Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 693
“จักรพรรดิของข้า ให้ข้าเป็นคนจัดการเอง!” ราชินีหยินออกตัว “ถึงแม้ท่านจะกลายเป็นเจ้าอ้วนไปแล้ว แต่ท่านก็ยังเป็นจักรพรรดิของข้า เพราะงั้นข้าไม่อาจปล่อยให้ท่านเป็นผู้ลงมือเองได้!”
“อ้ายชิง…” หม่าตั้วเปารู้สึกปราบปลื้ม
“ราชินีผู้นี้เกลียดสตรีที่งดงามและแข็งแกร่งเป็นที่สุด!” ราชินีหยินกล่าว
มุมปากของหม่าตั้วเปากระตุก “อ้ายชิง เจ้าเองก็งดงามมากอยู่แล้ว ทำไมต้องไปสนใจเรื่องนั้นด้วย?”
อี้ชวงชวงยิ้มและกล่าว “ข้าเองก็คิดเสมอว่าตนเองเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเทียบกับสตรีผู้นี้ไม่ได้ เจ้าไม่คิดว่าเจ้าควรจะเกลียดนางมากกว่าข้ารึ?” อี้ชวงชวงชี้นิ้วไปยังจูเสวียนเอ๋อ
ราชินีหยินมองไปยังจูเสวียนเอ๋อและอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีตกตะลึงออกมา “จักรพรรดิของข้า สตรีผู้นี้งดงามยิ่งนัก ท่านต้องการจะรับนางมาเป็นจักรพรรดินีรึไม่?”
“โอ้ นางเป็นผู้หญิงของน้องชายตัวดำ ข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้!” หม่าตั้วเปาหัวเราะและมองไปยังอี้ชวงชวง “เจ้ามีกลิ่นอายบางอย่างที่ไม่ใช่ของคนบนโลกนี้”
“เหอะ เป็นเจ้าอ้วนที่รู้มากจริงๆ!” อี้ชวงชวงไม่ปฏิเสธ “พวกเจ้าถูกฝังอยู่ในโลงศพมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี แต่ข้าถูกผนึกมาแล้วเป็นเวลากว่าหนึ่งแสนปี”
“ข้าสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายจากเจ้า” หม่าตั้วเปากล่าว “ข้าคิดว่าหากต้องการจัดการกับเจ้า พวกเราจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี”
ราชินีหยินตกตะลึง นางรู้ถึงพลังของขุมอำนาจของพวกนางเป็นอย่างดี
อี้ชวงชวงปัดมือและกล่าว “ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานหรือความคิดชั่วร้ายอะไร ข้าแค่มาเดินเล่นเท่านั้น เพราะงั้นไม่ต้องมาสนใจข้าก็ได้”
“งั้นรึ?” หลิงฮันกรอกตามอง
“ฮิฮิ!” อี้ชวงชวงยิ้ม “แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น”
“เอาล่ะๆ น้องชายตัวดำ พวกเรามากินดื่มกันเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะมีคำถามมากมายอยากถามข้า” หม่าตั้วเปาหัวเราะ
ทุกคนเดินเข้าไปยังพระราชวัง หม่าตั้วเปาจัดเตรียมโต๊ะมาวางที่สวนจากนั้นก็นำพาให้ทุกคนนั่งลง
“น้องชายตัวดำ เจ้าอยากจะถามอะไร?”
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นคนของยุคสมัยไหน?”
“ฮ่าๆๆ เรื่องนี้เก็บเอาไว้ความลับไปก่อนแล้วกัน!” หม่าตั้วเปาส่ายหัว “เมื่อถึงเวลาที่แปดราชาตื่นขึ้นมาและปกครองโลกใบนี้ เจ้าก็จะรู้เอง”
เฟิงโปหยุนกล่าว “ในบริเวณดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว ข้าพบกับแมงมุมเงินยักษ์ที่น่าจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของสวรรค์และปฐพี… พลังต่อสู้ของมันเป็นไปได้ว่าเกือบจะเทียบเท่ากับระดับพระเจ้า”
“โอ้?” ดวงตาของหม่าตัวเปาส่องประกาย “ข้ากำลังขาดสัตว์ขี่อยู่พอดีเลย”
“ฮ่าๆๆ เจ้าอ้วนที่ขี่แมงมุมเนี่ยนะ แค่คิดภาพก็ตลกแล้ว” ราชาหยินหัวเราะลั่นออกมา
“แมงมุมยักษ์อาศัยอยู่ที่เหมืองโบราณ ภายใต้เหมืองโบราณมีจอมยุทธระดับทลายมิติอย่างน้อยร้อยคนถูกฝังเอาไว้ จอมยุทธเหล่านั้นยังไม่ตายแต่ดูเหมือนจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพกึ่งตาย” เฟิงโปหยุนกล่าวอีกครั้ง
ทันใดนั้นหม่าตั้วเปาก็แสดงสีหน้าตื่นตัว
ราชินีหยินหันหน้ามาและกล่าว “จักรพรรดิของข้า หรือว่าคนเหล่านั้นจะบ่มเพาะทักษะลับใต้พิภพที่เปลี่ยนร่างคนตายให้เป็นพระเจ้า?”
“เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หม่าตั้วเปาพยักหน้า “เรื่องนี้ชักจะยุ่งยากเล็กน้อยแล้วสิ”
“อะไรคือเปลี่ยนร่างคนตายให้เป็นพระเจ้า?” หลิงฮันถาม
“โลกนี้… จอมยุทธไม่สามารถกลายเป็นพระเจ้าได้อีกต่อไป เนื่องจากภัยพิบัติครั้งใหญ่” หม่าตั้วเปามองไปยังเฟิงโปหยุน “น้องชายเฟิงก็รู้สึกได้เช่นนั้นสินะ?”
“ไม่ผิด!” เฟิงโปหยุนพยักหน้า “พวกคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ยินยอมให้มนุษย์บรรลุสู่การเป็นพระเจ้า”
หม่าตั้วเปาประหลาดใจเล็กน้อย “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะรู้ความลับมากมายเช่นนี้” หม่าตั้วเปาชะงักไปชั่วขณะและพูดต่อ “แต่บางคนก็ไม่ได้เลือกเดินทางนั้น ในเมื่อไม่สามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านบนได้ ทำไมไม่เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดินแดนอื่นล่ะ?”
“ว่าไงนะ!” หลิงฮันและเฟิงโปหยุนอุทานพร้อมกัน มีเพียงอี้ชวงชวงเท่านั้นีที่ยังคงสงบนิ่งราวกับว่านางรู้อยู่แล้ว
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกที่ถูกเรียกว่าดินแดนใต้พิภพ!” หม่าตั้วเปากล่าว “มันคือดินแดนของเหล่าคนตาย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมีระดับที่ทัดเทียมกัน แต่จากข่าวลือที่ได้ยินมา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมักจะก่อสงครามกันบ่อยครั้ง ต่างฝ่ายต่างอยากจะกลืนกินอีกฝ่าย”
หลิงฮันและเฟิงโปหยุนนั่งนิ่งไร้คำพูด พวกเขากำลังพยายามยอมรับเรื่องราวอันน่าตกตะลึงนี้ช้าๆ
“ข้าไม่รู้เกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมากนัก แต่เมื่อจอมยุทธฝึกฝนจนก้าวผ่านระดับทลายมิติขั้นสูงสุด พวกเขาจะถูกส่งขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านบน แต่สำหรับดินแดนศักดิ์สทธิ์เบื้องล่างนั้น มีเพียงร่างกายที่ตายแล้วเท่านั้นถึงจะไปดินแดนใต้พิภพได้” หม่าตั้วเปากล่าวต่อ
“เหล่าจอมยุทธที่ถูกฝังอยู่ในเหมืองโบราณคงจะเปลี่ยนร่างของตนเองให้กลายเป็นคนตายเพื่อที่จะได้สามารถลงไปยังดินแดนใต้พิภพ”
หม่าตั้วเปาขมวดคิ้ว “เมื่อโลกใต้พิภพทำการติดต่อกับโลกใบนี้ พลังปราณอันชั่วร้ายจะเล็ดรอดเข้ามาและเกิดเป็นมหันตภัยอันน่าสะพรึงกลัวต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้”
หลิงฮันถอนหายใจ เรื่องราวกับชักจะน่าปวดหัวขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เขาครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าว “แล้วเรื่องเปิดสว…” หลิงฮันหยุดพูดกลางคันก่อนที่จะกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้เจ้าจงใจมาบอกให้ข้ารู้?”
