิงฮันแทน
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ตกลง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าต้องการพูดอะไร”
หวังอีหยุนยิ้มออกมาอย่างสดใสเหมือนกับว่าไม่มีอะไรสั่นคลอนใจนางได้ นางพูดว่า “เหตุผลที่ข้าเชิญทุกคนมาที่นี่เพราะข้ามีข้อเสนอ ในเมื่อทุกคนเป็นอัจฉริยะ และเมื่อสำนักสวรรค์เปิดจะมีผู้คนมากมายที่สามารถเข้าร่วมได้”
นางหยุดพูดชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “แต่ละขุมพลังต่างมีอำนาจเป็นของตัวเอง ห้านิกายใหญ่มีอำนาจเป็นของตัวเอง ภูมิภาคตะวันออกและภูมิภาคใต้ก็มีอำนาจเป็นของตัวเอง หากเจ้าอ่อนแอ เจ้าจะต้องถูกรังแกอย่างแน่นอน”
ผู้คนเผลอพยักหน้า ในนิกายหรือตระกูลของพวกเขา พวกเขาถือเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่ที่สำนักสวรรค์เป็นสถานที่ที่อัจฉริยะจากทั้งทวีปเทียนฮงมารวบตัวกันที่นี่ คนเหล่านั้นจะกลายเป็นคนธรรมดา และอาจไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักสวรรค์
หลิงฮันเป็นข้อพิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็น แม้จะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเหมือนกัน แต่พลังต่อสู้ของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก และแข็งแกร่งกว่า
ถ้าตอนนี้ใครกล้าข่มขู่เขา ไม่ใช่ว่าหลังจากเข้าร่วมสำนักแล้วจะถูกเขารังแกหรอกหรือ? ต้องรู้ก่อนว่าพลังอำนาจของตระกูลและนิกายนั้นไม่สามารถนำมาใช้ในสำนักสวรรค์แห่งนี้ได้
“ดังนั้น อีหยุนจึงมีข้อเสนอ พวกเราจะตั้งพันธมิตรและดูแลซึ่งกันและกัน” หวังอีหยุนกล่าวอีกครั้ง
นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานเลี้ยงครั้งนี้ นางต้องการใช้อัจฉริยะเพื่อประโยชน์ของตัวเอง!
หลิงฮันอดสงสัยไม่ได้ เขาจึงถามออกไปว่า “แล้วใครจะขึ้นเป็นผู้นำล่ะ?”
หวังอีหยุนจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “พี่ชายหลางหยาเทียนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
หลางหยาเทียนเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในภูมิภาคกลาง บางทีแม้แต่ย่าวหุยเยว่และราชันกระบี่น้อยก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้
ทุกคนรู้สึกมั่นใจ ถ้ามีหลางหยาเทียนเป็นผู้นำ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้ใด
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าอยากเป็นผู้นำ มิฉะนั้นข้าจะไม่เข้าร่วม!”
หวังอีหยุนยังคงยิ้มและพูดว่า “ถ้าพี่ชายหลิงคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าพี่ชายหลาง ท่านสามารท้าพี่ชายหลางสู้ได้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งของเขา”
“เยี่ยมเลย ถ้างั้นเรียกหลางหยาเทียนมา ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเอง” หลิงฮันยิ้ม
นิ้วของหวังอีหยุนกระตุก ทำไมชายคนนี้ต้องสร้างความยุ่งยากให้กับนางด้วย? และนางพูดว่า “พี่ชายหยางของข้ากำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ และอาจกำลังพยายามทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปลีกตัวออกมาได้”
“อะไรนะ ระดับก้าวสู่เทวางั้นรึ!”
“พระเจ้า!”
“ไม่ใช่ว่าหลางหยาเทียนมีอายุสี่สิบปีหรอกรึ?”
“จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาด้วยวัยสี่สิบปีช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
ทุกคนอุทานออกมานั่นเป็นเพราะพวกเขาทุกคนเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น แต่หลางหยาเทียนนั้นเริ่มทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาแล้ว ช่องว่างระหว่างพวกเขามันใหญ่จนเกินไปและไม่อาจทำใจเชื่อได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาทุกคนตัดสินใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตร ความแข็งแกร่งของผู้นำของพวกเขาเพียงพอที่จะข่มคนอื่นได้แน่นอน
หวังอีหยุนหันไปมองหลิงฮันอีกครั้งและพูดว่า “พี่ชายหลิง ถ้าท่านไม่พอใจ อีหยุนสามารถต่อสู้แทนพี่ชายหลางได้ อย่างไรก็ตาม ระดับพลังของอีหยุนนั้นต่ำและไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าพี่ชายหลาง ความแข็งแกร่งของข้านั้นเทียบกับพี่ชายหลางแล้วเป็นแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของเขาเท่านั้น”
นางเชิดชูหลางหยาเทียนมาก แต่ถ้าหลิงฮันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอาชนะนาง แล้วเขาจะมีคุณสมบัติท้าทายหลางหยาเทียนได้อย่างไร?
หญิงสาวคนนี้ไม่ง่าย
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจหลางหยาเทียนซะเหลือเกิน เจ้าเป็นภรรยาที่ดีจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มนับไม่ถ้วนรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที หวังอีหยุนเป็นดั่งเทพธิดาของพวกเขา ถ้านางต่อสู้ด้วยตัวเอง แล้วจะเรียกว่าเทพธิดาได้อย่างไร?
หวังอีหยุนปรากฏจิตสังหารอยู่ในดวงตาของนาง นางรักหลางหยาเทียนและยินดีที่จะปกป้องเขา ดังนั้น นางต้องพยายามรักษาสถานะเทพธิดาของตัวเองเพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น แต่หลิงฮันพยายามที่จะขัดขวางนาง!
หวังอีหยุนพูดออกมาว่า “พี่ชายหลิง เนื่องจากท่านไม่เคารพพี่ชายของข้า เช่นนั้นข้าจะต่อสู้แทนเขา”
“ช้าก่อน!” ในขณะนั้น ร่างของคนผู้หนึ่งกำลังบินเข้ามาหา รูปร่างของเขาสูงใหญ่และล้อมรอบไปด้วยแสงสีทอง
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ เขาคือซวนหยวนจื่อกวง!
“ที่แท้เป็นพี่ชายซวนหยวนนี่เอง!” หวังอีหยุนยิ้มออกมาทันทีและแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก “เขาคนนี้คือซวนหยวนจื่อกวง ทุกท่านน่าจะรู้จัก พี่ชายซวนหยวนสัญญาว่าจะเข้าร่วมกับพวกเราในฐานะหนึ่งในห้ารองผู้นำ”
“ถ้ามีซวนหยวนจื่อกวงเป็นรองผู้นำ พันธมิตรของพวกเราต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!”
“ข้าอยากเข้าร่วมด้วย ไม่มีใครหยุดข้าได้!”
ซวนหยวนจื่อกวงเพิ่งเห็นหลิงฮัน เขาจึงหันไปมองและพูดว่า “แล้วหญิงสาวที่ชื่อเฮ่อเหลียนล่ะ?”
หลิงฮันลูบคางตัวเอง ชายคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา? แต่เมื่อคิดในอีกมุมมองหนึ่ง เมื่อมีฮูหนิวย่อมมีหลิงฮัน
หลิงฮันทำเสียงฮึดฮัดทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า “มันไม่ใช่ธุระอะไรสำหรับคนขี้แพ้อย่างเจ้า”
ขี้แพ้?
ทุกคนส่งเสียงอุทานออกมา หรือว่าแท้จริงแล้วซวนหยวนจื่อกวงและหลิงฮันเป็นศัตรูกัน?
ซวนหยวนจื่อกวงดูตกตะลึงและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่บอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่นางเฮ่อเหลียน วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“สมองของเจ้ามีปัญหาหรือไง ถึงกล้าพูดแบบนั้นออกมา?” หลิงฮันส่ายหัว
ซวนหยวนจื่อกวงเดินเข้าไปหาหลิงฮัน เขาชี้ไปที่หลิงฮันและพูดว่า “หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน?”
พรึบ นิ้วมือของเขากลายเป็นรัศมีกระบี่ และเต็มไปด้วยอันตราย
รัศมีกระบี่!
หัวใจของหลิงฮันรู้สึกได้ถึงอันตราย มันไม่ใช่กึ่งรัศมีกระบี่ แต่เป็นรัศมีกระบี่ที่แท้จริง
หรือว่าซวนหยวนจื่อกวงสร้างปราณกระบี่เล่มที่สามสิบได้แล้ว?
นี่หรือว่าเขาจะเป็นรุ่นเยาว์คนแรกที่สามารถสร้างปราณกระบี่เล่มที่สามสิบได้?
จอมยุทธที่แข็งแกร่งอย่างราชันกระบี่น้อยยังสร้างปราณดาบได้แค่ยี่สิบเก้าเล่มเท่านั้น
ซวนหยวนจื่อกวงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย!
หลิงฮันไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะพัฒนาด้วยตัวเองได้รวดเร็วขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นราชันกระบี่น้อยหรือย่าวหุยเยว่ พรสวรรค์ของพวกเขาไม่มีทางด้อยไปกว่าซวนหยวนจื่อกวง แต่ทำไมพวกเขาถึงยังทำไม่สำเร็จ แล้วมีแค่ซวนหยวนจื่อกวงเท่านั้นที่ทำสำเร็จ?
หรือว่ามันจะเป็นเพราะสายเลือดของมัน?