Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 676
“ทุกคนที่ผ่านการทดสอบแรกให้ไปรายงานตัวที่สำนักสวรรค์” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์กล่าวกับผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง จากนั้นนางก็กระโจนและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ราชันดาบและราชันอสรพิษมารเองก็ติดตามนางไป ในที่สุดแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็หายไป ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างรู้สึกหายใจได้สะดวกสบายขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติปรากฏตัวอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ แต่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของพวกเขายังคงทำให้พวกเขาทุกคนตัวแข็งทื่อเหมือนหิน และหายใจได้ยากลำบาก
“ไปที่สำนักกันเถอะ” หลิงฮันกลับมารวมกลุ่มของเขาแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
เขาไม่ต้องการให้ใครรู้การมีอยู่ของขวดหยกต้องสาป แม้แต่ราชันซากศพสิบห้าตายังโดนคำสาป แล้วจอมยุทธระดับทลายมิติจะไม่รู้สึกอิจฉาเขาได้อย่างไร?
แม้ว่าขวดหยกต้องสาปจะทรงพลัง แต่มีข้อจำกัดในการใช้งานหลายอย่าง
ทุกคนเริ่มแห่กันไปที่สำนักสวรรค์ เนื่องจากนิกายพันศพทำให้เกิดเรื่องขึ้น การทดสอบรอบที่สองเลยถูกยกเลิก ทุกคนสามารถไปที่สำนักสวรรค์ด้วยกันได้
พวกเขากลับไปที่ภูเขาเก้ามังกรและเดินผ่านไปตู ซึ่งมีรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ครอบคลุมภูเขาเก้ามังกรไว้และทำให้มันกลายเป็นทะเลเมฆ เฉพาะผู้ที่มีเหรียญตราของสำนักเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปมาได้อย่างอิสระ
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นมาก เห็นได้ชัดว่าห้านิกายโบราณให้ความสำคัญกับพวกเขาแค่ไหน และพวกเขาใช้เวลามากในการสร้างสำนักสวรรค์ขึ้นมา ส่วนหลิงฮันแสยะยิ้มอยู่ในใจ รูปแบบอาคมขนาดใหญ่ยักษ์นี่จะต้องมีมานานแล้วมากกว่าหมื่นปีหรืออาจจะมากกว่านั้น
ว่ากันว่าประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเช่นนั้น ห้านิกายโบราณเห็นได้ชัดว่าเป็นนิกายชั่วร้ายที่สุดในทวีปเทียนฮง แต่ด้วยการล้างสมองมาเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำของทวีป
หลิงฮันไม่ได้คนอื่นเกี่ยวกับโฉมหน้าที่แท้จริงของห้านิกายโบราณ เขากลัวว่าบางคนอาจเก็บความลับไม่ได้และห้านิกายโบราณล่วงรู้เข้า
มีเพียงแค่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสามารถโค่นภูเขาทั้งห้าลูกลงมาได้
หลิงฮันเดินนำหน้าและเมื่อเดินผ่านประตู เขาเห็นวิหารลอยฟ้าหลายแห่ง มันเหมือนกับพระราชวังลอยฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“พลังปราณที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก!”
“ยอดเยี่ยมเลย อย่างน้อยมันต้องแข็งแกร่งกว่าโลกภายนอกสิบเท่า!”
“พระเจ้า ถ้าข้าฝึกฝนอยู่ที่นี่ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการใช้ผลึกก่อเกิดเลย!”
“และยิ่งไปอยู่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ พลังปราณยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น!”
ในไม่ช้าฝูงชนก็ค้นพบความลึกลับมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข เมื่อพวกเขาหันไปมองที่วิหารอีกครั้ง สีหน้าของพวกเขาแสดงออกแตกต่างกัน
ความสูงของวิหารแตกต่างกัน ความหนาแน่นของพลังปราณก็จะแตกต่างกัน ถ้าหากอาศัยอยู่ในสถานที่สูงและต่ำ อาจมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของความเร็วในการฝึกฝน
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างศิษย์ระดับสูงและศิษย์ทั่วไป?
ในเวลานั้นเอง หัวใจของผู้คนเริ่มรู้สึกได้ถึงการแข่งขันอันดุเดือด บนที่สูงมีวิหารอยู่แค่สิบกว่าแห่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าจะมีเพียงแค่คนสิบกว่าคนเท่านั้นที่จะได้ครอบครองวิหารเหล่านั้น
พรึบ ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากอากาศ และปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาออกมา ทำให้ทุกคนหยุดสิ่งที่กระทำอยู่ทันที
“จากนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทุกคนคือศิษย์ของสำนักสวรรค์” ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด
เขาจ้องมองไปที่ฝูงชนและพูดต่อว่า “พวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าพลังปราณในสถานที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์อย่างมาก และยิ่งสูงเท่าไหร่พลังปราณจะยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำนักสวรรค์มีกฎของสำนักสวรรค์ ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ระดับไหน พวกเจ้าจะสามารถฝึกฝนได้ทุกที่”
เขาหยุดพูดอีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนมีเวลาคิดแล้วพูดต่อว่า “สำนักสวรรค์จะมีการแบ่งศิษยืออกเป็นสี่ระดับ ศิษย์ระดับสวรรค์คือระดับสูงสุด ส่วนศิษย์ระดับเหลืองคือระดับต่ำสุด”
“ศิษย์ระดับสวรรค์สามารถอาศัยอยู่ในที่สูงสุดได้ ขณะที่ศิษย์ระดับเหลืองจะอาศัยอยู่ได้แค่ตีนเขาเท่านั้น”
“มันคุ้มค่าที่จะบอกพวกเจ้าว่าความหนาแน่นของกระแสพลังปราณที่ด้านบนนั้นมากกว่าตีนเขาถึงสิบเท่า!”
สิบเท่า!
ทุกคนรู้สึกตกใจ แม้ว่าความหนาแน่นของพลังปราณจะไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาเพิ่มขึ้นสิบเท่าก็ตาม
“โอ้ว จริงสิ เดิมทีพวกเจ้าจะถูกแบ่งระดับโดยการอ้างอิงจากการทดสอบรอบที่สอง แต่ว่าตอนนี้…ทุกคนคือระดับเหลือง!”
“ไม่ต้องกังวล!”
ชายชรายกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าอยากเป็นศิษย์ระดับดำ ระดับปฐพี และระดับปฐพี พวกเจ้าจะต้องพิสูจน์ตัวเอง พวกเจ้าเห็นวิหารพวกนั้นหรือไม่? ถ้ามีคนอาศัยอยู่ พวกเจ้าสามารถท้าทายคนคนนั้นได้ ถ้าเป็นฝ่ายชนะ มันจะเป็นของพวกเจ้าแทน ศิษย์ทั้งสี่ระดับไม่เพียงแต่จะอาศัยอยู่ที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง”
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเป็นศิษย์ระดับสวรรค์อาจมีอาจารย์ที่เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นคนสั่งสอนพวกเจ้า!”
ประโยคสุดท้ายทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง การมีจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นอาจารย์เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก
“ล…แล้วถ้าท้าทายคนอื่นแล้วเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ล่ะ?” ใครบางคนถาม
“พ่ายแพ้?” ชายชราชุดคลุมสีเขียวยิ้มออกมาและพูดว่า “แน่นอนว่าจะต้องมีผลตามมา!”
ทุกคนขบคิดอยู่ในใจ สิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจในตัวเองอาจทำให้เป็นฝ่ายถูกทุบตีหรือแม้แต่อาจถูกฆ่าและไม่มีใครรับผิดชอบ!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจท้าทายคนอื่นมั่วๆซั่วๆได้
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้พวกเจ้ายังทำการทดสอบรอบที่สองไม่เสร็จ ดังนั้นจึงมีวิหารระดับปฐพี ระดับดำหลายแห่งว่างอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องท้าทายผู้คนอื่นเพื่อครอบครอง” ชายชราชุดคลุมเขียวพูดอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ทุกคนสามารถยอมรับคำท้าสู้ได้มากสุดแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ถ้าพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บ พวกเขาสามารถปฏิเสธคำท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เวลานานสุดคือสามเดือน แต่พวกเจ้าสามารถปฏิเสธคำท้าได้แค่สองครั้งต่อปีเท่านั้น” ชายชราชุดคลุมเขียวยังคงพูดต่อ
ทุกคนพยักหน้า มิฉะนั้นมันคงจะไร้ความหมายถ้าถูกคนอื่นท้าสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เอาล่ะ เริ่มกันได้แล้ว” ชายชราชุดเขียวสะบัดมือ และร่างของเขาลอยเข้าไปในภูเขา
ทุกคนหันไปมองหน้ากันไปมา และรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่สามารถบินได้เพราะก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในที่แห่งนี้ สำนักไม่อนุญาตให้บิน ยกเว้นในระหว่างการต่อสู้
พวกเขาทุกคนต่างต้องการวิหารระดับปฐพีและระดับดำที่เหลือไม่กี่แห่งมาครอบครอง
เมื่อพวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดของถนน พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้าง ดวงตาของเขาปิดอยู่ราวกับกำลังนั่งสมาธิ
“ราชากระบี่น้อย!” บางคนอุทานออกมาอย่างกะทันหัน