Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 705
ทันใดนั้น พื้นปฐพีแยกออกจากกันและมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่โผล่ออกมา มันมีรูปร่างคล้ายกับสิงโตที่มีความยาวสิบฟุตและสูงห้าฟุต ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ
แต่หางของมันนั้นแตกต่างกันมาก หางที่ยาวของมันตรงปลายเป็นเหมือนกับซังข้าวโพดที่ส่งกลิ่นหอมอันเลือนลางออกมาที่คล้ายคลึงกับสมุนไพร
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปอย่างมาก มันไม่ได้เป็นสมุนไพรล้ำค่าแต่อย่างใด แต่เป็นเหยื่อล่อของเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้
มันจงใจยื่นหางออกมาอย่างช้าๆเพื่อให้ทุกคนคิดว่าสมุนไพรต้นนี้กำลังจะงอกเงยเพื่อรวบรวมเหยื่อให้ได้มากที่สุดและจัดการในคราวเดียว นี่อาจอธิบายได้ว่าทำไมจอมยุทธระดับทลายมิติถึงไม่สนใจ “สมุนไพรล้ำค่า” นี้เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคนหยุดการต่อสู้ เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาทุกคนต่างมีท่าทีที่เปลี่ยนไป สัตว์อสูรระดับทลายมิติกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ แล้วพวกเขาจะสามารถหนีรอดไปได้อย่างนั้นหรือ?
“โฮกกก!” สัตว์อสูรตัวนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทำให้เกิดระลอกคลื่นเหมือนกับคลื่นยักษ์และเสียงดังเหมือนกับฟ้าร้อง และทำให้สภาพแวดล้อมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับมันต้องพังทลาย
โชคดีที่พวกเขาไม่เป็นอะไรมากนัก เพราะจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคงต่างล่าถอยออกไปใกล้พอพ้นรัศมีของมัน แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
พลังของระดับทลายมิตินั้นทรงพลังมากและการโจมตีนั่นสามารถทำลายดวงดาวได้
โชคดีที่พวกหลิงฮันอยู่ไกลพอที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากมัน แต่การดำรงอยู่ของมันทำให้บางคนหน้าซีดขาวและหายใจได้ยากลำบาก
สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนสี พวกเขาจะหยุดมันได้อย่างไร? สัตว์อสูรระดับทลายมิติกำลังเพ่งสายตามามองที่พวกเขาและเห็นพวกเขาเป็นเหยื่อของมัน!
“วิ่ง!”
ทุกคนรีบวิ่งหนีทันที เมื่อสัตว์อสูรเคลื่อนไหว มันได้กลืนกินจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคนเข้าไปในปากของมัน และเคี้ยวอยู่สักพักก่อนที่จะกลืนเข้าไปในท้อง
แม้ว่าทุกคนจะหนีไปในทุกทิศทุกทาง แต่จอมยุทธระดับทลายมิตินั้นรวดเร็วแค่ไหนกัน? หลังจากที่มันจัดการกินเหยื่อจากทั้งสามทิศทางเสร็จ เหลือเพียงแค่เหยื่อที่หนีไปทางทิศเหนือเท่านั้นที่หนีได้ไกลที่สุดกว่าหนึ่งร้อยไมล์
แน่นอนว่านั่นคือกลุ่มของหลิงฮัน
จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงอยู่ในกลุ่มของหลิงฮันเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสุดยอดอัจฉริยะอย่าง ย่าวหุยเยว่ และเจี่ยหมิงอยู่ด้วย พวกเขาต่างเลือกที่จะหนีมาในทิศทางนี้ เพราะถ้าพวกเขาหนีมาในทิศทางนี้ พวกเขามักจะพบกับกองหนุน
หลิงฮันถอนหายใจอยู่ในใจ มันเป็นเหมือนเรื่องเพ้อฝันที่จะเทียบความเร็วกับระดับทลายมิติ เขาเกรงว่าจะมีทางเลือกอย่างเดียวคือเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อช่วยชีวิตคนที่เขาห่วงใย
เจ้าหนูทองคำรู้สึกหวาดกลัวมากและแกล้งทำเป็นนอนตาย ร่างและหางของมันเหยียดตรง แต่ถูกฮูหนิวจับเอาไว้ นางหัวเราะขณะพูดว่า “เจ้าหนูนี่ตายแล้ว พวกเราจะกินมันได้แล้วหรือยัง?”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา เจ้าหนูทองคำลุกขึ้นมาดิ้นและส่งเสียงกรีดร้องคัดค้าน
เจ้ากระต่ายรู้สึกแบบเดียวกัน ขณะที่มันวิ่งมันพูดออกมาว่า “ตอนนี้เจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าแล้วหรือยัง?”
“หยุดพูดจาไร้สาระกันได้แล้ว รีบวิ่งให้ไวเพื่อชีวิตของเจ้า!” หลิงฮันกล่าว
นี่มันทำแบบนั้นได้เพราะเจ้ากระต่ายและฮูหนิวนั้นรวดเร็วอยู่แล้ว แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่ระดับทลายมิติ แต่สำหรับในสถานการณ์การหลบหนีมันขึ้นอยู่แค่ใครจะรวดเร็วกว่ากัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นสิงโตที่เหมาะสมให้ข้าได้นั่งขี่ยิ่งนัก!” ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวชุดม่วงปรากฏตัวออกมา และไม่มีใครสังเกตเห็นนางตอนปรากฏตัวออกมาแม้แต่คนเดียวราวกับว่านางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
นางยืนอยู่บนท้องฟ้า สายลมพัดผ่านกระโปรงยาวของนางและเท้าที่เปื่อยเปล่าอย่างกับหยกทำให้นางดูงดงามมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่น่าตกตะลึงคือมีแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่รอบตัวนางราวกับเทพธิดาได้ลงมายังโลกเบื้องล่าง
“โฮกกกกก!” สัตว์อสูรตัวนั้นหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน และจ้องมองไปที่หญิงสาวคนนั้นด้วยความระมัดระวัง
การที่ทำให้สัตว์อสูรระดับทลายมิติหวาดระแวงได้ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความก็สามารถคาดเดาได้ว่าหญิงสาวคนนี้ก็เป็นตัวตนระดับทลายมิติเหมือนกัน
อย่างย่าวหุยเยว่และเจี่ยหมิงที่เป็นศิษย์ที่ภาคภูมิใจของห้านิกายโบราณ พวกเขามักจะเห็นจอมยุทธระดับทลายมิติบ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับหญิงสาวคนนี้
หลิงฮันรู้สึกโล่งใจ นางคือราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่!
“เจ้าแมวน้อย จงสยบต่อข้าผู้นี้ซะ!” ราชินีหยินกระโจนออกไปและเริ่มโจมตีสัตว์อสูรตัวนั้น
พวกเขาได้ต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงจนทุกคนต้องถอยห่างอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาถูกลูกหลง มันเพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาให้ตายได้สักร้อยครั้ง
ในระยะไกลมีผู้คนร้อยคนกำลังมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับกองทัพ พวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึม และถือหอกยาวอยู่ในมือ
ระดับพลังพื้นฐานของพวกเขาคือจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา นั่นเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นกองทัพของใครบางคน แถวหน้าสุดมีคนถือธงสงครามอยู่ มันเป็นรูปมือชูพระจันทร์เสี้ยว
พวกเขาหยุดอยู่ด้านหน้าพื้นที่การต่อสู้อยู่ใกล้กว่ากลุ่มของหลิงฮันเสียอีก พวกเขาอยู่ใกล้กับระยะการต่อสู้อันรุนแรงระหว่างราชินีหยินและสิงโต เมื่อเกิดคลื่นพลังแผ่กระจายออกมา พวกเขาจะแทงหอกออกไปด้านหน้าด้วยพลังของคนร้อยคนสามารถยับยั้งคลื่นพลังที่แพร่กระจายออกมาได้
หลิงฮันคิดในใจว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของราชินีหยิน และมีเพียงแค่จักรวรรดิจันทราม่วงเท่านั้นที่สามารถรวบรวมพลังของทุกคนให้กลายเป็นหนึ่งได้
ราชินีหยินเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก นางต่อสู้กับเจ้าสิงโตนั้นด้วยท่าทีผ่อนคลายและดูมีความสุขอย่างกับเล่นกับแมวน้อย
ภายในร่างกายของนาง หลิงฮันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับราชันดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าสิงโตนั้นก็ถูกราชินีหยินกำราบอยู่กับพื้น มันพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ประโยชน์
ราชินีหยินนั่งลงอยู่บนหลังของมันด้วยท่าทางสง่างาม และโบกมือให้หลิงฮันและพูดว่า “หนุ่มรูปงาม จงมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้าผู้นี้ซะ!” นางเหยียดขาเรียวยาวของนางและดึงกระโปรงขึ้นมาถึงต้นขา