Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 716
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ในสมัยก่อนมีอัจฉริยะมากมายหลายคน แต่มีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่สามารถสลักชื่อของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะติดอันดับที่เท่าไหร่ แต่ก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอยู่ดี
เจี่ยหมิงสามารถทิ้งชื่อของเขาเอาไว้ได้…ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
นี่เป็นสิ่งที่ทั้งตงหลิงเอ๋อและฉือชิ่วเหรินทำไม่สำเร็จ
เจี่ยหมิงยิ้มเยาะออกมาอย่างภาคภูมิใจและสลักชื่อของตัวเองลงบนแผ่นหิน หลังจากนั้นแผ่นหินก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งพร้อมกับรายชื่อ พวกเขาเห็นชื่อของเจี่ยหมิงอยู่ที่อันดับเก้าสิบเจ็ด ส่วนชื่อของคนที่ติดอันดับหนึ่งร้อยในก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปจากแผ่นหิน
อันดับเก้าสิบเจ็ดมากกว่าราชินีหยินสามอันดับ ตอนนี้อันดับของราชินีหยินตกไปอยู่ที่อันดับหนึ่งร้อยแล้ว
เจี่ยหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจกับความสำเร็จ แต่เขาก็ปรากฏรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากอย่างรวดเร็ว เขาเดินถอยหลังเล็กน้อยและหันไปสบตากับหลิงฮันด้วยท่าทางดูถูก
การมีชื่ออยู่บนแผ่นหินมันน่าทึ่งขนาดไหนน่ะหรือ?
เขาสามารถเทียบเคียงได้กับอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยก่อน!
“เซียนเซียน!” เจี่ยหมิงจ้องมองไปที่เหวินเหรินเซียนเซียนด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับว่าต้องการให้นางเข้ามากราบไหว้อยู่แทบเท้าของเขา
แม้ว่าเหวินเหรินเซียนเซียนจะตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป แต่นางกลับรู้สึกผิดหวังกับนิสัยของเจี่ยหมิงมากกว่า อัจฉริยะสามารถทำตัวเย่อหยิงได้ แต่ถ้าใครทำตัวเย่อหยิ่งมากเกินไปมันก็จะน่ารำคาญ
ดวงตาอันงดงามของนางจับจ้องไปที่หลิงฮัน เขาเองก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวเหมือนกัน และบางทีเขาอาจจะแสดงอะไรที่น่าทึ่งออกมาให้เห็น
จูเสวี่ยนเอ๋อ เหยียนเฮิงเหอ และคนอื่นก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อทดสอบทีละคน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าทึ่งเกิดขึ้น แม้ว่าสองพี่น้องหลี่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมสำนักสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้แผ่นหินเปล่งแสงออกมาได้
มีเพียงแค่จูเสวี่ยนเอ๋อกับเหยียนเฮิงเหอเท่านั้นที่ทำเสร็จ แต่สีที่พวกเขาทำให้แผ่นหินเปล่งแสงออกมาได้นั้นได้แค่สีม่วงเหมือนกับเหวินเหรินเซียนเซียน
อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี่ไม่ได้เป็นการทดสอบแค่ความสามารถด้านวรยุทธและพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะที่พวกเขาฝึกฝนด้วย และพวกเขาจะถูกเปรียบเทียบในระดับพลังเดียวกัน
ดังนั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจผลลัพธ์มากเกินไป อนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลายิ่งไปกว่านั้น นี่คือการจัดอันดับหลังจากที่เทคนิคบ่มเพาะพลังและทักษะยุทธถูกดันให้ไปอยู่จุดสูงสุด แม้กระทั่งอัจฉริยะที่เก่งกาจก็อาจไม่สามารถทำได้
เจ้ากระต่ายเองก็ทดสอบเหมือนกัน ผลลัพธ์ของมันน่าตะตกลึงมาก มันสามารถทำให้แผ่นหินเปล่งแสงสีแดงออกมาได้ นั่นหมายความว่ามันมีความสามารถมากกว่าฉือชิ่วเหรินและตงหลิงเอ๋อเสียอีก!
อย่างไรก็ตาม ตงหลิงเอ๋อและฉือชิ่วเหรินอาจยังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดออกมา นั่นเป็นเพราะพวกเขาอาจแค่ต้องการคุณสมบัติเข้าไปข้างในได้ก็เท่านั้น และมีหลายคนที่ไม่อยากแสดงพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาให้เห็น
“หลิงฮัน ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อย หลังจากที่เจ้าทดสอบเสร็จ ข้าจะฆ่าเจ้าอีกครั้ง!” เจี่ยหมิงหัวเราะ “แล้วเจ้าจะได้เห็นว่าช่องหว่างระหว่างข้ากับเจ้านั้นต่างกันแค่ไหนและเจ้าจะต้องตายไปพร้อมกับความเสียใจ นั่นคือจุดจบของเจ้า!”
“มันเป็นไปได้ด้วยหรือที่จะต่อสู้กันที่นี่?” ใครบางคนพูดกระซิบ
“ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กันที่นี่ หุ่นเชิดตัวนั้นจะเข้ามาแทรกแซง ถ้าเจ้าไม่ฟังมันอาจถูกฆ่าตาย และอาจมีบางคนที่ต้องได้รับความเดือดร้อน” ใครบางคนกล่าว
“เจี่ยหมิงอยู่ไกล เขาคงได้ยินไม่ชัดหรอก”
ถึงแม้เสียงสนทนาดังกล่าวจะเบา แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเจี่ยหมิงจะไม่ได้ยินได้อย่างไร? และช่วยไม่ได้ที่เขาจะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็น
การพูดแบบนั้นออกมา ไม่ใช่ว่ามันเป็นเหมือนกับการตบหน้าเขาหรอกหรือ?
หลิงฮันส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะ และเดินไปอยู่หน้าแผ่นหิน แล้วพูดว่า “กบที่อยู่ก้นบ่อยังมีชื่อติดเลย แล้วการทดสอบนี่มันจะยากเย็นแค่ไหนกันเชียว?”
“ปากดีนัก แล้วข้าจะรอดูผลการทดสอบของเจ้า” เจี่ยหมิงกล่าวอย่างเย็นชา
หลิงฮันวางมือลงบนแผ่นหินและใช้พลังของทักษะดาบสกัดแปดลมหายใจลงบนไปแผ่นหิน แต่แผ่นหินก็ไม่มีท่าทีว่าจะตอบสนอง เห็นได้ชัดว่าทักษะดาบนี่ไม่เพียงพอที่จะได้รับการยอมรับจากแผ่นหินแม้จะถูกผลักดันให้ไปอยู่จุดสูงสุดของทักษะแล้วก็ตาม
“หึ่ม!” เจี่ยหมิงเยาะเย้ย
“อย่าเพิ่งใจร้อน” หลิงฮันกล่าว
เจี่ยหมิงอยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าหลิงฮัน เขาอาศัยอยู่ในป่ามาเป็นเวลานาน และได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่ทุกวัน การฆ่าคนกับสัตว์อสูรนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยในสายตาของเขา ถ้าเขาไม่พอใจ เขาก็แค่ฆ่าทิ้งก็เท่านั้น
แต่เมื่อมองดูหุ่นเชิดเหล็กที่เฝ้าประตู เขาส่งเสียงกระแอมออกมาและระงับจิตสังหารภายในใจให้สงบลง ในตอนนี้เขายังไม่สามารถจัดการหุ่นเชิดตัวนี้ได้ รูปแบบอาคมบนหุ่นเชิดตัวนั้นมีความซับซ้อนมาก มันจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
“โอ้ว นี่เจ้าจะรีบลงมือหน่อยไม่ได้หรือไง อย่าให้คนที่ต่อแถวอยู่หลังเจ้าต้องรอนาน!” เจี่ยหมิงพูดตะโกน
“หึ่ม!” หลิงฮันกล่าวดูหมิ่น “ไม่แปลกใจที่เจ้าเป็นคนป่าเถื่อน อย่างไรก็ตามผู้คนต่างก็มีความตระหนักในตนเอง ไม่เหมือนกับพวกไม่มีการศึกษาที่ชอบพูดตะโกนทั้งวันเหมือนแตรสร้างความหนวกหูไปทั่ว”
ฮ่าฮ่าฮ่า หลายคนส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที แต่พวกเขาก็ต้องรีบปิดปากอย่างรวดเร็วกลัวว่าจะสร้างความเกลียดชังให้กับเจี่ยหมิง อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา และแน่นอนว่าเขาจะต้องมีพลังของระดับก้าวสู่เทวา จอมยุทธที่สามารถสยบเขาได้มีเพียงแค่ระดับทลายมิติหรือระดับสวรรค์เท่านั้น
มีจอมยุทธมากมายหลายคนอยู่บนโลก แต่จะมีพวกเขาสักกี่คนกันที่จะกล้าเผชิญหน้ากับห้านิกายโบราณ?
