Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 672
มีแค่ฮูหนิวเท่านั้นที่ไม่สนใจและพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับหลิงฮันของฮูหนิวได้ยังไง? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนิวจะกลืนกินสวรรค์!”
เปรี๊ยง!
บนท้องฟ้า เมฆสายฟ้าปรากฏออกพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง มีดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏและจ้องมองไปที่ฮูหนิว แต่มันเพียงแค่มองเท่านั้นก่อนที่ดวงตานั่นจะหายไปและเมฆสายฟ้าก็กระจัดกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว
นี่มัน!่
ทุกคนรู้สึกตกใจเกินกว่าจะพูด
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของฮูหนิวนั้นล่วงเกินสวรรค์ เนตรสวรรค์จึงปรากฏออกมาเพื่อตักเตือน นี่หมายความว่าเนตรสวรรค์จะลงโทษผู้ที่คิดจะล่วงเกิน
แต่ทว่าเนตรสวรรค์กลับเพียงแค่จ้องมองฮูหนิวและหายไป มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เนตรสวรรค์หวาดกลัวเลยหายไป!
ใครจะทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้กัน?
โชคดีที่ความสนใจของทุกคนจดจ่ออยู่ที่การต่อสู้ในระยะไกล แม้ว่าจะเห็นเมฆสายฟ้า แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นต้นตอถึงปัญหา มิฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นคงน่าตกใจกว่ารูปแบบอาคมสังหารที่สามเสียอีก
พรึบ หลิงฮันกลายเป็นสายฟ้าและมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขาผนึกภูติ
เขาไม่ได้เข้าไปเพื่อเป็นวีรบุรุษ เพียงแค่เข้าไปดูว่าเขาทำอะไรได้บ้าง และเพื่อเก็บชิ้นส่วนกระดูกของราชันซากศพเข้าไปในขวดหยกต้องสาปเพื่อลองใช้คำสาปดู
เขาจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีหอคอยทมิฬอยู่เลยไม่ต้องกังวลชีวิตของตัวเอง
ความเร็วของหลิงฮันนั้นรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็พุ่งออกไปหลายร้อยไมล์ และพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เขาไม่สามารถซ่อนตัวและเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครเพ่งความสนใจมาที่เขาก็ตาม
นอกจากนี้ ระยะห่างขนาดนี้บวกกับความผันผวนของการต่อสู้ ผู้คนที่อ่อนแอไม่มีทางมองเห็นแม้พวกเขาจะเพ่งสายตามองก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มันกลายเป็นซากปรักหักพักไปแล้ว การที่จะหากระดูกของราชันซากศพนั้น…เป็นเรื่องที่ยากมาก!
กระดูกส่วนใหญ่ถูกทำลายจนกลายเป็นเถ้าถ่านจากผลของการต่อสู้และส่วนที่เหลือถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัก การจะหาชิ้นส่วนของกระดูกเหมือนเป็นการงมหาเข็มในมหาสมุทร และเพื่อที่จะใช้คำสาปกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างราชันซากศพ แค่เศษกระดูกชิ้นเล็กๆจะเพียงพอได้อย่างไร?
ไม่เพียงแค่เขาต้องหาชิ้นส่วนของมันให้เจอเท่านั้น แต่ต้องหาให้เจอมากๆด้วย
หลิงฮันออกค้นหาด้วยความยากลำบาก อย่างแรกมันเป็นเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร อย่างที่สองเขาต้องระวังผลพวงจากการต่อสู้ที่อยู่บนท้องฟ้า และเรื่องที่น่าหดหู่ใจมากที่สุดคือผลพวงจากการต่อสู้จะทำให้ซากปรักหักพังในหุบเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาจะต้องเริ่มค้นหาใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความยากลำบากให้เขามากขึ้นไปอีก
มันน่าหดหู่มาก
แต่เขาจะเอาแต่หดหู่ไม่ได้ หลิงฮันยังคงค้นหามัน
บนท้องฟ้า การต่อสู้ที่ดุเดือดยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด
จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับราชันซากศพทั้งเจ็ดร่าง แม้ว่าพลังต่อสู้ของนางจะเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ราชันซากศพทั้งเจ็ดร่างเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านาง
ในที่สุดจอมยุทธระดับทลายมิติก็ระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาด้วยความโกรธ จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์เก็บดาบ และร่างกายของนางทั้งร่างกลายเป็นวิหคสวรรค์สีเขียวที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีความสูงเพียงแค่สามฟุตเท่านั้น ปีกที่กางออกมามีความยาวห้าฟุตและลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีคราม แล้วพุ่งเข้าหาราชันซากศพทั้งเจ็ดร่าง
เมื่อเปลวไฟโหมกระหน่ำใส่ราชันซากศพทั้งเจ็ดร่าง พวกมันไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถดับไฟได้ก็ตาม
ถ้าเปลี่ยนพวกมันเป็นจอมยุทธ พวกมันคงจะหนีไปแล้ว ถึงแม้ว่าราชันซากศพจะมีสติปัญญา แต่มันก็รู้เพียงแค่การต่อสู้เท่านั้น ซึ่งไม่แตกต่างจากทหารซากศพทั่วไป
“เอาล่ะ รูปแบบอาคมสังหารที่สามจะรั้งข้าไว้ได้หรือไม่?” ในขณะนั้น ราชันดาบเริ่มที่จะแสดงความสามารถของเขา ดาบของเขาส่งเสียงหึ่งและภายในรัศมีหนึ่งพันไมล์อาวุธของทุกคนหลุดออกจากมือและพุ่งเข้าไปในหมอกดำ
“ดาบของข้า!”
“กระบี่ของข้า!”
“หอกของข้า!”
ทุกคนอุทานออกมา พวกเขาทุกคนจะเสียการควบคุมอาวุธของตัวเองพร้อมกันได้อย่างไร? แม้แต่อาวุธที่ถูกเก็บอยู่ในแหวนมิติ พวกเขายังรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวราวกับว่ามันพยายามที่จะฝ่าออกมาจากแหวนมิติ
เกิดอะไรขึ้น?
“แก่นแท้แห่งดาบ! นั่นคือแก่นแท้แห่งดาบ!”
“ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดบนโลกเป็นของเขา!”
“อะไรกัน แล้วข้าจะต่อสู้ได้อย่างไรเมื่อพบกับคนที่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ? แม้แต่จะจับอาวุธยังทำไม่ได้เลย”
“ไร้สาระ ผู้ที่สามารถสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้ไม่ใช่ว่าเป็นจอมยุทธที่ไร้พ่ายหรือไง? แม้จะจับอาวุธได้เจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขา”
บนท้องฟ้าอาวุธหลากหลายประเภทหันหน้าไปในทิศทางของหมอกดำ ราวกับดาบนับฟันเล่มกำลังเข้าไปศิโรราบต่อราชันดาบ ชิ้ง อาวุธเหล่านั้นส่องแสงและแผ่เจตจำนงของจอมยุทธที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
นั่นเป็นเจตจำนงของราชันดาบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จสูงสุดของเขาในวิถีแห่งดาบ
ตู้ม!
เมื่อเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น หมอกสีดำเริ่มแตกสลาย หลังจากที่ราชันดาบเคลื่อนไหว รูปแบบอาคมสังหารที่สามก็ถูกทำลายโดยการผสมผสานการโจมตีระหว่างด้านในและด้านนอก
ตุบ ตุบ ตุบ บนท้องฟ้าอาวุธหลายพันชิ้นกลายเป็นเศษเหล็กและตกลงบนพื้น หมอกสีดำกลับมารวมตัวกลายเป็นชายเสื้อคลุมอีกครั้งและยืนอยู่บนท้องฟ้าดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ราชันดาบยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้ายังต้องการที่จะหยุดครั้งอีกงั้นรึ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จำเป็น” รูปแบบอาคมสังหารที่สามยิ้มเล็กน้อย “ภารกิจของข้านั้นเสร็จลุล่วงไปแล้ว”
ว่าไงนะ!
จอมยุทธระดับทลายมิติต่างมองลงไปยังเบื้องล่าง และเห็นว่าราชันซากศพมีความสูงเหลือแค่ห้าฟุตเท่านั้นและมีดวงตาสิบสี่ดวงอยู่บนหน้าผาก!
“ฮึ่ม แม้ว่ามันจะมีดวงตาสิบห้าดวง มันจะต้องตายในวันนี้!” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์กล่าวขณะห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงขณะที่ยังโจมตีใส่ราชันซากศพทั้งเจ็ดร่างอยู่
เมื่อเห็นเช่นนั้นจิ่วโหยวหวังกระดิกนิ้วมือ และราชันซากศพทั้งเจ็ดร่างกระโจนกลับเข้าไปในโลงศพของพวกมันทันที พวกมันไม่ต่อสู้อีกต่อไป
ราชันดาบจ้องมองไปที่ราชันซากศพที่อยู่เบื้องล่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น และกวัดแกว่งดาบเพื่อโจมตีใส่มัน รัศมีดาบที่มีความยาวกว่าหนึ่งพันฟุตถูกฟันออกมาและพุ่งไปที่หัวของราชันซากศพ
“หมื่นดาบรวมเป็นหนึ่ง!”
“บัดซบ!” หลิงฮันเค้นเสียงและรีบหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬ เขาจำทักษะนี้ได้ ทักษะดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายดาบสวรรค์ถูกใช้ออกมาโดยราชันดาบ ว่ากันว่าแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติสิบคนร่วมมือกันยังไม่กล้าที่จะรับการโจมตีนั้น
ราชันดาบโจมตีใส่ราชันซากศพ ผลพวงของการต่อสู้อาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อหลิงฮัน
ตู้ม รัศมีดาบอันน่าสะพรึงกลัวปะทะกับราชันซากศพ ราวกับว่าทวีปเทียนฮงถูกแยกออกเป็นสองส่วน และบนท้องฟ้าปรากฏเมฆสายฟ้าขึ้นอย่างกะทันหัน เนตรสวรรค์ปรากฏออกมาอีกครั้ง การโจมตีครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป รุนแรงพอที่จะทำลายล้างโลก ถึงขั้นเนตรสวรรค์ปรากฏออกมา
แคร๊ก!
แต่ทว่าในขณะนั้นเมื่อรัศมีดาบเข้าปะทะกับราชันซากศพ ราชันซากศพเพียงแค่ยื่นมือออกไปและจับรัศมีดาบนั่นเอาไว้
พรวด!
ในหอคอยทมิฬ หลิงฮันถึงขั้นสำลัก เขาตระหนักถึงพลังโจมตีของราชันดาบมากกว่าคนที่อยู่ที่นี่ ทักษะหมื่นดาบรวมเป็นหนึ่งแม้แต่กายาเพชรก็ไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้ แต่ราซันซากศพกลับรับมันได้ด้วยมือ!