Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 904
“เหว่ยเหว่ย เกิดอะไรขึ้น?” จื่อหยุนเอ๋อรีบถาม นางไม่ได้กังวลเรื่องยาพิษ แต่สงสัยสีหน้าที่หลี่เหว่ยเหว่ยแสดงออกมา
“มันอร่อยมาก!” หลี่เหว่ยเหว่ยพูดเสียงดังและรีบกินมันให้หมดทันที จากนั้นนางก็เห็นสายตาไปมองจานของจื่อหยุนเอ๋อราวกับต้องการกินส่วนของจื่อหยุนเอ๋อด้วย
จื่อหยุนเอ๋อหยิบเนื้อขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจและพูดว่า “มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลี่เหว่ยเหว่ยหันหน้าไปพูดกับหลิงฮันว่า “เจ้าโง่หลิง นำเนื้อส่วนที่เหลือมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แล้วท่านจะยอมแลกมันกับผลึกก่อเกิดไหมล่ะ?”
“แน่นอน!” หลี่เหว่ยเหว่ยพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด “รีบเอามาให้ข้าได้แล้ว ข้าอยากกินอีก!”
“ระวังน้ำหนักของท่านจะขึ้นเอานะ!” หลิงฮันพูดพรางหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่าข้าจะกินเท่าไหร่ ข้าก็ไม่มีทางอ้วนหรอก เพราะข้าเกิดมาพร้อมกับรูปร่างที่ดี!” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าวท่าทางภาคภูมิใจ
หลิงฮันหยิบเนื้อที่สุกแล้ววางลงบนจานของหลี่เหว่ยเหว่ย
เมื่อมองไปที่เนื้อที่อยู่ในจาน มันทำให้หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกมีความสุขมาก และรีบหยิบตะเกียบคีบเนื้อเข้าไปในปากทันที
จื่อหยุนเอ๋อยังคงรู้สึกสงสัย มันอร่อยขนาดนั้นเลยรึ?
หลี่เหว่ยเหว่ยเป็นคุณหนูสี่ของตระกูลผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แน่นอนนางจะต้องเคยกินอาหารอร่อยมามากมาย แต่ตอนนี้นางกลับทำตัวมูมมาม เมื่อเห็นเช่นนั้น จื่อหยุนเอ๋อเลยหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบเนื้อเข้าไปในปากและกัดมันอย่างนุ่มนวล
แม้เนื้อจะไม่สุกมากนัก แต่ก็สามารถกินได้ หลังจากที่นางกัดเพื่อที่จะชิมนั้น รสชาติที่หลากหลายของความเอร็ดอร่อยก็กระจายไปทั่วปาก ความอร่อยของมันทำให้จิตวิญญาณของผู้คนต้องสั่นไหว
ทำไมมันถึงอร่อยขนาดนี้?
จื่อหยุนเอ๋อยังคงรักษาท่าทีอยู่ แต่ยิ่งกินมากเท่าไหร่ ท่าทางของนางก็เริ่มมูมมามมากขึ้นเท่านั้น
“เมี๊ยว!” ทันใดนั้น มีเงาสีขาวกระโจนตัดหน้าพวกเขาไป ก่อนที่พวกทั้งสามคนจะตอบสนองได้ทัน เนื้อบนตะแกรงสองชิ้นก็หายไปแล้ว
“เจ้าแมวขาว!”
หลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อหลุดอุทานออกมาพร้อมกัน มันคือเจ้าแมวขาวที่อยู่บนกำแพงมิใช่หรือ? และในปากของมันยังคาบเนื้อสองชิ้นเอาไว้อยู่ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ราวกับมันกำลังหัวเราะเยาะพวกเขาทั้งสามคน
จากนั้นมันก็เริ่มกัดกินเนื้อทั้งสองชิ้นทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงอ้วนขนาดนั้น
คราวนี้หลิงฮันตื่นตัวเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่อาจตามความเร็วของเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ได้อยู่ดี
“นั่นมันเนื้อของข้า!” หลี่เหว่ยเหว่ยส่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าแมวอ้วน เจ้ากล้าแย่งเนื้อของข้างั้นรึ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
หลิงฮันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้และพูดว่า “จะพูดให้ถูก นั่นคือเนื้อของข้าต่างหาก”
หลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียงและพูดว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นคนของข้า แน่นอนว่าเนื้อของเจ้าก็คือเนื้อของข้า!”
“หืม เจ้าแมวตัวนี้….มันไม่ใช่แมวแต่เป็นสัตว์อสูรระดับพระเจ้า พยัคฆ์ขาว!” จู่ๆหอคอยน้อยก็พูดออกมา “เมื่อวันก่อนข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจมาก มันจะต้องเป็นลูกหลานของพยัคฆ์ขาวไม่ผิดแน่นอน!”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ เจ้าแมวอ้วนตัวนี้ไม่ใช่แมว แต่เป็นเสือ? มันไม่แตกต่างกันเกินไปหรอกหรือ หลิงฮันจึงถามหอคอยน้อยว่า “เจ้ามั่นใจรึ?”
