Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 703
ในวันนี้ พวกเขาพยายามเดินทางแบบหลบซ่อน
แม้ในที่นี้จะมีสัตว์อสูรไม่มาก แต่สัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งในระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย แม้แต่ระดับสวรรค์ก็ยังมี พวกมันแข็งแกร่งเกินไปจนพวกเขาต้องหลบๆซ่อนๆ
บางทีอาจจะมีแม้แต่สัตว์อสูรระดับทลายมิติ แต่เพียงแค่พวกมันไม่ปรากฏตัวออกมา
เนื่องจากพวกเขาเดินทางแบบหลบๆซ่อนๆ พวกเขาถึงไม่พบอันตรายใดๆเลยในระหว่างทาง เมื่อดวงอาทิตย์ตกดินและดวงจันทร์ปราฏขึ้นมา พวกเขาก็หยุดเดินทางเพื่อพักผ่อนอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ หนิวจับมันได้อีกแล้ว!” ฮูหนิวมีท่าทางตื่นเต้นในขณะที่กำหนูร่างอ้วนสีขาวไว้ในมือ
หนูขาวมองไปยังกลุ่มหลิงฮันด้วยความเขินอายราวกับว่ามันก็รู้ดีว่าที่มันถูกจับตัวได้อีกครั้งเป็นเพราะมันโลภเกินไป
หลิงฮันหัวเราะและคว้าหนูทองคำเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หนูทองคำวิ่งอย่างอิสระในหอคอยทมิฬ มันใช้จมูกสูดดมและมองไปยังสวนสมุนไพรที่มีขนาดกว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดในหอคอยทมิฬ โดยปกติแล้วหนูทองคำจะสนใจแค่เพียงแร่โลหะล้ำค่าที่ช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้น
แต่หนูทองคำตัวนี้นั้นต่างออกไป แม้มันจะชอบกินแร่โลหะเพื่อทำให้มันแข็งแกร่ง แต่มันก็มีนิสัยโลภมากอย่างเช่นการกินพืชสมุนไพรเช่นกัน อย่างเช่นก่อนหน้านี้มันโลภมากอยากกินเนื้อย่างและน้ำซุปจนถูกจับตัวได้
ด้วยสมุนไพรจำนวนมากตรงหน้า การกินของมันต้องเพลิดเพลินเป็นแน่
แต่ในขณะที่มันกำลังจะวิ่งเข้าไปในสวนสมุนไพร มันก็พบว่าอยู่ดีๆร่างของมันก็ไปปรากฏในกำมือของมนุษย์
“เจ้าหนูอ้วน เจ้าไม่อาจหลบหนีไปจากมือข้าได้” หลิงฮันยิ้มและปล่อยมืออีกครั้ง “ลองวิ่งหนีดูสิ”
หนูทองคำดื้อรั้นและรีบวิ่งหนีทันที มันตัดสินใจว่าจะกินสมุนไพรที่นี่ให้หมดเพื่อเยอะเย้ยมนุษย์คนนี้ แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของมันก็ไปปรากฏอยู่ในกำมือของหลิงฮันอีกครั้ง
งั้นก็หนีอีกรอบ!
รอบนี้มันเลือกที่จะขุดดินหนี และหลังจากที่ขุดไปได้ประมาณสิบกว่าไมล์ ใบหน้าของมนุษย์ก็มาปรากฏให้มันเห็นอีกครั้ง
คราวนี้มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง หางของมันตั้งตรงและล้มลงหงายท้องขึ้นฟ้า ราวกับจะสื่อว่าจำทำให้ข้าหวาดกลัวจนช็อกตายแล้ว
“ข้าดูเหมือนคนที่จะถูกหลอกง่ายๆ?” หลิงฮันหัวเราะและจับหางของหนูทองคำ “ไม่ต้องทำเป็นแกล้งตาย! มองดูซะ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย รวมไปถึงเนื้อสดๆที่แสนอร่อยของสัตว์อสูรด้วย”
เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวโน้มใจต่อ “เจ้ามาติดตามข้าเป็นอย่างไร? ถ้าทำเช่นนั้นเจ้าจะมีสมุนไพรและเนื้อให้กินอย่างไม่จำกัด!”
จี๊ด!
