Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 694
พลังจักรภพเป็นเหมือนดาบสองคม
ถ้าบริหารจัดการแคว้นได้ดี พลังจักรภพก็จะเป้นด้านบวกที่ช่วยให้พลังต่อสู้พุ่งทะยานขึ้น แต่ถ้าแคว้นถูกปกครองด้วยความเป็นเผด็จการ พลังจักรภพก็จะเป็นด้านลบ ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้น แต่ยังลดลงอีกด้วย
ดังนั้นห้านิกายโบราณจึงไม่คิดจะใช้พลังจักรภพ เพราะหากเวลาแห่งการหลอมเม็ดยามาถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งจักรภพอาจจะส่งผลต่อคุณภาพของเม็ดยาที่หลอมขึ้นมาได้
“น้องชายตัวดำ เจ้าจะช่วยข้าได้รึไม่?” หม่าตั้วเปายิ้มและมองหลิงฮันอย่างจริงใจ
คนที่หลุดออกจากห่วงโซ่แห่งโชคชะตานั้นหายากเป็นอย่างมาก และตอนนี้เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นมาถึงสองคน
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนที่จะตอบกลับไป “ตอนนี้ข้าคงต้องขอกลับไปยังสำนักสวรรค์ก่อน ข้าต้องชักจูงคนให้ออกมาจากการควบคุมของห้านิกายโบราณให้มากที่สุด เมื่อเวลามาถึง ข้าจะพาพวกเขามาที่จักรวรรดิจันทราม่วง”
“ยอดเยี่ยม!” หม่าตั้วเปายิ้มอย่างมีความสุข “ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นราชาคนที่เก้า!”
“ไม่ต้อง!” หลิงฮันรีบส่ายมือ “ข้าไม่สนใจอำนาจ และข้าก็ไม่ต้องการสวามิภักดิ์ต่อเจ้าอ้วนเช่นเจ้าด้วย ข้าเหมาะที่จะปลีกตัวเป็นอิสระมากกว่า”
ราชินีหยินยิ้มและมองไปยังหลิงฮัน “ราชินีผู้นี้ชอบคนเช่นเจ้า!”
“ห้ามยุ่งกับหลิงฮันของหนิวเด็ดขาด!” ฮูหนิวรีบกอดหลิงฮันแน่นและจ้องเขม็งไปยังราชินีหยิน
“ทุกคน เพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาติ โปรดช่วยกันด้วย” หม่าต้าเปากล่าว
เฟิงโปหยุนและหลิงฮันพยักหน้าในขณะอี้ชวงชวงนั่งหาว นางดูเหมือนจะสนใจแต่ก็ไม่สนใจ
“จักรพรรดิของข้า ห้านิกายโบราณสะสมกำลังพลมานานกว่าหมื่นปี พวกเขาสมควรมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคน ท่านมีไพ่ลับอะไรจะใช้ตอบโต้หรือไม่?” หลิงฮันถามถามอย่างหยอกล้อ
ท่าทางของหม่าตั้วเปาเต็มไปด้วยความมั่นใจและกล่าว “แปดราชาของข้านั้นแต่ละคนสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับทลายมิติได้หลายสิบคน เพราะงั้นไม่ต้องไปกลัวอะไรมาก สองสิ่งที่สิ่งที่ควรเป็นกังวลคือเมื่อตอนที่คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มลงมือกับการบ่มเพาะทักษะลับใต้พิภพที่อยู่ในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว!”
“นิกายพันศพเองก็ไม่สามารถดูแคลนได้” หลิงฮันกล่าว
“ไม่ต้องเป็นห่วง นิกายพันศพที่ยังสะสมอำนาจได้ไม่ถึงหนึ่งหมื่นปีนั้นไม่นับว่าเป็นอันใดได้” หม่าตั้วเป้ากล่าวอย่างไม่แยแส “เอาล่ะ มาดื่มกัน!”
ทุกคนเริ่มดื่มและเลิกพูดถึงเรื่องเปิดสวรรค์
หลิงฮันแอบถามหอคอยทมิฬในใจ “ที่โชคชะตาของข้าเปลี่ยนไปจนหลุดพ้นกฎของสวรรค์และปฐพีเป็นฝีมือของเจ้าใช่รึไม่?”
“แม้ข้าจะไม่ลงมือ แต่การที่เจ้ามีจิตวิญญาณสองดวงผสานกันในร่างเดียวก็สามารถทำให้ชะตาชีวิตของเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว” หอคอยทมิฬน้อยกล่าว “ยิ่งกว่านั้นกฎแห่งสวรรค์และปฐพีของโลกนี้ก็ยังไม่ถึงระดับที่เรียกว่าสมบูรณ์ เพราะงั้นเจ้าไม่ต้องตกตะลึงไป”
“เจ้ายังมีความลับอีกมากมายที่ยังไม่ได้บอกข้าสินะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม
หอคอยน้อยนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “เมื่อถึงเวลาที่ต้องรู้ ข้าจะบอกเจ้าเอง”
อาวุธวิญญาณชิ้นนี้ซ่อนความลับอะไรเอาไว้จริงๆด้วย!
หลิงฮันทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของหอคอยทมิฬ แต่เขาก็จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากหอคอยน้อย ไม่เช่นนั้นเขาก็จะทำได้แค่แวบเข้าแวบออกจากหอคอยทมิฬเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าอาวุธวิญญาณชิ้นนี้ยังไม่ยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์
หลิงฮันและหม่าตั้วเปาพูดคุยกันเป็นเวลานาน เขาบอกทุกสิ่งที่เขารู้จากจื่อเสวี่ยนเซียนให้อีกฝ่ายฟัง หม่าตั้วเปาเองก็บอกเล่าถึงวิธีเปิดสวรรค์และวิถีการให้อำนาจแห่งจักรภพให้เขาเช่นกัน
จักรวรรดิจันทราม่วงมีราชาที่แข็งแกร่งทั้งหมดแปดคน ตอนนี้มีแค่สี่คนเท่านั้นที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ส่วนอีกสี่คนไม่รู้ว่าพวกเขาถูกฝังเอาไว้ที่ไหนเนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านไป อย่างเช่นหลิงฮันเองก็ไม่รู้ถึงตำแหน่งของหุบเขาไร้ขอบเขตเช่นกัน การที่จะค้นหาราชาให้ครบแปดคนนั้นสำหรับหม่าตัวเป่าแล้วไม่ใช่งานที่ง่ายเลย
หลิงฮันเดินทางมาถึงขอบชายแดนของจักรวรรดิจันทราม่วงและมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักสวรรค์
อี้ชวงชวงและเฟิงโปหยุนเข้าปะทะกัน หลิงฮันจึงใช้โอกาสนี้หลบหนีออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไร สตรีผู้นี้ก็คงไม่มีทางตายง่ายๆแน่
เมื่อศิษย์ของสำนักเห็นหลิงฮันกลับมา ทุกคนล้วนชี้นิ้วมาที่เขาและซุบซิบกัน แววตาของพวกเขาไม่ใช่ความหวั่นเกรงแต่เป็นความเห็นอกเห็นใจ
เมื่อหลิงฮันพบกับ ‘หลี่ปากกว้าง’ เขาจึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงมองเขาเช่นนั้น
ฉือชิ่วเหรินกลับออกมาจากการเก็บตัวแล้ว!
แม้ตอนนี้ฉือชิ่วเหรินจะไม่ได้อยู่ในสำนักสวรรค์ แต่เขาก็ตระเวนท้าทายบุคคลอันมีชื่อเสียงมากมายไม่เว้นแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติ ทุกคนที่ประลองกับฉือชิ่วเหรินล้วนแต่ถูกสังหารด้วยกระบี่ของเขา
แต่ว่าระดับพลังของชายคนนี้… เป็นเพียงระดับตัวอ่อนวิญญาณเท่านั้น!
อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดอีกคน
เอาจริงๆแล้ว ราชันกระบี่น้อยนับว่าเทียบกับฉือชิ่วเหรินไม่ติดเลย
ฉือชิ่วเหรินประกาศเอาไว้ว่าเมื่อเขามาถึงสำนักสวรรค์ นั่นจะเป็นวันที่เขาจะลงมือสั่งสอนหลิงฮัน
ตอนนี้ลูกศิษย์ของห้านิกายโบราณต่างก็รอให้ฉือชิ่วเหรินมาถึงและสังหารหลิงฮันเพื่อกู้ชื่อเสียงของห้านิกายโบราณกลับมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลิงฮันทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ สำหรับเขาที่เป้าหมายคือการโลกเบื้องบน ฉือชิ่วเหรินย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขา
หลิงฮันมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ถ้าต้องต่อสู้กับจอมยุทธระดับเดียวกัน มีรึที่เขาจะพ่ายแพ้ใคร?
แต่ในตอนนี้เอง ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งก็แพร่กระจายออกมา เนื่องจากการต่อสู้อันรุนแรงของจักรวรรดิจันทราม่วงและห้านิกายโบราณได้ทำลายมิติของสวรรค์และปฐพี ประตูสู่โบราณสถานลี้ลับจึงปรากฏออกมา
ตอนนี้กองทัพทั้งสองได้หยุดการต่อสู้กันชั่วคราว พวกเขาส่งเหล่าปรมาจารย์เข้าไปในโบราณสถานเพื่อตรวจสอบสมบัติที่อยู่ภายใน
การที่ขุมกำลังทั้งสองต้องยอมหยุดยั้งสงครามชั่วคราวเพื่อตรวจสอบโบราณสถานที่ปรากฏออกมา สมบัติที่อยู่ในนั้นจะล้ำค่าขนาดไหนกัน?
เมื่อได้ยินข่าว เหล่าลูกศิษย์สำนักสวรรค์ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโบราณสถานแห่งนั้น
ภายในโบราณสถานนั้นพลังไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ทุกสิ่งล้วนแต่ขึ้นอยู่กับโชคชะตา
หลิงฮันก็ออกเดินทางเช่นกัน ยิ่งพลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการสมบัติที่เป็นทรัพยากรบ่มเพาะก็ยิ่งมากขึ้น การที่เขาบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และทักษะกายาเก้ามังกรทรราชทำให้เขาจำเป็นต้องได้พลังงานจากสวรรค์และปฐพีเป็นจำนวนมหาศาล
นอกจากสมบัติธรรมชาติแล้ว ในตอนนี้เขาก็กำลังขาดแคลนวัตถุดิบระดับสูงที่จะใช้ซ่อมแซมหอคอยทมิฬอยู่เช่นกัน