“หึ่ม มีเพียงแค่ลูกหลานของพยัคฆ์ขาวเท่านั้นถึงมีกลิ่นอายที่สูงส่งและความเร็วที่น่าทึ่ง มันจะต้องเป็นพยัคฆ์ขาวอย่างแน่นอน” หอคอยน้อยกล่าว
“แล้วพยัคฆ์ขาวแข็งแกร่งหรือไม่?” หลิงฮันเคยเห็นลูกหลานของมังกรมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“หึ่ม คนที่เจ้าเคยเห็นนับว่าเป็นทายาทของมังกรได้ด้วยรึ?” หอคอยน้อยเยาะเย้ย “คนพวกนั้นมีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเลือดมังกรเท่านั้น แต่ลูกพยัคฆ์ขาวตัวนี้นั้นแตกต่าง มันมีสายเลือดที่บริสุทธิ์มาก แต่ดูเหมือนจะเกิดอะไรขึ้นบางอย่างกับมัน ทำให้ไม่สามารถแสดงเอกลักษ์ของมันออกมาได้”
“แล้วพยัคฆ์ขาวมันแข็งแกร่งแค่ไหน?” หลิงฮันถาม
“แล้วเจ้ารู้จักระดับสร้างสรรพสิ่งไหมล่ะ?” หอคอยถามกลับ
“ถ้ามันกลายเป็นพยัคฆ์ขาวเต็มตัว มันสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง!” หอคอยน้อยกล่าว
“ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?” หลิงฮันไม่เชื่อ “จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
“ยิ่งไปกว่านั้น…..” หอคอยน้อยเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง
“ยิ่งไปกว่านั้นอะไรอีก?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร เจ้าฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเจ้าต่อไปเถิด เรื่องไร้สาระพวกนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!” หอคอยน้อยตอบกลับ
หลิงฮันรู้สึกไม่พอใจกับความเย่อหยิ่งของหอคอยน้อย แต่เขาก็ขี้เกียจเถียงกับมันอีกต่อไปและพูดว่า “แม้เจ้าแมวอ้วนจะเป็นทายาทของพยัคฆ์ขาว แล้วเจ้ามีความสามารถที่จะเอาชนะมันหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าไม่ข้าจะพูดเรื่องไร้สาระให้เจ้าฟังไปทำไม?” หอคอยน้อยกล่าวด้วยท่าทางอวดดี
หึ่ม มันทำตัวอวดดีอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้หลิงฮันไม่สนใจท่าทางของมันและพูดว่า “ข้าจะเอามันมาได้อย่างไร? เพราะมันมีเจ้านายแล้ว!”
“หึ่ม ความภาคภูมิใจของพยัคฆ์ขาวจะถูกจอมยุทธระดับดาราบดบังได้อย่างไร? หากเจ้านำแร่เหล็กระดับพระเจ้าออกมา เจ้าพยัคฆ์ขาวน้อยนี่ก็สามารถดูดซับพลังของแร่เหล็กระดับพระเจ้าเพื่อยกระดับพลังของมันได้” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้หอคอยทมิฬของเขาสามารถสร้างแร่เหล็กระดับพระเจ้าได้ทุกปี หากไม่นำมาใช้ คุณภาพของแร่เหล็กระดับพระเจ้าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้หนึ่งปีได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งเขามีแร่เหล็กระดับพระเจ้าอยู่ในมือแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
“เจ้าพยัคฆ์ขาวนี่ยังเด็กอยู่ และตอนนี้เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมัน หากเจ้ารักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ได้ ในอนาคตมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่มันจะจดจำเจ้าได้ในฐานะเจ้านาย” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันคิดไตร่ตรองเล็กน้อยและนำแร่เหล็กระดับพระเจ้าออกมา อย่างไรก็ตาม เขายังมีเวลาก่อนที่จะทะลวงผ่านระดับพระเจ้า นอกจากนี้ ตราบใดที่เขามีผลึกก่อเกิดจำนวนมาก เขาก็สามารถนำมันไปซื้อแร่เหล็กระดับพระเจ้าได้มิใช่หรือ?
“โอ้ว นี่มันแร่เหล็กระดับพระเจ้า!” ในฐานะที่หลี่เหว่ยเหว่ยเป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย เพียงแค่หลิงฮันนำแร่เหล็กระดับพระเจ้าออกมา นางก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไรและช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกแปลกใจ “เจ้าโง่หลิง เจ้าไปเอาแร่เหล็กระดับพระเจ้ามาจากไหน?เจ้าไม่ได้ไปขโมยใครมาหรอกใช่ไหม?”
หลิงฮันไม่สนใจคำพูดของนาง และแกว่งแร่เหล็กระดับพระเจ้าไปมาทางเจ้าแมวอ้วนแล้วพูดว่า “เจ้าอยากได้แร่เหล็กระดับพระเจ้าไหม?”
ทันใดนั้นเอง ขนของเจ้าแมวอ้วนก็ตั้งชัน มันเป็นทายาทของพยัคฆ์ขาว อีกฝ่ายไม่รู้หรือว่ามันทรงเกียรติแค่ไหน? ช่างเป็นมนุษย์ที่ไม่รู้อะไรเลย! มันแสร้างทำเป็นเมินเฉย อีกฝ่ายคิดว่าแร่เหล็กระดับพระเจ้าจะสามารถทำให้ข้าติดกับได้รึ? ชักจะดูถูกข้าเกินไปซะแล้ว
เมื่อเห็นมันนิ่งเฉย หลิงฮันเลยคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง และนำลูกบอลกำมะหยี่ออกมาจากหอคอยทมิฬและโยนลงพื้น
“เมี๊ยว!” เจ้าแมวอ้วนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และรีบเข้าไปงับลูกบอลกำมะหยี่ทันที และนอนกลิ้งอยู่บนพื้นขณะใช้อุ้งมือของเขาเขี่ยลูกบอลไปมา
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น หลี่เหว่ยเหว่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ในขณะที่จื่อหยุนเอ๋อยังคงรักษาท่าทางเอาไว้ แต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ยังมีอีก!” หลิงฮันขว้างลูกบอลกำมะหยี่อีกลูกออกไป
“เมี๊ยว!” เจ้าแมวอ้วนรีบลุกขึ้นเพื่อไปคาบลูกบอลกำมะหยี่อีกลูก ตอนนี้มันไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย