Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 843
เห็นได้ชัดว่าไข่ใบนั้นมีค่ามากกว่าชาเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับฮูหนิวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกงงงวยมาก
ด้วยข้อสงสัยดังกล่าวที่อยู่ในใจ หลิงฮันได้เดินทางกลับไปที่ภูมิภาคเหนือ
ในตอนนี้ทั้งสี่ภูมิภาคได้รวมเป็นหนึ่งภายใต้การปกครองของจักรวรรดิต้าหลิง และด้วยนโยบายของจักรวรรดิต้าหลิงที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับทุกคน จึงทำให้จิตใจของผู้คนรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลิงฮันลองใช้พลังแห่งจักรภพ มันทำให้พลังต่อสู้ของเขาอยู่ที่ระดับทลายมิติเก้าดาว นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก!
พลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวนั้นถือว่าไม่เลว และมันอยู่เหนือกว่าระดับพลังของหลิงฮันมาก แต่นั่นเป็นเพราะกายหยาบของเขา ทำให้เขาสามารถแบกรับพลังของมันได้
ถ้าเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่น เมื่อใช้พลังแห่งจักรภพพวกเขาสามารถแบกรับพลังได้มากที่สุดแค่ระดับสวรรค์ยี่สิบดาว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแบกรับพลังได้มากกว่านั้น มิฉะนั้นร่างกายของพวกเขาจะระเบิดตายเสียก่อน แต่สำหรับหลิงฮันที่มีกายหยาบของเขาเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ ซึ่งเพียงพอที่จะแบกรับพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวได้
และนี่เกือบจะถึงขีดจำกัดที่กายหยาบของเขาสามารถแบกรับได้
ไม่แปลกที่หม่าตั๋วเป่าไม่ขยายอาณาเขตและเพิ่มจำนวนประชากร แม้เขาจะมีกายหยาบเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบเหมือนกัน แต่เขาสามารถแบกรับพลังได้มากสุดที่สิบดาว ดังนั้นสำหรับเขาแล้วมันจึงไม่มีความหมายที่จะขยายอาณาเขต
หลิงฮันไม่กังวลเรื่องพวกนั้น ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับมิติขีดจำกัดที่เขาสามารถแบกรับพลังแห่งจักรภพได้จะขนาดไหน?
ยี่สิบดาว? สามสิบดาว? ห้าสิบดาว?
หลิงฮันตระหนักว่าถ้าเขามีกายหยาบที่แข็งแกร่ง เมื่อรวมกับพลังแห่งจักรภพ มันทำให้เขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขาบ่มเพาะพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่ทำให้เขามีกายหยาบแข็งแกร่งขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น พลังวิญญาณของเขาในปัจจุบันเองก็แข็งแกร่งอย่างมาก อาจอยู่เหนือกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถควบคุมพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนความเข้าใจในวิถียุทธของเขาเองก็มีความก้าวหน้าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้ภายในหนึ่งปี!
จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงกลับมาพร้อมกับผู้คนจำนวนมาก ตอนนี้ห้านิกายโบราณได้ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าสำนักสวรรค์เองก็ไม่มีทางยืนหยัดได้ ศิษย์ของสำนักสวรรค์นั้นเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูง และเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เดิมทีห้านิกายโบราณมีจุดประสงค์ที่จะพาพวกเขาไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาทุกคนมีศักยภาพมากแค่ไหนที่ควรค่าแก่การอบรมสั่งสอน
ดังนั้นสิ่งที่หลิงฮันขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้คือทรัพยากรบ่มเพาะพลัง
ในขณะเดียวกันจักรวรรดิจันทราม่วงได้กระจายข่าวความจริงเกี่ยวกับการชำระล้างไปทุกที่ หลิงฮันเองก็ให้ความร่วมมือและบอกความจริงให้กับทุกคนทั้งสี่ทวีป ดังนั้นถ้าทุกคนต้องการหลีกเลี่ยงชะตากรรมเช่นนั้น มีเพียงแค่วิธีการเดียวคือการเปิดสวรรค์
ในตอนแรก แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ย่อมไม่เชื่อ นั่นเป็นเพราะพวกเขาถูกล้างสมองมาเป็นพันๆปี แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลักฐานเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจำนวนมากจึงเลือกที่จะเชื่อ
ยิ่งหัวใจของผู้คนรวมเป็นหนึ่งมาเท่าไหร่ จักรวรรดิก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
หม่าตั๋วเป่าเห็นด้วยกับหลิงฮันที่จะใช้เวลาหนึ่งปีสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดสวรรค์ ดังนั้นตลอดทั้งปีหลิงฮันจะมุ่งเน้นไปที่ยกระดับพลัง ถ้าหม่าตั๋วเป่าเปิดสวรรค์สำเร็จมันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ หลิงฮันจะเป็นคนทำแทน
นี่คือทางออกเดียวสำหรับทวีปฮงเทียน
หลิงฮันกำลังจะเปลี่ยนเทคนิคบ่มเพาะพลังที่เขาฝึกฝนอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้เลือกเทคนิคบ่มเพาะพลังของเผ่าใต้สมุทร แต่เลือกของห้านิกายโบราณ
นั่นเป็นเพราะเทคนิคบ่มเพาะพลังของเผ่าใต้สมุทรเหมาะสมสำหรับเผ่าใต้สมุทรเท่านั้น หลังจากที่ห้านิกายโบราณถูกทำลาย หม่าตั๋วเป่าเป็นคนที่ใจกว้างมากและให้หลิงฮันเข้าไปเลือกเทคนิคบ่มเพาะพลังได้ตามใจชอบ
ในตอนนี้ผู้คนที่เหลือรอดของห้านิกายโบราณยังคงหลบหนีอยู่เหมือนกับหนูข้างถนน แล้วพวกเขาจะกล้าปรากฏออกมาได้อย่างไร? สามเดือนต่อมา ทั้งทวีปกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และระดับพลังของหลิงฮันก็เพิ่มขึ้นสูงมาก เขาทะลวงผ่านระดับสวรรค์ขั้นสามแล้ว
แต่หลิงฮันก็เชื่อว่าถ้าเซียวเมี่ยวเหยียนปรากฏตัวออกมา เป้าหมายของนางจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!
– พวกเขาไม่กล้าที่จะไปกระตุกหนวดเสืออย่างหม่าตั๋วเป่า เพราะยังไงเขาก็เป็นรูปแบบอามคมสังหารที่หนึ่ง แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดการได้ พวกเขาก็สามารถส่งต่อให้ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จัดการได้ พวกเขาได้สื่อสารกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านช่องทางพิเศษเพื่อรายงานปัญหาต่างๆรวมถึงเรื่องเรือลำนั้น
หญิงสาวนั้นแข็งแกร่งมาก ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางจะต้องเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอน แล้วสมบัติที่คนอย่างนางต้องคอยปกป้องอยู่นั้นมันคืออะไรกันแน่?
ดังนั้น หลิงฮันจึงคิดว่าฮูหนิวอาจจะต้องตกเป็นเป้าหมายหลักของพวกมันอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังมีนิกายพันศพอยู่อีก แม้ตอนนี้พวกมันจะไม่เคลื่อนไหวก็ตาม
อีกหนึ่งเดือนผ่านไป และในที่สุดพวกมันก็ปรากฏตัวออกมา
เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางปรากฏตัวนอกเมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง พวกมันกระหน่ำโจมตีใส่ม่านพลังที่เกิดจากตราสัญลักษณ์ทำให้มันพังทลายลงทันที และทั้งสองคนเริ่มเข่นฆ่าผู้คนภายในเมือง
“หลิงฮัน เจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกรึ!” ทั้งสองคนตะโกน “ถ้าเจ้ายังไม่โผล่หัวออกมา พวกข้าจะฆ่าคนทั้งเมือง และถ้าเจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกพวกข้าก็จะฆ่าผู้คนเมืองอื่นทุกวัน! เจ้าอยากเห็นผู้คนจำนวนมากต้องตายเพราะเจ้าหรือไม่?”
“ไม่!” หลิงฮันเดินขึ้นไปในอากาศ และยืนประชันหน้ากับเซียวเมี่ยวเหยียน และพูดด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่า “ข้ามาแล้ว แต่อย่าได้คิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนที่พวกเจ้าได้จินตนาการเอาไว้จะดีกว่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางส่งเสียงหัวเราะ พวกเขาสืบมาแล้วว่าตอนนี้หม่าตั๋วเป่าอยู่ที่ไหน ถ้าหลิงฮันต้องการเรียกเขามาช่วย มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันกว่าเขาจะมาถึง
แล้วในช่วงเวลาสามวันนี้ พวกเขาจะสามารถฆ่าจอมยุทธระดับสวรรค์ได้กี่ร้อยรอบกัน?
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เร่งรีบที่จะลงมือ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยเวลาให้สูญเปล่า
“เจ้ามาจากที่ไหน?” เซียวเมี่ยวเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูโกรธเกรี้ยว
นางเป็นถึงอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์ แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างกับหนูข้างถนนคอยหลบหนี แล้วนางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้นางต้องการระบายความโกรธใส่หลิงฮัน ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮัน จักรวรรดิจันทราม่วงจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเดิมพันอย่างแน่นอนและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นเวลาร้อยปี
ดังนั้น นางจึงเกลียดชังหลิงฮันยิ่งกว่าหม่าตั๋วเป่า
หลิงฮันไม่ตอบคำถาม เขาเพียงแค่มองไปในระยะไกลและพูดว่า “จักรพรรดิจอมอสูร ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้วจะมัวซ่อนตัวอยู่ไปทำไม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเจอข้าได้ยังไงทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์?” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัวออกมาจากระยะไกลด้วยสีหน้ามึนงงและประหลาดใจ