หม่าตั้วเปาหัวเราะ “การจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ โชคชะตาที่ยิ่งใหญ่คือสิ่งจำเป็น”
“โชคชะตา?” หลิงฮันถามกลับ
หม่าตั้วเปากล่าว “ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนแต่ถูกกำหนดชะตาชีวิตเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหนีพ้นโชคชะตาของตนเองไปได้ อย่างเช่นบางคนถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นจักรพรรดิ แต่บางคนที่ไม่ถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจเป็นจักรพรรดิได้”
หม่าตั้วเปามองไปยังหลิงฮันและกล่าวต่อ “แต่ว่า… น้องชายตัวดำ โชคชะตาของเจ้าแปลกประหลาดและฝืนสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าโชคชะตาของเจ้าไม่ได้ถูกผูกมัดโดยสิ่งอื่นใด แม้แต่สวรรค์และปฐพีก็ไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของเจ้าได้!”
“ข้าก็คิดเหมือนกันว่าเจ้าหนุ่มนั่นแปลกประหลาด!” อี้ชวงชวงตบโต๊ะจนโต๊ะสั่นสะเทือน “ฮ่าๆๆ หรือว่าเจ้าจะไม่ใช่คนของโลกนี้?”
หากเกิดมาบนโลกนี้ โชคชะตาก็จะถูกกำหนดโดยสวรรค์และปฐพีของโลกนี้
“ฮูหนิวก็เช่นกัน โชคชะตาของนางไม่อาจถูกสวรรค์และปฐพีกำหนดได้” หม่าตั้วเปากล่าว “พวกเจ้าทั้งสองราวกับเป็นปลาที่กระโดดออกจากแม่น้ำแห่งสวรรค์และปฐพี พวกเจ้าจะไม่ได้รับอิทธิพลใดๆต่อสวรรค์และปฐพีของโลกใบนี้”
“เพราะงั้นถ้าเจ้าต้องการจะเปิดสวรรค์ เจ้าก็จะต้องเป็นศัตรูกับสวรรค์และปฐพี”
“แต่ถ้าเจ้าทำมันได้สำเร็จ เจ้าก็จะเป็นผู้ที่ช่วยพลักดันให้โลกใบนี้มีระดับที่สูงขึ้น”
หลิงฮันยังคงมีเรื่องที่สงสัยและถามออกไป “แล้วเรื่องพลังแห่งจักรภพล่ะ?”
“ถ้าหากประชากรทุกคนค่อยสนับสนุนเจ้า เจ้าก็จะได้รับพลังอันมหาศาลเพิ่มเติม พลังที่ได้รับนั้นตราบใดที่ร่างของเจ้าสามารถรองรับมันได้ มันก็สามารถเพิ่มขึ้นได้หลายสิบเท่าหรือหลายร้อยเท่า”
“แต่ถ้าประชากรไม่สนับสนุนเจ้า พลังแห่งจักรภพก็จะได้ผลตรงข้ามและส่งผลให้พลังของเจ้าลดลง”