หนูอ้วนกลับมามีชีวิตและลุกขึ้นยืนสองขา มันส่งเสียงจี๊ดๆใส่หลิงฮันราวกับกำลังต่อรอง
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าแค่พยักหน้าตอบว่าเจ้าจะติดตามข้าหรือไม่ก็พอ” หลิงฮันทำเสียงเย็นชาราวกับปีศาจชั่วร้าย
สีหน้าของหนูอ้วนซีดขาวและรีบยอมจำนน
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว… หนูของข้า ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า ในเมื่อเจ้ามีรูปลักษณ์ที่อ้วนและชอบพกพาสมบัติล้ำค่าเหมือนกับใครบางคน งั้นข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าไป๋ตั้วเปา ส่วนชื่อเล่นของเจ้าคือเจ้าขาวน้อย”
หนุทองคำส่งเสียงร้องคัดค้าน มันไม่ได้อ้วนเสียหน่อย ที่เห็นกลมๆคือกล้ามเนื้อต่างหาก
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬพร้อมกับหนูทองคำและยิ้ม “เจ้าตัวเล็กนี่เป็นหนึ่งในสหายของเราแล้ว ชื่อของมันคือไป๋ตั้วเปา ชื่อเล่นคือเจ้าขาวน้อย”
จูเสวียนเอ๋อถอนหายใจให้กับนิสัยในการตั้งชื่อของหลิงฮัน นางไม่รู้ว่าถ้าหากในอนาคตหม่าตั้วเปามาเห็นหนู?องคำตัวนี้เขาจะทำหน้าอย่างไร
“น้องชายหลิงช่างยอดเยี่ยมนักที่สามารถทำให้หนูทองคำติดตามได้” เหวินเหรินเชียนเชียนถอนหายใจ เหยื่อที่ใช้ล่อคืออาหารของหลิงฮัน ส่วนหนูทองคำก็ถูกจับได้โดยฮูหนิวและมีหลิงฮันเป็นผู้ทำให้เชื่อง นางคงไม่มีสิทธิไปขอส่วนแบ่งผลประโยชน์ใดๆ
หนูทองคำไต่ขึ้นมานั่งบนไหล่ของหลิงฮัน ราวกับจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันแค่ขโมยไปแต่ไม่ได้กิน และตอนนี้ถึงเวลาที่มันจะได้กินแล้ว
หลิงฮันนำอาหารออกมาป้อนเจ้าหนูอ้วน ฮูหนิวอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้และจ้องเขม็งไปยังหนูทองคำจนทำให้มันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง
“หนูตัวนี้น่าจะยังเด็กอยู่” เจ้ากระต่ายกล่าว
“ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น?” ทุกคนถาม
ฮูหนิวพูดแทรกขึ้นมา “นั่นสิ ตัวของมันอ้วนขนาดนั้นแท้ๆ มันจะยังเด็กอยู่ได้อย่างไร!”
“หนูทองคำเต็มวัยจะมีขนสีทอง ขนของมันจะเป็นสีขาวก็ต่อเมื่อมันยังเด็กอยู่” เจ้ากระต่ายอธิบาย “ความสามารถในการค้นหาแร่สมบัติของหนูทองคำจะขึ้นอยู่กับอายุของมัน ยิ่งมันมีอายุเยอะ สมบัติที่มันสามารถตรวจจับได้ก็จะยิ่งล้ำค่า”
ที่ท้ำหนูอ้วนนี่ก็ยังเป็นเด็กอยู่นี่เอง ถึงว่าทำไมมันถึงมีนิสัยโลภมากและไม่ระมัดระวังตัวจนถูกหลอกง่ายๆเช่นนี้
จูเสวียนเอ๋ออุ้มหนูทองขึ้นมาอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ข้าอยากรู้ว่าครอบครัวของเจ้าขาวน้อยไปอยู่ไหนกัน ทำไมถึงได้ทิ้งเด็กน้อยเช่นนี้เอาไว้ตัวเดียว”
ฮูหนิวน้ำลายไหล “ยังมีหนูอ้วนอยู่อีกตั้งสองตัว”
“ฮ่าๆ ครอบครัวของมันคงจะตายไปตั้งนานแล้ว” เจ้ากระต่ายกล่าว “หนูทองคำเป็นสิ่งมีชีวิตพิเสษที่หายากเป็นอย่างยิ่ง ถึงพวกมันจะออกไข่มาแต่ถ้าหากไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แม้จะผ่านไปแสนหรือล้านปีไข่ก็จะไม่มีวันฟัก”
เรื่องนี้ทำให้ฮูหนิวผิดหวังมาก ความหวังที่จะได้ลองรสชาติหนูทองคำของนางสลายไปเสียแล้ว
หลังจากกินดื่มเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนไม่ก็บล่มเพาะพลัง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะพบเจอในวันพรุ่งนี้
หนูทองคำนั้นเซ่อเป็นอย่างมาก เมื่อมันหลับ ขาทั้งสี่ของมันได้ชี้ตรงขึ้นฟ้าและโกรนเสียงดังออกมา หลิงฮันต้องจับมันโยนเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อที่บรรยากาศจะได้สงบเงียบ
เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงทุกคนก็ออกเดินทาง หลิงฮันนำหนูทองคำออกมาด้วย เผื่อว่ามันจะพบเจอแร่ล้ำค่าระหว่างทาง
ซึ่งเจ้าหนูอ้วนก็ไม่ทำให้หลิงฮันผิดหวัด เพียงแค่วันเดียวมันก็หาแร่โลหะให้เขาได้ถึงสามชิ้น หนึ่งคือแร่โลหะระดับสี่ สองอันคือแร่โลหะระดับห้า
เมื่อค่ำคืนมาถึงอีกวันหนี่งก็ผ่านไป นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องพร้อมกับเงาสีดำที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
เมื่อทุกคนแหงนหน้าขึ้นไป พวกเขาก็พบว่ามันไม่ใช่เงาของก้อนเมฆแต่เป็นเงาของนกอินทรีย์ขนาดมหึมา ทั่วร่างของมันเป็นสีเขียวเข้ม สิ่งปกคลุมร่างของมันไม่ใช่ขนแต่เป็นเกล็ดที่ราวกับชุดเกราะ กลิ่นอายอันหนาวเหน็บถูกปลดปล่อยออกมาจากนกอินทรีย์ยักษ์
ร่างของทุกคนสั่นสะท้าน นกอินทรีย์บนหัวพวกเขาคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติที่แค่จ้องมองก็สามารถสังหารพวกเขาได้หลายร้อยรอบ