Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 712
ในขณะที่อีกสองคนกำลังสู้อยู่ใบหน้าของหยีเสวียนหมิงกลายเป็นบูดบึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไร้ความตื่นตระหนก อำนาจของตระกูลหยีทำให้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและหยิ่งยโส
ด้วยการหนุนหลังของจอมยุทธระดับทลายมิติสามคน นอกจากห้านิกายโบราณแล้ว จะมีซักกี่ขุมอำนาจเชียวที่เทียบเคียงขุมอำนาจของเขาได้?
ดังนั้นเขาจึงยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไม่หวาดหวั่นและเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องไม่มีกล้าลงมือกับเขา ที่จริงแล้วลุงเจ็ดก็เดินทางมากับเขาด้วย แต่ว่าเป็นตัวเขาเองที่ต้องการเดินทางคนเดียวและแยกตัวออกมา
สิ่งเดียวที่เขากังวลใจอยู่ก็คือถ้าหากเขาจัดการเหล่าคนตรงหน้าไม่ได้ ทั้งไข่มุขและสาวงามก็จะไม่มีวันตกเป็นของเขา
หยีเสวียนหมิงกล่าวอย่างเย็นชา “โอ้ คนแบบไหนกันที่เจ้าไม่ชอบ? ข้าจะลองรับฟังดูแล้วกัน”
หลิงฮันกล่าวตอบ “ข้าเกลียดคนที่ข้าไม่ชอบขี้หน้า”
หยีเสวียนหมิงเค้นเสียงตอบกลับอย่างดูถูก “เจ้ากำลังหยอกล้อข้า?”
“หยอกล้อ?” หลิงฮันยิ้ม “ข้าว่าเจ้าอย่าตีค่าตัวเองสูงเกินไปดีกว่า เจ้ามีค่าอะไรพอที่จะให้ข้าหยอกล้อเล่น?”
หยีเสวียนหมิงกล่าว “ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนว่าลุงเจ็ดเองก็เข้ามายังเขตแดนลี้ลับแห่งนี้กับข้าด้วย ถ้าเจ้าไม่ต้องการก็รีบลงไข่มุกมาและทิ้งสาวงามเอาไว้ซะ… รวมไปถึงแขนของเจ้าด้วย”
ยิ่งเขามองไปที่หลิงฮันมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ นั่นเพราะชายหนุ่มตรงหน้ากำลังโอบกอดเอวของจูเสวียนเอ๋อด้วยแขนข้างเดียว ซึ่งทำให้ตาของเขาลุกเป็นไฟ
“ช่างอวดดีจริงๆ” หลิงฮันมองไปยังหลี่เฟิงหยู่และยิ้ม “พี่ชายหลี่ ข้ามอบหน้าที่ทุบตีเจ้าหมอนี่ให้เจ้าเป็นอย่างไร?”
“ได้เลย ข้าจะเป็นคนจัดการกับมันเอง!” หลี่เฟิงหยู่พยักหน้า
มุมปากของจูเสวียนเอ๋อและหลี่ซือเชียนกระตุกราวกับว่าพวกนางเกือบจะสำลัก
“ท่านพี่ ท่านช่วยไม่พูดจาใหญ่โตโอ้อวดหน่อยจะได้รึไม่?” หลี่ซือเชียนกล่าว
หลี่เฟิงหยู่แสยะยิ้มและย่างเข้าไปหาหลี่เฟิงหยู่อย่างองอาจ
“เหอะ รนหาที่ตาย!” หลี่เฟิงหยู่ไม่หวาดหวั่นต่อคนที่อยู่ในระดับบุปผาผลิบานเท่ากัน เพราะอย่างไรเขาก็คืออัจฉริยะ!
เขานำดาบเล่มยาวออกมา มันคืออาวุธวิญญาณระดับหกซึ่งเป็นระดับเดียวกับกับพลังบ่มเพาะของเขา ทำให้เขาใช้พลังของมันออกมาได้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าหากไม่ใช่อาวุธที่บ่มเพาะขึ้นมาเองและมีเจตจำนงที่สลักเอาไว้ตรงกับผู้ใช้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถใช้พลังของอาวุธออกมาได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
หลี่เฟิงหยู่หัวเราะและสะบัดมือ “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
“ว่าไงนะ?” หยีเสวียนหมิงคำราม จิตสังหารปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ตอนนี้เขาที่เขาต้องการจะสังหารหมากที่สุดได้เปลี่ยนจากหลิงฮันมาเป็นหลี่ปากกว้างแทนแล้ว
“ตัวข้าคือกระบี่และดาบ ทักษะยุทธของข้านั้นเหนือกว่าเจ้า เพราะงั้นแล้วเจ้าจะมาเทียบกับข้าได้อย่างไร?” หลี่เฟิงหยู่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ มือของเขาสั่นไหวและปรากฎดาบกับกระบี่ออกมา
ว่าไงนะ!
