Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 774
ถนนที่ว่างเปล่ามีชายคนกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ มันจะดูเป็นเรื่องปกติได้อย่างไร?
พวกหลิงฮันหยุดเดินและมองไปที่ชายคนนั้น
ชายคนนี้อ่อนโยนเหมือนกับหยก เขาดูเหมือนจะมีอายุประมาณสามสิบปีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ และมีเส้นผมสีดำพาดอยู่บนไหล่
ชายคนนั้นหันมามองหลิงฮัน เขาวางถ้วยน้ำชาและพูดว่า “น้ำชาเป็นสิ่งที่ดี มันสามารถปลูกฝังความรู้สึกและชำระล้างจิตใจของเจ้าได้”
“ที่เจ้ากำลังนั่งดื่มชาอยู่กลางถนนเพื่อที่จะชวนข้าร่วมดื่มชาด้วย?” หลิงฮันยิ้มและเดินเข้าไปหา
ชายคนนั้นหยิบถ้วยชาจากถาดและเติมน้ำชาให้เต็มแก้วแล้วพูดว่า “ทำไมจะไม่ล่ะ?”
หลิงฮันดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงอยู่ด้านหน้าชายคนนั้น เขายกถ้วยชาขึ้นมาและสูดดมกลิ่นของมัน “มันชาที่หอมยิ่งนัก”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “นี่คือชาที่เกิดขึ้นจากฝนของมังกร ว่ากันว่ามีเพียงแค่ฝนของมังกรที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะทำให้ใบชานี้เติบโตขึ้นได้ และสามารถเก็บเกี่ยวได้แค่ครั้งเดียวในรอบหนึ่งร้อยปี ไม่มีใครรู้ว่าฝนของมังกรที่แท้จริงนั้นคืออะไร แต่ระดับความมีค่าของมันนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ และมันทำให้กลิ่นหอมของชาคงอยู่เป็นเวลานาน”
“ขอบคุณ!” หลิงฮันเริ่มจิบชา และในไม่ช้าคิ้วของเขาเริ่มผ่อนคลาย เขาควรปลูกต้นชาชั้นยอดแบบนี้ในหอคอยทมิฬ
“เชิญดื่มไม่ต้องเกรงใจ!” ชายคนนั้นยื่นมือออกมาและทำท่าเชิญชวน
หลิงฮันจิบน้ำชาได้สักพักก่อนที่จะวางถ้วยน้ำชาและพูดว่า “จะว่าไปข้ายังไม่ได้ถามชื่อของเจ้าเลย”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ข้าชื่อศพที่ยิ่งใหญ่”
พรวด!
หลิงฮันเกือบจะพ่นน้ำชาออกมา เขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับนิกายพันศพ
ไม่ว่าจะเป็นหลงไหเชวียนหรือผู้อาวุโสจิ่วต่างมีร่องรอยของปราณศพ แต่ชายคนนี้เป็นเหมือนกับนักกวีและดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับนิกายพันศพ
ตามที่ศพที่สองกล่าวมีศพที่แข็งแกร่งกว่าเขา…
แต่นี่ดูไม่เหมือนซากศพเลยแม้แต่น้อย มันไม่เหมือนกับศพที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่างน้อยศพควรจะเห็นร่องรอยของวัยชรา แต่นี่เหมือนกับเขากลับมาเกิดใหม่
“ข้าคิดไม่ถึงเลย!” หลิงฮันพูดด้วยความจริงใจ
ศพที่ยิ่งใหญ่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “โดยปกติแล้วข้าจะไม่ค่อยฆ่าคน แต่คนที่ข้าต้องลงมือฆ่า ข้าจะชวนดื่มชาก่อนที่จะลงมือ”
“หรือว่านี่จะเป็นน้ำชาถ้วยสุดท้ายในชีวิตของข้า?” หลิงฮันกล่าว
“เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้” ศพที่ยิ่งใหญ่พยักหน้า
“ข้าขอดื่มมันให้หมดก่อนได้หรือไม่?”
“แน่นอน!”
“เชิญ!”
“เชิญ!”
พวกเขาทั้งสองคนไม่เหมือนเป็นศัตรูกันเลยแม้แต่น้อย พวกเขาพูดคุยกันและหัวเราะด้วยกัน ศพที่ยิ่งใหญ่เป็นคนที่รอบรู้มาก ไม่ว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร พวกเขาก็สามารถพูดคุยกันได้และหลิงฮันก็ไม่ยอมแพ้ เขามีชีวิตมากกว่าสองร้อยปีในชีวิตที่แล้ว ความรู้ที่เขามีติดตัวมีน้อยคนนักที่เขาสามารถพูดคุยด้วยได้
เมื่อพูดไปดื่มชาไป ในไม่ช้าน้ำชาก็เริ่มที่จะหมดถ้วย
หลังจากที่ทั้งสองคนดื่มชาหมดถ้วย พวกเขาก็หยุดพูดคุยกันทันที
ศพที่ยิ่งใหญ่เริ่มเก็บอุปกรณ์และข้าวของเข้าไปในแหวนมิติ ในขณะเดียวกันหลิงฮันก็ลุกขึ้นยืนเพื่อให้อีกฝ่ายเก็บโต๊ะและเก้าอี้
“ถ้าเจ้าสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้สิบกระบวนท่า ครั้งงนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ศพที่ยิ่งใหญ่กล่าว
หลิงฮันไม่กล้าที่จะประมาท เขามองไม่เห็นระดับพลังของอีกฝ่าย ตามที่ศพที่สองกล่าว ศพที่ยิ่งใหญ่นั้นฝึกฝนบ่มเพาะพลังในดินแดนใต้พิภพ และเป็นไปได้มากว่าเขาจะทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว
สิบกระบวนท่า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะยืดหยันถึงกระบวนท่าสุดท้าย
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและรออีกฝ่าย
ศพที่ยิ่งใหญ่ดูผ่อนคลายและกระโจนใส่เข้าหาหลิงฮันทันที ตู้ม ท้องฟ้าและปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน ฝ่ามือยักษ์ปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน มันไม่มีอะไรที่น่าตกตะลึง มันเป็นเพียงแค่ฝ่ามือธรรมดาเท่านั้น
แต่พลังของฝ่ามือนี่เทียบได้กับจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับสวรรค์ และหลิงฮันฟันดาบออกไปเพื่อปะทะ ทว่าเมื่อปะทะกับฝ่ามือยักษ์ครั้งแรก มันทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านจนเลือดเกือบจะพุ่งออกมา
น่าทึ่งมาก กายหยาบของเขาที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้ายังได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งแรก
“กระบวนท่าที่สอง!” ศพที่ยิ่งใหญ่ใส่พลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่พลังทำลายล้างของมันเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะยังไม่ถีงระดับทลายมิติ แต่ก็ใกล้เคียง
ชายคนนี้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ!
เขาจะใส่พลังเข้าไปในการโจมตีทั้งสิบกระบวนท่าทีละนิด และคาดว่ากระบวนท่าที่สามเป็นต้นไปจะเป็นการโจมตีระดับทลายมิติ
หลิงฮันกระเด็นไปด้านหลังอีกครั้ง เขาเป็นเหมือนกับกระดาษที่ปลิวไปตามลม แต่แรงระเบิดที่น่าหวาดกลัวแบบนั้นครึ่งหนึ่งเขาสามารถบั่นทอนด้วยการโจมตีได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกายหยาบของเขายังคงรับไหว
“ความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่ม?” ศพที่ยิ่งใหญ่เผยให้เห็นว่าเขารู้สึกประหลาดใจมาก “ข้าไม่คิดเลยว่าระดับกายหยาบของเจ้าจะสูงขนาดนี้ แต่นี่เป็นเพียงแค่การโจมครั้งที่สองเท่านั้น” เขาเหวี่ยงมือขวาออกไปอีกครั้งและฝ่ามือที่สามก็พุ่งออกไป
คราวนี้มันเป็นการโจมตีระดับทลายมิติอย่างแน่นอน เพราะท้องฟ้าเริ่มสั่นสะเทือนและพื้นปฐพีเริ่มแตกแยก นี่คือพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ
หลิงฮันไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือขวาออกไปและดาบสั้นร้อยแปดเล่มถูกยิงออกไปก่อตัวเป็นรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี
ตู้ม!
ฝ่ามือยักษ์เหมือนจะปะทะกับอีกบางอย่าง และในไม่ช้ามังกรเหมันตร์ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นและป้องกันฝ่ามือยักษ์
“หืม?” ศพที่ยิ่งใหญ่รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งยิ่งนัก หรือว่าเจ้าจะเป็นปรมาจารย์รูปแบบอาคมด้วย?” ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่ชายหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบปี แต่ทว่าวิถียุทธของเขาไม่ได้น่าทึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ด้วย และตอนนี้ยังเกิดเรื่องที่น่าทึ่งขึ้นอีก อีกฝ่ายสามารถใช้รูปบบอาคมระดับสิบได้!
เขาประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
“ศพที่สองบอกว่าเจ้าอาจเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่กลับมาจุติใหม่ ว่ากันว่ามันมีดวงวิญญาณที่สามารถใช้พลังของชีวิตที่แล้วได้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง” ศพที่ยิ่งใหญ่กล่าว ถึงแม้ว่าหลิงฮันจะเริ่มเรียนรู้ทั้งสามศาสตร์ตั้งแต่เกิด แค่บรรลุจุดสูงสุดก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่นี่เขากลับเชี่ยวชาญทั้งสามศาสตร์
มันไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นนอกจากเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่กลับมาเกิดใหม่
กลับมาเกิดใหม่…เรื่องนี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!
เช่นเดียวกับเขาและศพที่สอง แม้ว่าร่างกายจะมีอายุนับแสนปี แต่ดวงวิญญาณไม่มีความเกี่ยวข้องกับร่างกายนั้นเลย
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่ดวงวิญญาณจะกลับมาเกิดใหม่ ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั้งโลกจะต้องตกตะลึง
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้ายังโจมตีได้อีกเจ็ดกระบวนท่า!”
ศพที่ยิ่งใหญ่เริ่มเคร่งขรึม และวางมือขวาที่หน้าอก และฝ่ามือของเขาเริ่มมีแสงสว่างถูกควบแน่นพร้อมกับอักขระมากมายที่ให้กลิ่นอายเก่าแก่
หรือว่านี่คือเจตจำนงแห่งเต๋าของเขา?
หลิงฮันรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังมากออกมา แต่เขาทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น เมื่อคิดแบบนั้น เขาเลยตัดสินใจและนำคันศรตะวันยอแสงออกมา
ต้านทานการโจมตีสิบกระบวนท่าก็คือต้านทานการโจมตีสิบกระบวนท่า แต่ไม่ได้บอกให้รอตั้งรับอย่างเดียวสักหน่อย
หลิงฮันใส่ลูกศรและเริ่มใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมเพื่อมองหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย