Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 767
“หลิงฮัน เจ้าต้องคิดให้ดีเสียก่อน นี่เจ้าคิดจะสังหารพวกเขาจริงๆ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเข้ามาถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลิงฮันมองไปที่นางและกล่าว “เผ่าใต้สมุทรที่ยิ่งยโสเช่นนี้ ถ้าหากครั้งนี้ข้ายอมให้ ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าข้าก็ต้องยอมพวกเขาอีกรึ?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่ายหัว “แต่ตอนนี้พวกเรายังอ่อนแอเกินไป พวกเราต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะมีอำนาจต่อต้านพวกเขา”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าวตอบ “เจ้าไม่ได้ยินที่พวกเขาบอกว่าจะสังหารประชากรทั้งเมืองทิ้งรึไง? ถ้าข้ายอมปล่อยให้ใครมาทำอะไรกับคนในอาณาเขตของข้าตามอำเภอใจ ข้าจะยังเรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิอีกรึ?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่ายเป็นไร้คำพูดและชะงักไปชั่วขณะ “ครั้งต่อไป ตระกูลเซียนหยู่จะต้องส่งจอมยุทธระดับทลายมิติมาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”
“ไม่ต้องกังวล” หลิงฮันยิ้ม
เขาไม่หวาดกลัวจอมยุทธระดับทลายมิติ ด้วยพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ เขามีอากาสหนึ่งครั้งในการเพิ่มพลังต่อสู้ให้เท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ ถ้าเขาสามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติที่พวกเขาส่งมา เผ่าใต้สมุทรจะต้องคิดหนักก่อนลงมือครั้งต่อไปแน่นอน
แถมเขาก็ยังเข้าใจรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว หากเขาใช้งานมันได้เขาจะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธระดับทลายมิติไปโดยปริยาย
เขามุ่งหน้าไปยังบริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง เซียนหยู่เฉิงและหลานของเขาถูกจับตัวมาที่นี่ พวกเขาทั้งสองถูกมัดเอาไว้ด้วยโซ่และถูกบังคับให้นั่งอยู่ในท่าคุกเข่าบนแท่นสูง
นี่คือการลงโทษให้สาธารณะชนเห็น ก่อนหน้านี้จูหลงชิงและเฉียนเฟิงก็ถูกแซ่เฆี่ยนตีที่นี่
“เผ่ามนุษย์ การกระทำครั้งของเจ้าคือการแส่หาความตายใส่ตัว ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้!” เซียนหยู่ตงหมิงตะโกน “ข้าคือคนของตระกูลเซียนหยู่แห่งมหาสมุทรทางเหนือ ในอนาคตข้าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ถ้าเจ้าสัมผัสแม้เพียงเส้นผมข้า ตระกูลของข้าที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคนจะบุกมาที่นี่และบดขยี้พวกเจ้าหเป็นผุยผง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ประชาชนมากมายก็รู้สึกหวาดกลัวทันที จอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคน? นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
“จะตายแล้วก็ยังไม่สำนึก!” หลิงฮันเดินเข้าไปและตบเข้าที่ใบหน้าของเซียนหยู่ตงหมิง
เซียนหยู่เฉิงเข้าใจสถานการณ์นี่ นี่ไม่ใช่การลงโทษเพียงเพื่อข่มขู่ “เผ่ามนุษย์ ก่อนหน้านี้พวกเราอาจจะเสียมารยาทไปบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ได้มีเจตตาร้ายอันใด พวกเราแค่ต้องการตามหาสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น เอาแบบนี้เป็นไง? ถ้าเจ้าปล่อยพวกเราไปพวกเราจะจ่ายค่าชดใช้ให้เจ้าแน่นอน และถ้าเจ้าหาสตรีผู้นั้นให้พวกเราได้ พวกเราก็จะจ่ายค่าตอบแทนอีกครั้ง!”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เจ้าโง่รึเปล่า? พูดจาข่มขู่ข้าไว้ขนาดนั้นแต่ตอนนี้กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ไม่มีเจตนาร้ายงั้นรึ? ข้าเองก็ไม่มีเจตนาร้ายเช่นกัน ข้าแค่จะสังหารพวกเจ้าเท่านั้น”
‘เพี๊ยะ!’
หลิงฮันตบไปที่ใบหน้าของเซียนหยู่ตงหมิงอีกครั้ง จนอีกฝ่ายถึงกับมึนงง นี่ข้ายังไม่พูดอะไรเสียหน่อย แล้วเจ้าตบหน้าข้าทำไมกัน?
หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา “ในปราสาทของข้า เจ้าแสดงท่าทียิ่งยโสและออกคำสั่งต่อคนของข้าโดยพลการ ความอวดดีเช่นนั้นช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ”
“เผ่ามนุษย์ ทุกอย่างเป็นความผิดของเราเอง ช่วยเห็นแก่หน้าของตระกูลมหาอำนาจของมหาสมุทรทางเหนือและไว้ชีวิตพวกเราที!” คำพูดของเซียนหยู่เฉิงสุภาพขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่เขารักษาชีวิตเอาไว้ได้เขาก็จะมีโอกาสแก้แค้นอีกครั้ง
หลิงฮันหัวเราะและตบบ่าเซียนหยู่เฉิง “น้ำเสียงเจ้าฟังดูเข้าหูไม่น้อย ทำไมเจ้าไม่พูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกล่ะ? แต่น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่นำพาให้เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน นั่นเพราะสตรีที่เจ้ากำลังหาอยู่คือภรรยาของข้า!”
เซียนหยู่ตงหมิงชะงักไปซักพักก่อนจะตั้งสติได้ เจ้านี่เอง! ใครจะไปคิดว่าไม่ใช่แค่สตรีที่เขาตามหาจะอยู่ที่นี่ แต่ชู้ของนางก็ยังอยู่ตรงหน้าเขาด้วย!
“ประหาร!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชาและยกดาบสังหารขึ้น “จักรวรรดิต้าหลิงไม่อาจถูกล่วงเกิน ไม่ว่าผู้ลุกลามจะเป็นใครข้าก็จะสังหารมันให้สิ้น!”
‘ฟุบ’ ดาบเขาแทงทะลุเข้าหัวใจของทั้งสอง
“จักรพรรดิจงเจริญ!” เสี่ยงโห่ดังก้องกังวาลไปทั่วเมือง หลิงฮันได้แสดงเจตนารมณ์ในฐานะจักรพรรดิให้พวกเขาเห็นแล้ว จักรวรรดิต้าหลิงไม่เกรงกลัวต่อผู้บุกรุกใดๆ!
การประหารต่อหน้าสาธารณะชนทำให้ภาพลักษณ์ของหลิงฮันฝังลึกเข้าไปในจิตใจของผู้คน
เมื่อหลิงฮันกลับมายังปราสาทและกำลังจะพักผ่อน จู่ๆเขาก็ตื่นตัวและเอ่ยขึ้น “ใครกัน!”
“โอ้ ความรู้สึกไวจริงๆ ข้าแค่เผลอตัวชั่วครู่เข้าก็สัมผัสถึงร่องรอยของข้าได้แล้ว” ในขณะที่เสียงเอ่ยชมดังขึ้น หลิงฮันก็เห็นสตรีร่างงามผมแดงปรากฏตัวออกมา
นางคืออี้ชวงชวง ผมสีแดงของนางเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเหมือน
“เจ้า!” หลิงฮันแสดงสีหน้าเป็นกังวล อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับทลายมิติและมีความเป็นได้ได้สูงว่าจะเป็นตัวตนระดับสูง แม้เขาจะให้หอคอยทมิฬประเมินพลังของนาง หอคอยทมิฬก็ยังบอกว่าการจะต่อกรกับนางเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
“หืม ท่าทีแบบนั้นมันอะไร? เจ้าไม่ดีใจหรือไงที่ได้พบหน้าข้า?” อี้ชวงชวงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้าอุตส่าห์ลำบากลำบนเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือเจ้าแท้ๆ”
“โอ้?” หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่ยักกะรู้ว่าเจ้าเป็นคนดีเช่นนั้น!”
“เหอะ ถ้าข้าไม่ติดใจถึงความแปลกประหลาดของเจ้า ข้าก็ไม่คิดจะยุ่งกับเจ้าหรอก” อี้ชวงชวงแตะคางทำท่าทีครุ่นคิด “นอกจากนั้นก็ยังมีสาวน้อยคนนั้นอีก เด็กสาวคนนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ข้าอยากจะรับนางเป็นลูกศิษจริงๆ”
“ฮึ หนิวไม่ต้องการเสียหน่อย!” ฮูหนิวที่ไม่รู้ว่าจู่ๆโผล่มาจากไหนได้ทำท่าแลบลิ้นใส่อี้ชวงชวง
หลิงฮันโบกมือให้ฮูหนิวหยุดพูดก่อนที่จะกล่าว “แล้วเจ้าจะช่วยเหลือข้าอย่างไร?”
“ข้าจะช่วยเหลือเจ้าสองอย่าง อย่างแรกข้าจะยอมลดตัวเป็นจักรพรรดินีเพื่อช่วยเหลือเจ้า และอย่างที่สอง… สิ่งที่เจ้าเรียกว่าพลังแห่งจักรภพนั่น แค่ได้เห็นมันก็ทำให้ข้าหัวเราะแล้ว!” อี้ชวงชวงยิ้ม
“โอ้ งั้นช่วยแนะนำทีว่าพลังจักรพรรดิของอาณาจักรข้ามีอะไรผิดพลาด?” หลิงฮันกล่าวถาม