Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 682
ณ วันแรกของการเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ เพื่อที่จะได้ครอบครองวิหารพำนัก มีศิษย์ไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตการการแย่งชิงอันโหดเหี้ยม
เส้นทางแห่งการฝึกยุทธก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องการจะปีนป่ายให้สูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีใครตกตะลึงและยอมรับสิ่งที่เกิดได้อย่างสงบนิ่ง
ที่จริงสำนักโบราณทั้งห้าก็ไม่ได้อย่างฝึกฝนให้เจ้าศิษย์เหล่านี้มากนัก ศิษย์ที่รับเข้ามาเป็นเพียงหินลับคมให้กับลูกศิษย์ของห้านิกายเท่านั้น บางคนที่มีหากมีพรสวรรค์ซ่อนเร้นเอาไว้ก็จะถูกนำขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นข้ารับใช้
แล้วศิษย์ที่รับมาครั้งนี้ยังเยอะกว่าที่คาดเอาไว้อีกด้วย หากมีศิษย์อ่อนแอที่ตกตายไปแล้วจะทำไม?
หลังจากพวกหลิงฮันกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็เริ่มสำรวจวิหารของตน แต่ดูเหมือนว่าราชันกระบี่น้อยจะไม่ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้มากนัก สิ่งเดียวที่ทำให้หลิงฮันพึงพอใจได้ก็คือเรือรบทองคำ
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยชิงมาได้ลำนึง แต่มันถูกหุ่นเชิดเพชรทำลายไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาได้เรือรบทองคำมาอีกลำหนึ่งซึ่งมันช่วยทดแทนความรู้สึกเจ็บปวดใจที่เสียลำก่อนหน้านี้ไปได้
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เรือรบทองคำคงไม่มีประโยชน์อะไรในด้านต่อสู้ แต่เขาก็สามารถใช้มันเพื่อประหยัดเวลาและแรงในการเดินทางได้
เมื่อคำคืนแรกผ่านไป วันรุ่งขึ้นหลิงฮันก็ตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก
เขาเปิดประตูออกไปและเห็นรุ่นเยาว์สี่คนยื่นอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าวิหาร ท่าทางของพวกเขาทั้งสี่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
หลิงฮันจ้องไปยังทั้งสี่คนและกล่าว “มีธุระอันใด? พวกเจ้าต้องการท้าประลองกับข้า? ถ้าเช่นนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลา พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันสี่คนเลย”
“เหอะ พวกเราไม่ได้มาท้าประลองเจ้า!” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลิงฮันกรอกตา
“พวกเราคือศิษย์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน!” รุ่นเยาว์คนที่สองกล่าว “อย่าคิดว่าเจ้าจัดการราชันกระบี่น้อยสำเร็จแล้วเจ้าจะเหิมเกริมได้ จงรู้เอาไว้ว่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายกระบี่ไร้เทียมทานไม่ใช่ราชันกระบี่น้อย!”
“ใช่แล้ว รอให้ศิษย์พี่ฉือออกมาจากการเก็บตัวก่อนเถอะ เขาจะสังเจ้าได้อย่างไม่ยากเย็น!”
“เตรียมใจไว้ให้ดี!”
ทั้งสี่คนตะคอกเสียงดังราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อหลิงฮัน
หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “โอ้ ”ข้าเกลียดคนที่รบกวนเวลานอนของข้าที่สุด ดูเหมือนข้าคงจะปล่อยให้พวกเจ้ากลับไปไม่ได้หากยังไม่ได้ทุบตี
“หยุดก่อน พวกเราไม่ได้มาท้าประลองกับเจ้า!” ทั้งสี่คนที่โบกมือปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อย่างไร?
หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “พวกเจ้าบุกมาสาปแช่งข้า แต่กลับพูดว่าไม่คิดจะท้าประลอง?” หลิงฮันก้าวไปด้านหน้าและปล่อยหมัดใส่ทั้งสี่คนคนละหมัด ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็ถูกซัดจนปลิวลอยกระเด็น
เขาคงยังมีความปรานี เขาแค่ต่อยพวกมันจนน่วมแต่ไม่ได้ลงมือสังหาร
“ฉือชิ่วเหริน?” หลิงฮันพึมพำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้ ย่าวหุยเยว่เคยกล่าวไว้ว่าฉือชิ่วเหรินคืออัจริยะอันดับหนึ่งของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน แต่เขาเป็นพวกทำตัวไม่โดดเด่นจึงไม่ค่อยมีชื่อเสียง เกรงว่าคงจะมีแค่เหล่าศิษย์ของห้านิกายโบราณเท่านั้นที่รู้จักเขา
“ข้าจะรอก็แล้วกัน”
หลิงฮันเดินเรื่อยเปื่อยไปรอบบริเวณภูเขาเก้ามังกร เขาไม่ได้ปิดความความคิดที่ว่าเขากำลังต้องการผู้ติดตาม
เพียงแต่ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะการก่อนสู้กับราชันกระบี่น้อยก่อนหน้านี้ แต่ศิษย์ทุกคนที่นี่ก็ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่หยิ่งทะนงในตนเอง เพราะงั้นจะให้พวกเขายอมรับใช้ผู้อื่นง่ายๆได้อย่างไร?
ตอนนี้ความคิดของทุกคนคือถ้าพวกเขาได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่เหมาะสม พวกเขาจะต้องไล่ตามหลิงฮันได้ทันแน่นอน
ด้วยการที่ทุกคนมีความคิดแบบนั้น แล้วขาจะโน้มน้าวพวกเขาได้อย่างไร?
จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงเองก็เริ่มเส้นทางของแต่ละคนแล้ว ทั้งสองคนได้ครอบครองวิหารระดับปฐพีและท้าประลองกันว่าใครจะเป็นฝ่ายได้ครอบครองวิหารระดับสวรรค์ก่อนกัน
อุปกรณ์สื่อสารของสำนักสะดวกสบายเป้นอย่างมาก ด้วยหินสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างนิกายโบราณทั้งห้าและเมืองใหญ่มากมาย ลูกศิษย์ของสำนักจะสามารถติดต่อกับตระกูลและอาจารย์ของตนได้ รวมถึงการส่งข่าวสารด้วย
ข่าวที่น่าสนใจที่สุดในวันนี้คือข่าวของจักรวรรดิจันทราม่วง
โดยปกติแล้วจะไม่มีใครเก็บขุมอำนาจนี้มาใส่ใจ พวกเขากล้าที่จะก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาในภูมิภาคกลางแห่งนี้? ไม่ใช่ว่านั่นคือการแส่หาความตายหรอกรึ? ก่อนหน้านี้ได้มีมีกองทัพจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามากมายบุกไปล้อมจู่โจมขุมอำนาจนี้ แต่พวกเขากลับต้องคว้าน้ำเหลวกลับมา ปรมาจารย์มากมายถูกจับตัวไปและต้องยอมยกธงขาวพ่ายแพ้ พวกเขาไม่ถูกปล่อยตัวกลับมาแต่ถูกนำไปเสริมเป็นกองกำลังให้กับจักรวรรดิจันทราม่วงแทน
ตอนนี้อำนาจของจักรวรรดิกำลังขยายใหญ่ขึ้น อาณาเขตของพวกเขาขยายกว้างขึ้นสิบเท่าในระเวลาอันสั้น
เพราะเป็นเช่นนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นที่เพ่งเล็งของห้านิกายโบราณในที่สุด ห้านิกายโบราณได้ส่งกองกำลังจอมยุทธระดับสวรรค์ไปบุกโจมตีพวกเขา
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาสามเดือนแล้ว ในตอนนี้ผลลัพธ์ของสงครามยังไม่ถูกส่งกลับมา บางทีพวกเขาอาจจะกำลังทำสงครามอันยืดยาวกันอยู่
หลิงฮันพยักหน้าหลังจากได้ยินข่าวนี้
หม่าตั้วเป่า… ชายคนนี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่ในเมื่อเขาตั้งใจจะเปิดสวรรค์ การก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาจึงไม่ใช่เรื่องบ้าบิ่นอะไร แต่ที่หลิงฮันสงสัยก็คือจู่ๆกองกำลังที่ทรงพลังของหม่าตั้วเป่าปรากฎขึ้นมาได้อย่างไร?
บางทีหม่าตั้วเป่าอาจจะไม่ใช่คนที่ลงมือต่อสู้เอง… แต่ผู้นำของเขาหรือเหล่ากองทัพล่ะโผล่มาจากไหน? มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรวบรวมจอมยุทธที่แข็งแกร่งให้มารวมตัวกันโดยมีจุดประสงเดียวกับเขา
ยกตัวอย่างเช่นหลิงฮัน ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขาพยายามรวบรวมผู้ติดตามแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับย่ำแย่อย่างมาก การจะรวบรวมผู้ติดตามได้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก ไม่ต้องพูดถึงการชักชวนคนให้เข้าร่วมการเปิดสวรรค์ซึ่งเป็นการกลายเป็นกบฏของทวีปฮงเทียนเลย
“หมอนั่นเป็นคนที่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย ในความคิดของเขาหม่าตั้วเป่าคือจอมอ้วนที่แสนเจ้าเล่ห์ คนเช่นนั้นจะชื่อชอบและดูมีเสน่ห์ในสายตาคนอื่นได้อย่างไร?
“ที่ข้าเกิดใหม่ในยุคสมัยนี้ มันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่?”
“ถ้าหม่าตั้วเป่ามีความสามารถพอที่จะปะทะกับห้านิกายโบราณจริงๆ งั้นข้าก็คงจะช่วยเขาอีกแรงดีกว่า ยังไงข้าก็ไม่มีความสนใจที่จะเป็นจักรพรรดิอยู่แล้ว เป้าหมายของข้าก็แค่ไม่อยากให้ทวีปแห่งนี้ล้มสลายก็เท่านั้น”
“ถ้าหม่าตั้วเป่ามีความสามารถเช่นนั้นจริงๆก็ให้เขาเป็นผู้นำแล้วกัน เมื่อข้าขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จข้าค่อยถอนตัวและไปตามหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์”
เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น ข่าวใหญ่ก็ถูกเผยแพร่ออกมา
กองกำลังที่ห้านิกายโบราณส่งไปโจมตีจักรวรรดิจันทราม่วงถูกทำลายจนพินาศย่อยยับ กองกำลังที่ส่งไปทั้งหมดคือกองกำลังที่นำโดยตัวตนระดับสวรรค์ถึงเจ็ดคน แต่หกคนกลับถูกกบดขยี้อย่างราบคาบหรือไม่ก็ถูกบังคับให้ยอมแพ้ มีเพียงหนึ่งคนที่หนีกลับมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเจียนตาย
ในที่สุดอำนาจของห้าโบราณก็เริ่มสั่นคลอน พวกเขาตัดสินใจส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป
สิ่งที่โชคร้ายคือเหล่าศิษย์ของสำนักสวรรค์ก็ถูกสั่งให้เข้าร่วมกับกองทัพด้วย