หยีเสวียนหมิงโกรธจนเกือบจะบ้าตาย เจ้าหมอนี่กล้าหยอกล้อเขาเล่น? เขาคำรามและกวัดแกว่งดาบเข้าใส่หลี่เฟิงหยู่ ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ปราณดาบเก้าเล่มปรากฏออกมา พลังอำนาจของปราณดาบเหล่านั้นไม่อ่อนแอเลย
นั่นก็แน่อยู่แล้ว การที่เขาเป็นถึงลูกหลานของตัวตนระดับสวรรค์ พรสวรรค์ในวิถีวรยุทธของเขาย่อไม่อ่อนด้อย ปราณดาบเก้าเล่มนั้นเกือบจะควบแน่นกลายเป็นรัศมีได้แล้ว เมื่อเทียบกับพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานของเขาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งที่น่ายกย่องยิ่งนัก
แต่หลี่เฟิงหยู่ก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ ดาบและกระบี่ของเขากวัดแกว่งกลางอากาศปรากฏเป็นปราณดาบห้าเล่มและปราณกระบี่สี่เล่ม จำนวนปราณของเขาเท่ากับของหยีเสวียนหมิง
‘ตูม!’
การโจมตีของพวกเขาปะทะกัน ต่างคนต่างล่าถอยกลับไปหลายสิบเก้า ใบหน้าของทั้งสองเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ปรมาจารย์!
ทั้งสองต่างคิดในใจและมีท่าทีจริงจังกว่าเดิม นั่นเพราะหากเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง การก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียวจะนำพาไปสู่ความพ่ายแพ้
‘ตูม ตูม ตูม’ ทั้งสองเข้าปะทะกับอย่างดุเดือดอีกครั้ง
“เจ้าแข็งแกร่งไม่เลว!” หยีเสวียนหมิงกล่าว “แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
“เจ้าเองก็ไม่อ่อนแอ!” หลี่เฟิงหยู่กล่าว “แต่คนที่จะพ่ายแพ้จะหมดสภาพคือเจ้า!”
หลิงฮันถอนหายใจและพูด “สองคนนั้นคิดจริงๆรึว่าพวกเขาแข็งแกร่งจนถึงขั้นเป็นปรมาจารย์?”
จูเสวียนเอ๋อยิ้ม “ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่บนยอดเขาและมองเห็นเพียงว่าบนยอดเขามีเพียงพวกเขาสองคน พวกเขาไม่รู้ว่าถ้าหากพิชิตยอดเขาลูกนี้แล้ว จะพบกับภูเขาที่สูงยิ่งกว่า”
หลิงฮันหัวเราะ “เสวียนเอ๋อ เจ้านี่พูดจาเหมือนพวกนักปรัชญาเลย”
ตอนนี้มีสามคู่ที่กำลังต่อสู้อยู่ แต่หลิงฮันก็หาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย นอกจากการต่อสู้ของฮูหนิวที่พอจะน่าตื่นตาแล้ว การต่อสู้ของคนอื่นๆน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
“หมัดมังกรทะยานของหนิว!” เมื่อฮูหนิวกล่าวจบ ร่างเล็กๆของนางก็พุ่งทะยานและปล่อยหมัดเข้าใส่คางของหยางฉง ร่างของชายชรากระเด็นขึ้นฟ้าทันที ปากของเขาพ่นโลหิตและฟันหลายสิบซี่ออกมา
‘ตุบ’ เมื่อร่างของเขาหล่นสู่พื้นและลืมตาขึ้น เขาก็ไม่สามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลายเป็นขาวโพลน นั่นเพราะสมองของเขาได้รับความเสียหายโดยหมัดของฮูหนิว
“โอ้ ไม่นะ ฟันของเจ้าหลุดออกมาแบบนี้แล้วในอนาคตเจ้าจะกินเนื้อได้อย่างไร?” ฮูหนิวเกาหัวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าว “แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงเจ้าก็ต้องตายอยู่แล้ว เจ้าไม่โอกาสได้กินเนื้อหรอก!”
ความป่าเถื่อนของนางไม่เคยจางหายไป นางลงมือสังหารอีกฝ่ายทันที
“เฒ่าหยาง!” จูปี้อุทานออกมา หยางฉงนั้นมีพลังทัดเทียมกับเขาแต่กลับถูกสังหารอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของสาวน้อย ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหวาดผวาจนหัวใจสั่นสะท้าน
‘ฟุบ’ ฮูหนิวยังคงป่าเถื่อนไม่ลามือ แววตาของนางจับจ้องไปยังหยีเสวียนหมิงและพุ่งเข้าใส่ทันที ร่างของหยีเสวียนหมิงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆภายในพริบตา เหลือทิ้งเอาไว้เพียงเศษเนื้อและโลหิตที่สาดกระจาย
สาวน้อยชำเลืองมองมายังจูเสวียนเอ๋อและอ้าปากขู่ แววตาของนางส่องประกายอันโหดเหี้ยมพร้อมกับยกนิ้วที่แหลมคมและมีกลิ่นอายราวกับพยัคฆ์ขึ้นมา
หลิงฮันรีบคว้าร่างของจูเสวียนเอ๋อเอาไว้ “ฮูหนิว หยุดมือซะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังล้อเล่นอยู่รึไม่!”
“ไม่สนุกเลย!” ท่าทีอันโหดเหี้ยมของนางหายไปและกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักดังเดิม “หนิวไม่สังหารนางหรอก!”
เมื่อกี้จูเสวียนเอ่อหวาดกลัวไปชั่วขณะ นางไม่นึกเลยว่าเมื่อครู่จะเป็นเพียงการแกล้งของฮูหนิว
“นายน้อยฮัน เฒ่าชราหนีไปแล้ว!” เหยียนเฮิงเหอพุ่งกลับเข้ามาและพูดกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงขออภัย แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังแฝงไปด้วยความภูมิใจเล็กน้อย
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสามคนร่วมมือกันขับไล่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาให้หนีไปได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจ