Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 670
จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ปะทะกับเหล่าราชันซากศพเก้าตา ในขณะที่ราชันดาบปะทะกับจิ่วโหยวหวัง ส่วนราชันซากศพสิบสองดาวนั้นมันกำลังอยู่ในสภาวะพัฒนาร่าง
สถานการณ์กลายเป็นวิกฤต ถ้าจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์สามารถหลุดพ้นจากราชันซากศพเก้าตาและไปถ่วงเวลาจิ่วโหยวหวังได้ ราชันดาบก็จะมีโอกาสสังหารราชันซากศพสิบสองตาโดยใช้แก่นแท้แห่งดาบ
แต่ถ้ายังปล่อยให้เวลายืดยื้อมากเกินไปแล้วราชันซากศพพัฒนาไปจนถึงดวงตาสิบห้าดวง เมื่อถึงตอนนี้มันจะมีพลังเหนือกว่าทั้งราชันดาบและจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์
จอมยุทธมากมายเริ่มบินหนี การจะดูสถานการณ์ต่อไปเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป ถ้าเกิดนิกายพันศพเป็นฝ่ายชนะ ชีวิตของพวกเขาจะต้องจบสิ้นแน่นอนหากยังอยู่ที่นี่
หลิงฮันยังคงสงบนิ่ง เขามีหอคอยทมิฬอยู่ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงเขาก็ไม่หวาดกลัว
“ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครดีทั้งคู่ แต่ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะได้ขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหากปล่อยนิกายพันศพเอาไว้ ก็ต้องเกิดการสูญเสียชีวิตผู้คนมากมาย”
เขาตัดสินใจว่าในตอนนี้ดาบของเขาจะมีไว้ทิ่มแทงนิกายพันศพ
แต่ทว่าตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขาในสนามรบตอนนี้คือระดับทลายมิติ ถ้าเขาเข้าไปยุ่มย่ามผลลัพธ์เดียวที่เกิดขึ้นก็คือเขาจะกลายเป็นเศษฝุ่น!
“ข้าจะใช้กระดูกที่หล่นลงมาสาปแช่งมันได้รึไม่?” หลิงฮันจ้องมองไปยังราชันซากศพสิบสองตา ก่อนหน้านี้มันถูกจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์และราชันดาบโจมตีจนกระดูกหลายส่วนของมันตกหล่นลงมากองที่พื้น
ด้วยกระดูกจำนวนขนาดนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถสาปแช่งมันได้
ปัญหาก็คือเขาจะไปหยิบมันมาได้อย่างไร ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยคลื่นพลังอำนาจผันผวนของจอมยุทธระดับทลายมิติ ไม่ต้องพูดถึงตัวเขาที่มีกายหยาบเทียบเท่ากับระดับด้าวสู่เทวาเลย แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์มาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“รีบๆไปสู้กันไกลๆซักที” หลิงฮันคิดในใจ ถ้าคนพวกนนี้ไปสู้กันบนฟากฟ้าไกลๆ เขาจะมีโอกาสเข้าไปหยิบโครงกระดูกเหล่านั้นมาเพื่อสาปแช่งราชันซากศพได้
แม้อสูรยักษ์ตนนี้จะไม่ตาย แต่มันก็ต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่นอน
“ราชันอสรพิษมาร เจ้ายังไม่ออกมาอีก!” จู่ๆจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ก็ตะโกนออกมา
“เหอๆ เห็นว่าเจ้ากำลังสนุกอยู่ ข้าก็เลยไม่อยากจะรบกวนเจ้า” เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดกังขึ้นพร้อมกับร่างของชายชราที่ปรากฏตัวอย่างเงียบงัน ร่างกายของเขาโกงงอเล็กน้อย หากมองใกล้ๆจะพบว่าเขาไม่ได้หลังค่อม แต่ร่างของเขาบิดเป็นเกลียวเหมือนกับอสรพิษ
เบื้องหลังของเขาปรากฏเงาของอสรพิษยักษ์ และบนหัวของอสรพิษยักษ์ก็ส่องแสงสว่างที่ดุดันออกมา
ราชันอสรพิษมาร ตัวตนระดับทลายมิติของนิกายมังกรปฐพี!
“ราชันอสรพิษ ป้องกันการโจมตีของจิ่วโหยวหวังให้ข้า แล้วข้าจะไปจัดการกับราชันซากศพ!” ราชันดาบกล่าว สิ่งที่ต้องระวังในตอนนี้คือการพัฒนาของราชันซากศพ ถ้าหากมันบรรลุดวงตาสิบห้าดวงได้จริงๆ ตอนนั้นก็จะไม่มีใครสามารถจัดการมันได้
ราชันอสรพิษมารหัวเราะและพูด “เอาแบบนั้นก็ได้ มอบหมายหน้าที่นั้นให้ชายชราผู้นี้เอง” แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชันดาบจะไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เพื่อต่อต้านนิกายพันศพ เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องยืนเคียงบ่ากัน
ราชันดาบเคลื่อนไหวร่างลงไปทันที แม้จิ่วโหยวหวังต้องการจะหยุดแต่ราชันอสรพิษมารก็มาขวางเอาไว้ทันพอดี เมื่อหนึ่งฝ่ามือของเขาพุ่งออกไป แขนของได้เปลี่ยนเป็นอสรพิษขาวพันฟุตเข้าไปพัวพันกับจิ่วโหยวหวัง
ร่างของราชันดาบพุ่งลงมาและในขณะที่กำลังยื่นมือขวาออกไป ร่างของเขาก็ชะงัก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ราชันดาบ เจ้ามัวทำอะไรอยู่?” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ตะโกนออกมา
“ที่ข้าขัดขวางผีเฒ่าให้เจ้า ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าไปยืนเหม่อดูทิวทัศน์” ราชันอสรพิษมารพูดอย่างไม่พอใจ
จิ่วโหยวหวังแสยะยิ้มราวกับทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์แล้ว
หลิงฮันคิดในใจ นิกายพันศพได้วางแผนการมาเป็นเวลาพันปีโดยการใช้บ่อบาดาลใต้พิภพสร้างราชันซากศพขึ้นมา ด้วยความพยายามเช่นนั้น พวกเขาจะไม่เตรียมการอะไรเอาไว้ป้องกันเลยรึ?
สิ่งใดกันแน่ที่ราชันดาบพบเข้า?
“ออกมาซะ!” ราชันดาบมองไปยังบริเวณหนึ่ง ทันใดนั้นบริเวณดังกล่าวก็ปรากฏช่องว่างมิติขึ้นมา
“สมกับเป็นราชันดาบ ข้าเพียงแค่ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาเล็กน้อยก็ถูกเจ้าพบเสียแล้ว” ร่างหนึ่งปรากฏตัวจากท้องฟ้าที่ว่างเปล่าราวกับว่าเขาสามารถซ่อนตัวในอากาศได้
ชายคนนั้นสวมชุดคลุมปกปิดตั้งแต่ส่วนหัวยันส่วนเท้า ไม่มีใครสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขา ถ้าเขาไม่พูดออกมาก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย
แต่บางทีการฟังแค่เสียงก็เชื่อถือได้ไม่มากเช่นกัน เพราะจอมยุทธระดับสูงจะสามารถเปลี่ยนแปลงเสียงของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“มีพลังขนาดนั้นกลับยังซ่อนหัวซ่อนหางของตนเองเอาไว้ เจ้าต้องมีใบหน้าที่น่าเกลียดขนาดไหนกัน?” ราชันดาบพูดกับชายสวมชุดคลุม
ชายสวมชุดคลุมไม่สนใจ กลับกันเขากลับยอมรับคำสบประมาทของราชันดาบ “ถูกแล้ว ข้าน่าเกลียดเป็นอย่างมาก”
ที่เขาไม่สนใจอะไรก็เป็นเพราะหน้าที่ของเขาคือการหยุดคนที่จะเข้าใกล้ราชันซากศพเท่านั้น ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ลงมือกับราชันซากศพ เขาก็จะไม่ลงมือทำอะไร
ราชันดาบจ้องมองไปยังอีกฝ่าย ไม่ว่าจะดูอย่างไรชายชุดคลุมคนนี้ก็ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่กลับมีอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น
“เจ้าได้รับคำสั่งมาจากจิ่วโหยวหวัง?” ราชันดาบเอ่ยถาม
“นับว่าฉลาดไม่ได้น้อย” ชายชุดคลุมพยักหน้า หน้าที่ของเขาคือการถ่วงเวลา เขาไม่ได้รังเกียจอะไรที่ต้องพูดคุยกับราชันดาบ
“จิ่วโหยวหวังให้ผลประโยชน์แบบใดกับเจ้า พวกข้า…” ราชันดาบชี้นิ้วมาที่ตนเอง จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์และราชันอสรพิษมาร “สามารถให้เจ้าได้เป็นสองเท่า”
“ช่างเป็นคำพูดที่น่าสนใจ แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมอบให้ข้าได้” ชายชุดคลุมกล่าว
“ลองพูดมาก่อน พวกเราจะตัดสินเองว่าให้ได้หรือไม่” ราชันดาบหัวเราะ
ชายชุดคลุมหัวเราะและพูด “ช่างฉลาดยิ่งนักราชันดาบ คิดจะใช้คำพูดหลอกให้ข้าเผยตัวตน?” ยิ่งระดับพลังสูงเท่าไหร่ สมบัติที่ต้องการก็จะยิ่งหายากขึ้น ราชันดาบจะสามารถคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้จากคำขอของอีกฝ่าย
“แต่โชคร้ายที่ถึงแม้ข้าจะพูดออกไปเจ้าก็ไม่สามารถเดาได้”
“งั้นทำไมเจ้าไม่บอกข้ามาเสียเลยล่ะ?” ราชันดาบหัวเราะ
ชายชุดคลุมหยักไหล่และพูด “เมื่อเจ้าลงมือ เจ้าก็จะรู้เอง”
ราชันดาบจ้องไปยังชายชุดคลุม ผ่านไปชั่วขณะมือขวาของเขาก็กำดาบยาวแน่นและกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็ปะทุออกมา แม้ในยามปกติเขาจะดูแข็งแกร่งราวกับดาบไร้พ่ายที่ยังอยู่ในฝัก แต่ในตอนนี้ดาบได้ถูกชักออกจากฝักแล้ว
ชายชุดคลุมยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายืนหยุดนิ่งอย่างไร้แยแส
ราชันดาบลงมือ ‘ตูม’ ปราณดาบของเขาทะยานขึ้นสูงเสียงฟ้า ‘ปัง ปัง ปัง’ ดวงดาวถูกบดขยี้และกลายเป็นดาวตกอีกครั้ง
ทันใดนั้นเขาก็ลงมืออีกครั้งโดยใช้ปราณดาบโจมตีชายชุดคลุม แต่ทันใดนั้นชายชุดคลุมก็ตอบโต้ ร่างของแปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีดำพุ่งเข้าโอบล้อมราชันดาบ