แน่นอนว่าเจี่ยหมิงมีคุณสมบัติที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง
หลิงฮันเปลี่ยนเป็นโคจรทักษะสามดาบเร้นลับอยู่ในห้วงวิญญาณ พรึบ แผ่นหินเปล่งแสงสว่างออกมาทันที แต่เป็นสีม่วง
นี่ทำให้หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทักษะสามดาบเร้นลับเป็นถึงทักษะดาบของนิกายดาบสวรรค์แต่ทำได้แค่ให้แผ่นหินเปล่งแสงสีม่วงออกมาแค่นั้น!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจี่ยหมิงหัวเราะเยาะออกมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของหลิงฮํนจะต้องทำให้แผ่นหินส่องแสงออกมาได้อย่างแน่นอน เขาสามารถเทียบได้กับฉือชิ่วเหรินและตงหลิงเอ๋อ แสงสีม่วงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะสามารถสลักชื่อลงบนแผ่นหินได้ มันยากเกินไปสำหรับคนอย่างเขา
เหวินเหรินเซียนเซียนและจูเสวี่ยนเอ๋อดูกังวลมาก แน่นอนว่าพวกนางว่าเป็นอย่างยิ่งว่าหลิงฮันจะเหนือกว่าเจี่ยหมิง แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ใบหน้าที่งดงามของพวกนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลิงฮันเปลี่ยนไปใช้เนตรแห่งสัจธรรม แสงที่เปล่งออกมาจากแผ่นหินเปลี่ยนไปทันที จากสีม่วงกลายเป็นสีเขียว
“หืม เขาเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเหมือนกัน การที่เขาสามารถทำให้แผ่นหินเปล่งแสงสีเขียวออกมาได้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงถูกเจี่ยหมิงหมายหัว”
“นี่เจ้าไม่รู้จักเขาจริงหรือ เจ้าไม่รู้จักหลิงฮันแห่งสำนักสวรรค์หรือไง?”
“นักปรุงยาระดับสวรรค์คนนั่นน่ะรึ?”
“ใช่แล้ว นอกจากเขาแล้วจะเป็นใครไปได้!”
“สัตว์ประหลาด! เขาไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จในศาสตร์ปรุงยาเท่านั้น แต่ยังเป็นจอมยุทธที่น่าหวาดกลัว นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่อีกรึ!”
ทุกคนต่างอุทานออกมา นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา
เจี่ยหมิงรู้สึกไม่พอใจอย่างหนักและส่งเสียงไม่พอใจออกมา ทำให้เสียงซุบซิบรอบตัวเขาเงียบหายไปทันที
เจี่ยหมิงคือรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยพรสวรรค์และในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีนิกายมังกรปฐพีหนุนหลังอยู่ พวกเขาไม่สามารถสังหารเขาได้ แน่นอนรวมถึงการทำให้เขาไม่พอใจ