Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 827
ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาสำนักดาบสวรรค์มันเมื่อไหร่กันนะ?
สีหน้าของหลิงฮันดูมึนงง ราวกับเขาได้กลับมาเมื่อหมื่นปีก่อนอีกครั้ง ในตอนที่จักรพรรดิดาบเชิญเขามาที่นี่เพื่อหลอมเม็ดยาให้กับเขาแลกกับทักษะสามดาบเร้นลับ
แม้จะผ่านมาหมื่นปี แต่ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงราวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือเมื่อวาน
“หืม!”
เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มบินออกมาจากภูเขา
กลิ่นอายของพวกเขาแต่ละคนนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
ถ้าคนเหล่านั้นร่วมมือกัน ทวีปฮงเทียนจะล่มสลายในพริบตาได้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของเนตรแห่งสวรรค์ไม่น่าจะทำให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นและจะมีการแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของโลก
สำหรับเนตรแห่งสวรรค์แล้ว ตราบใดที่กฎระเบียนของโลกไม่ถูกทำลาย จะฆ่าคนไปสักกี่คนมันก็ไม่สนใจ
จักรพรรดินีแห่งวิหคอมตะและราชันอสรพิษมารต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว หากนับจำนวนของพวกเขาแล้ว มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคนอยู่ที่นี่ อาจเห็นได้ว่าห้านิกายโบราณต้องการที่จะจบเรื่องทั้งหมดกับจักรวรรดิจันทราม่วงที่นี่
หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง โลกจะสงบสุขหรือไม่?
แต่หลิงฮันก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง นี่มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรือ?
เมื่อเขาขบคิดอีกครั้ง จักรวรรดิจันทราม่วงทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าหม่าตั๋วเป่าจะไม่ได้เป็นคนลงมือแต่พวกเขาก็มาไกลถึงที่นี่ได้ และแปดราชันยังคงไร้พ่าย
“แขกจากแดนไกลเอ่ย ข้ายินดีต้อนรับคนที่หลงทางทุกคน และยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ!” ชายชราที่ดูใจดีคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขามีรูปร่างผอม เส้นผมสีขาวและมีหนวดเครา
ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา ราชันดาบและจักรพรรดินีวิหคอมตะก้าวถอยหลังและหลีกทางให้เขาทันที
ในขณะนั้นชายสี่และหญิงหนึ่งกำลังยืนอยู่เคียงข้างกัน และพวกดูแก่เฒ่ามาก
มันแปลกมากทั้งที่ห้านิกายโบราณมีหินหยุดเวลา ซึ่งสามารถผนึกชีวิตของพวกเขาได้ แล้วหลังจากการชำระล้าง พวกเขาก็จะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่กลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้าแล้ว พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า แต่ทำไมพวกเขาถึงดูแก่ขนาดนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นคือศัตรูที่ข้าต้องจัดการอย่างนั้นหรือ?” ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมหัวเราะเยาะ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ และยิ่งใช้เวลานานเท่าไร การที่จะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวหรือสูงกว่านั้นก็จะยากมากยิ่งขึ้น” ราชันเพลิงไพศาลกล่าว
“อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่พลังต่อสู้สิบสี่ดาบเป็นต้นไป การจะทะลวงผ่านแต่ละดาวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก!”
“แม้ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะมีชีวิตยาวนาน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ถ้าพวกเขามีพลังต่อสู้สิบสองดาวในวัยทอง การที่จะบรรลุพลังต่อสู้สิบสี่ดาบไม่แก่ตายเลยรึ”
ราชันทั้งแปดคนกล่าวอย่างไม่แยแส เหมือนไม่เห็นทั้งห้าคนอยู่ในสายตา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ยินมานานแล้วว่าแปดราชันเป็นวีรบุรุษที่อยู่ยงคงกระพัน ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้เจอสักที!” ชายชราคนเมื่อครู่ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่เขายิ้มออกมาและพูดว่า “พวกเรามาเดิมพันไหม?”
“กลุ่มคนที่ขี้แพ้อย่างพวกเจ้า มีคุณสมบัติอะไรที่จะเดิมพันกับแปดราชันอย่างพวกข้า?” แปดราชันหัวเราะเยาะ
“หรือว่าพวกเจ้าไม่กล้า?” ชายชรากล่าว
แม้ว่าแปดราชันจะเป็นคนกล้าหาญไม่หวาดกลัว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท
หม่าตั๋วเป่ายิ้มและพูดว่า “เจ้าจะต้องการเดิมพันอะไรอย่างนั้นรึ?”
“พวกเราทุกคนต่างก็เป็นจอมยุทธ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเดิมพันคือความแข็งแกร่ง” ชายชรายิ้มและกล่าวต่อว่า “พวกเราทั้งสองฝ่ายจะส่งคนออกมาฝ่ายละเก้าคนและต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้าฝ่ายใดชนะการต่อสู้ห้าครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายชนะการเดิมพัน!”
แปดราชันตกตะลึง ต่อสู้เก้ารอบ? เจ้าแน่ใจรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าแปดราชันบวกกับหม่าตั๋วเป่านั้นมีเก้าคน และพวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิจันทราม่วง
การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของจักรวรรดิจันทราม่วงก็ว่าได้
มันเป็นเรื่องโง่เขลาหรือไม่ที่นำจุดอ่อนของตัวเองมาท้าจุดแข็งของคนอื่น? แต่ภายในห้านิกายโบราณมีจิ้งจอกเฒ่าอยู่หลายคน แล้วพวกเขาจะทำตัวโง่เขลาแบบนั้นได้อย่างไร?
หม่าตั๋วเป่าถามต่อว่า “ถ้าชนะจะได้อะไร และถ้าแพ้จะเกิดอะไรขึ้น?”
นั่นแหละคือเรื่องสำคัญของการเดิมพัน
ชายชราพูดว่า “ถ้าพวกข้าแพ้ พวกข้ายินดีที่จะไปกับจักรวรรดิจันทราม่วง และพวกเจ้าจะทำอะไรกับพวกข้าก็ได้!”
คำพูดของเขาทำให้แปดราชันรู้สึกตกใจ
อีกฝ่ายสมองมีปัญหาหรือเปล่า?
หม่าตั๋วเป่ายิ้มและเหมือนจะไม่สนใจ แล้วพูดว่า “และถ้าพวกข้าแพ้ล่ะ?”
“ในหนึ่งร้อยปี พวกเจ้าห้ามเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น!” ชายชราชูนิ้ว
เงื่อนไขสำหรับการเดิมพันอาจกล่าวได้ว่าไม่ยุติธรรม ถ้าห้านิกายโบราณแพ้อีกฝ่ายจะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าจักรวรรดิจันทราม่วงแพ้พวกเขาห้ามเคลื่อนไหวแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น สำหรับคนทั่วไป หนึ่งร้อยปีอาจเป็นทั้งชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับจอมยุทธระดับทลายมิติ หนึ่งร้อยปีเหมือนกับสิบปีสำหรับคนธรรมดา
หม่าตั๋วเป่าแสดงสีหน้าบางอย่าง และสิ่งที่ห้านิกายโบราณพึ่งพาคือจำนวนของจอมยุทธระดับทลายมิติ อาจเรียกได้ว่ามดล้มช้างโดยเน้นจำนวนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด ไม่มีใครนอกจากตัวเขาเองที่รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน
แต่ตอนนี้ห้านิกายโบราณได้ละทิ้งข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนและเลือกที่จะต่อสู้กับพวกเขาหนึ่งต่อหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่โง่มาก!
แล้วอะไรคือเหตุผลที่แท้จริง?
ชายชราชูนิ้วอีกข้างและยิ้ม “อย่างไรก็ตาม พวกเรามีเงื่อไขอยู่หนึ่งข้อ!”
“นั่นคือเจ้าไม่สามารถต่อสู้ได้!”
หม่าตั๋วเป่าไม่สามารถต่อสู้ได้ ซึ่งทำให้จักรวรรดิจันทราม่วงสูญเสียกำลังหลักไป แต่ปัญหาคือแปดราชันแทบจะเป็นตัวตนไร้พ่าย จนถึงตอนนี้ นอกเหนือจากแมงมุมยักษ์สีเงินที่อยู่ในเหมืองโบราณของแคว้นอัคคี และอี้ชวงชวงแล้ว ไม่น่าจะมีใครที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวอีกแล้วใช่หรือไม่?
มันดูชอบมาพากล!
“เจ้ากล้าหรือไม่?” ชายชรากล่าว
หม่าตั๋วเป่าถอนหายใจเล็กน้อยและพยักหน้า “ก็ได้ ข้ายอมรับการเดิมพันนี้!”
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคน ตราบใดที่เขาสามารถกำจัดพวกมันได้เล็กน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ชายชรายิ้มและพูดว่า “เช่นนั้น การต่อสู้รอบแรกข้าจะส่งคนของข้าออกไปก่อน ส่วนการต่อสู้รอบต่อไปเจ้าเป็นคนส่งคนออกมาก่อน ตกลงหรือไม่?”
“อืม!” หม่าตั๋วเป่าพยักหน้าเห็นด้วย
“อันหยุน การต่อสู้รอบแรกเป็นของเจ้า” ชายชรากล่าว
“อืม!” ราชันดาบพยักหน้าและยืนอยู่บนยอดเขา “ราชันทั้งแปด ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า?”
“ข้าเอง!” ราชินีหยินปรากฏตัวออกมาและเข้าไปเผชิญหน้ากับราชันดาบ
การต่อสู้รอบแรก เห็นได้ชัดว่าผู้ชนะคือจักรวรรดิจันทราม่วง
แม้ราชันดาบจะแข็งแกร่งมากและเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่เขายังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าและมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเอ็ดดาวเท่านั้น แล้วเขาจะต่อกรกับราชินีหยินได้อย่างไร? ระดับมันห่างชั้นกันเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
“เชิญ!” ราชันดาบกล่าวพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