Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 662
“เหยียนเฮิงเหอ!” หลี่เฟิงหยู่และหลี่ซือเชียนอุทานพร้อมกัน
“โอ้ ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใครแล้วยังไม่รีบไสหัวไปอีก?” ชายเลือดร้อนแสยะยิ้ม
เมื่อเห็นว่าหลิงฮันยังคงสับสน ฉินหยีเย่วจึงพูดอธิบาย “เหยียนเฮิงเหอคือศิษย์ของนิกายบุปผาเมฆาที่ถูกจองจำมาเป็นเวลานานเจ้าคงอาจจะไม่เคยได้ยิน ชื่อเสียงของเขาเพิ่งจะมาโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องการเขาสามารถโค่นล่มผู้อาวุโสระดับตัวอ่อนวิญญาณได้มากมาย เขาเป็นชายที่ทรงพลังมาก”
“เขาคือชายที่เทียบได้กับย่าวหุยเยว่และราชันกระบี่น้อย”
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “ราชันกระบี่น้อยและหลางหยาเทียนมีอายุสี่สิบปีกว่าแล้ว พวกเขาแตกต่างกับย่าวหุยเยว่ถึงหนึ่งรุ่น พวกเขาจะนำมาเทียบกันได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นข้าก็ไม่เชื่อด้วยว่าหมอนี่จะยอดเยี่ยมไปกว่าย่าวหุยเยว่”
“พวกเจ้ายังมัวซุบซิบอะไรกันอยู่อีก?” เหยียนเฮิงเหอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พอได้ยินชื่อของเขาแล้วอีกฝ่ายยังไม่หวาดกลัวและรีบหนีไป?
หลี่เฟิงหยู่กระซิบ “ข้าจะหลอกล่อเขาให้เอง พวกเจ้ารีบไปก่อนเลย” หลี่เฟิงหยู่พูดด้วยรอยยิ้มและเดินไปยังเหยียนเฮิงเหอ “พี่ชายเหยียนข้าคือหลี่เฟิงหยู่ ข้าได้ยินชื่อเสียงของพี่ชายมานานแล้วจนในที่สุดก็ได้เห็นตัวจริงในวันนี้ ช่างเป็นวันที่โชคดีอะไรเช่นนี้ พี่ชายเหยียนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงแค่ยืนเฉยๆรัศมีของท่านก็เฉิดฉายจนตัวข้าผู้นี้รู้สึกปราบปลื้มในใจ พี่ชายจะช่วยชี้แนะแนวทางให้น้องชายผู้นี้ได้รึไม่…”
หลี่เฟิงหยู่พูดน้ำไหลไฟดับ จนพวกหลิงฮันอดคิดไม่ได้ว่ามีคนที่พูดเรื่องแต่งได้ไหลลื่นเช่นนี้อยู่บนโลกได้อย่างไร
หลี่เฟิงหยู่พูดอยู่เป็นเวลานานจนปากเปียกปากแฉะ แต่พอเขาหันหลังไปมองกลับยังเห็นทุกคนยืนอ้าปากค้างมองมาที่เขา จนเขาอดอุทานออกไปไม่ได้ว่า “ข้าหมดเรื่องจะพูดแล้ว ทำไมพวกเจ้ายังไม่หนีไปอีก?”
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ไม่คิดว่าข้าก็อยากเห็นว่าเจ้าจะแต่งเรื่องได้เก่งขนาดไหนบ้างรึไง?”
ตอนนี้หลิงฮันมั่นใจอย่างมากว่าเขาสามารถจัดการราชันกระบี่น้อยด้วยทักษะดาบของเขาได้ เช่นนั้นแล้วเขายังจำเป็นต้องหลบหนีจากเหยียนเฮิงเหออีกรึ? ช่างน่าขัน
เหยียนเฮิงเหอไม่แสดงสีหน้าโกรธแต่กลับพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้ากล้าพูดจาเล่นลิ้นกับข้า!”
หลี่เฟิงหยู่หวาดกลัวจนรีบวิ่งหนี ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ระดับเดียวกันกับเหยียนเฮิงเหอ ยิ่งกว่านั้นพลังบ่มเพาะของเขายังต่ำกว่าอีกฝ่ายอีก แล้วแบบนี้จะให้เขากล้าสู้ได้อย่างไร?
“น้องชายหลิง ที่เหลือฝากเจ้าด้วย” หลี่เฟิงหยู่ตะโกน
“เจ้าคนบัดซบ เจ้าต้องการสังหารเจ้า!” เหยียนเฮิงเหอกล่าวอย่างเย็นชา เขาต้องการสังหารอีกเป็นอย่างมาก แต่กฎการทดสอบห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้น เขาเองก็ไม่ต้องการสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมสำนักสวรรค์ไปเหมือนกัน
“น้องชายหลิง จัดการมันเลย แล้วข้าจะส่งน้องสาวของข้าไปเป็นภรรยาเจ้า” หลี่เฟิงหยู่ตะโกนอีกครั้งออกมา
“ท่านพี่!” หลี่ซือเชียนอายใบหน้าขึ้นสี ทำไมนางถึงได้ถูกนำไปขายเช่นนี้?
“หลิงฮันไม่ต้องการสตรีอัปลักษณ์คนนี้หรอก!” ฮูหนิวรีบพุ่งออกมา นางรีบลงมือเพื่อไม่ให้หลิงฮันมีโอกาสจัดการเหยียนเฮิงเหอ
‘ฟุบ’ ร่างของนางกลายเป็นสายฟ้าและปรากฏตัวอย่างกะทันหันขึ้นที่ด้านหน้าเหยียนเฮิงเหอ หมัดเล็กๆของนางยื่นออกมาและจู่โจมใส่อีกฝ่าย
“หืม?” เหยียนเฮิงเหอประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวตัวแค่นี้จะรวดเร็วเช่นนี้ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าฮูหนิวจะมีระดับพลังเดียวกันกับตนเอง การปรากฏตัวของฮูหนิวทำให้ความมั่นใจในตนเองของเขาพังทลายสิ้น
เขาภูมิใจในระดับพลังของตนเองมาก ระดับตัวอ่อนวิญญาณที่มีอายุยี่สิบเจ็ดปีเรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏที่ไหน แต่ตอนนี้กลับมีเด็กสาวอายุประมาณเจ็ดปีที่มีพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณปรากฏตัว นางทำให้ความมั่นใจของเขาไม่ต่างอะไรกับการผายลม
‘ปัง!’
เหยียนเฮิงเหอนำดาบที่ยังไม่ได้ชักออกจากฝักมาป้องกันหมัดของฮูหนิว แต่ประกายสายของจากหมัดของฮูหนิวก็ได้แพร่กระจายผ่านฝักดาบไปยังแขนของเขา
“ฮึ่ม!” เหยียนเฮิงเหอคำราม ร่างของเขาปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาเพื่อต่อต้านสายฟ้า
ฮูหนิวพลิกร่างและก้าวถอยออกมา
หลิงฮันพยักหน้า ไม่แปลกเลยที่ชายคนนี้ถูกนำไปเทียบกับย่าวหุยเยว่ พลังต่อสู้ของเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก เขาสามารถตอบโต้ฮูหนิวได้อย่างไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั่วไปจะทำได้
แต่ก็อย่างที่รู้ คนที่ตกใจที่สุดคือเหยียนเฮิงเหอ
เขาเป็นคนหยิ่งยโสทีที่คิดว่าแม้แต่ย่าวหุยเยว่หรือราชันกระบี่น้อยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา สถานที่แห่งนี้คือสำนักสวรรค์ เขาจะเริ่มต้นสร้างเส้นทางแห่งตำนานของตนเองขึ้นที่นี่ แต่ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันได้เข้าสำนัก เขาก็ต้องมาพบกับเด็กสาวที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างสูสีเข้าเสียแล้ว
“เจ้าคนอัปลักษณ์ ไล่จับหนิวให้ทันสิ!” ฮูหนิวปรบมือหยอกล้อ
เหยียนเฮิงเหอเค้นเสียงดูถูกและชักดาบออกมา “พวกเจ้าอ่อนแอถึงขนาดต้องให้เด็กสาวเช่นนี้ออกมาต่อสู้? เหอะ ช่างน่าขัน”
หลิงฮันหัวเราะและพูด “เจ้ายังโค่นไม่ได้แม้แต่คนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มพวกข้า เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติในการต่อสู้กับคนอื่น? เจ้าควรขอบใจพวกข้านะที่ไม่รังแกเจ้าแต่ส่งเด็กสาวไปเล่นกับเจ้าแทน”
เหยียนเฮิงเหอไม่พูดโต้ตอบ เขาเพียงเก็บความรู้สึกรันทดเอาไว้ในใจ
“ฮูหนิว ทุบตีมันซะ ข้าจะนำอีกฝ่ายมาเป็นน้องชายข้า” หลิงฮันยิ้ม
“ได้เลย!” ฮูหนิวรีบกล่าวตอบ
“ช่างน่ารังเกียจ!” เหยียนเฮิงเหอเกรี้ยวกราด คิดว่าเขาเป็นหมาหรือแมวรึไงที่จะได้ติดตามคนอื่นง่ายเช่นนั้น? เขากำดาบแน่นและพุ่งเข้าสังหารหลิงฮันทันที
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือหนิว!” ร่างของฮูหนิวแวบหายไปปรากฏตรงหน้าเหยียนเฮิงเหอพร้อมกับปล่อยหมัดเล็กๆใส่อีกฝ่าย
เหยียนเฮิงเหอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนเป้าหมายดาบมายังฮูหนิว
นางคือศัตรูที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเมินเฉยอีกฝ่าย
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดทันที
เหยียนเฮิงเหอแข็งแกร่งสมคําร่ําลือ เขาสามารถตอบโต้ฮูหนิวได้อย่างสูสี อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ยังไม่พ่ายแพ้ ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขายังไม่ลืมว่าแม้แต่โครงกระดูกก่อนหน้านี้ก็ยังถูกฮูหนิวซัดจนพังทลาย
เหยียนเฮิงเหอรู้สึกอึดอัดในใจ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาทำได้แค่เพียงสูสีกับเด็กสาวตัวแค่นี้?
“ฮึ่ม!” เหยียนเฮิงเหอคำราม ในที่สุดเขาก็ใช้กระบวนท่า ดาบยาวในมือของเขากวัดแกว่งไปมา ตัวเขากับดาบราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกันและโจมตีใส่ฮูหนิว
ปราณดาบมากกว่ายี่สิบเล่มปรากฏขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว