Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 909
หลัวหลี่รีบวิ่งกลับไปบ้านและไปหาหลัวป้าทันที เขารู้ว่าสติปัญญาของเขาไม่ได้ฉลาดเท่าพี่ชายของเขา ดังนั้นถ้าหลัวป้าเป็นคนจัดการหลิงฮัน อีกฝ่ายจะต้องดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน
“พี่! พี่ชาย!” หลัวหลี่อ้าวิ่งกลับมาด้วยความเหนื่อยและอ้าปากเพื่อพะงาบหายใจ เพราะเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในสำนัก ดังนั้นกว่าจะมาถึงบ้านระยะห่างจึงค่อนข้างไกล ซึ่งปกติแล้วเขาจะเข้าสำนักทุกห้าวันเพื่อฟังการบรรยาย
หลังจากหยุดพักหายใจเสร็จ หลัวหลี่ก็พูดในสิ่งที่เขาเห็นออกมา
หลังจากที่หลัวป้าได้ยินเรื่องดังกล่าว เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “หลิงฮันเอ๋ย ในที่สุดข้าก็จับทางเจ้าได้แล้ว แล้วมาดูกันว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง!”
“พี่ชาย แล้วพวกเราจะลงมือยังไงดี?” หลัวหลี่รีบถาม เขาเองก็รู้สึกเกลียดหลิงฮันมาก
หลัวป้าคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “จับโจรจะต้องจับคาหลักฐาน พวกเราจะปล่อยให้หลิงฮันนำเม็ดยามาขายอีกครั้ง แล้วค่อยจับเขาคาหลักฐานในมือ!”
“พี่ชาย เจ้าหมอนั่นอาจเห็นหน้าข้า บางทีครั้งหน้ามันอาจนำเม็ดยาไปขายที่อื่นก็เป็นได้” หลัวหลี่กล่าว
หลัวป้าพยักหน้าและพูดว่า “มันว่าจะเป็นกรณีใด พวกเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ และรอจนกว่าการทดสอบประจำเดือนสิ้นสุดลง ถ้าพวกเราไม่สามารถจับหลิงฮันคาหลักฐานได้ พวกเราจะไปฟ้องผู้อาวุโสโดยตรงและยิ่งมีพยานด้วยหลิงฮันจะต้องดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน!”
เขาคิดไตร่ตรองอยู่สักพักและพูดต่อว่า “เรื่องนี้ข้าจะขอให้ผู้นำตระกูลออกตัวด้วย หากมีเขาเคลื่อนไหว การจะเหยียบย่ำหลิงฮันให้จมดินไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย!”
“ฆ่าเขา!” หลัวหลี่กล่าวด้วยความแค้น ถ้าหลิงฮันไม่ตาย เขาคงนอนไม่หลับ
หลัวป้าแสยะยิ้ม แต่ความผิดที่ขายเม็ดยาของสำนักยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หลิงฮันต้องตาย เพราะอย่างไรก็ตาม หลิงฮันก็ยังคงเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาวอยู่ดี ซึ่งหาตัวจับได้อย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ แต่ท้ายที่สุดกฎก็ยังคงเป็นกฎ หากผู้นำตระกูลเป็นฝ่ายเข้ามากดดันพวกเขาด้วยตัวเอง เขาสามารถเปลี่ยนเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ และพวกเขาจะต้องขับไล่หลิงฮันออกจากสำนักสีชาดอย่างแน่นอน
หากไม่มีสำนักนภาสีชาดหนุนหลัง จอมยุทธระดับทลายมิติจากโลกใบเล็กจะนับว่าเป็นอันใดได้? เพียงแค่เหยียบด้วยเท้าก็ตายแล้ว
“กล้าที่จะเล่นกับไฟ นั่นคือราคาที่เจ้าต้องจ่าย!” แววตาของหลัวป้ากลายเป็นเย็นชา เป้าหมายแรกของเขาคือหลิงฮัน เป้าหมายที่สองคือหม่าชิง พวกเขาทั้งสองคนจะต้องตาย
ส่วนเฉิงฮ่าวเฟยนั้นเขาไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ เพราะความแข็งแกร่งของตระกูลเฉิงนั้นเหนือกว่าตระกูลหลัวของเขา ดังนั้นจึงทำได้แค่ปล่อยอีกฝ่ายไปเท่านั้น
ส่วนหลัวหลี่เขาต้องการฆ่าหลิงฮันแค่คนเดียว และอดที่จะหัวเราะไม่ไหวแล้ว เมื่อนึกฉากที่หลิงฮันจะต้องถูกเขาเหยียบย่ำ
……
หลังจากที่หลิงฮันกลับมาถึงสำนัก หลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อก็มาหาเขาพร้อมกัน พวกนางขายวัตถุดิบให้เขาหมดแล้ว รายได้ที่ได้รับทั้งหมดคือผลึกก่อเกิดสามสิบหกก้อน แต่หลิงฮันได้รับส่วนแบ่งแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น นั่คือสิบแปดก้อน
ส่วนหลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อ พวกนางได้ผลึกก่อเกิดคนละเก้าก้อน
แม้จะฟังดูน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเงินถือว่ามีมูลค่ามหาศาลมาก แม้แต่หลิงฮันและจื่อหยุนเอ๋อที่เป็นสองในสามศิษย์อัจฉริยะหน้าใหม่ของสำนักยังได้รับผลึกก่อเกิดจากสำนักแค่สองก้อนต่อเดือนเท่านั้น
ในขณะที่หลี่เหว่ยเหว่ยเป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แม้ผลึกก่อเกิดเก้าก้อนจะไม่มากมายนัก แต่นางก็รู้สึกมีความสุขที่ได้รับมันมาด้วยความสามารถของตัวเอง
“จริงสิ เจ้าขาดเรียนวิชาของพี่สุ่ยสองครั้งแล้ว ตอนนี้พี่สุ่ยรู้สึกโกรธเจ้ามาก เจ้าจะต้องถูกนางทำโทษอย่างแน่นอน!” หลี่เหว่ยเหว่ยจ้องมองหลิงฮันด้วยท่าทางมีความสุขกับความโชคร้ายของเขา การทำธุรกิจด้วยกันกับหลิงฮันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ความไม่พอใจของนางกับหลิงฮันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลิงฮันถอนหายใจ หลายวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่เก็บตัวฝึกฝนปรุงยาและต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะหลอมเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ซึ่งเขาจะปล่อยให้สมุนไพรปรุงยาที่เขาซื้อมาสูญเปล่าได้อย่างไร? นอกจากนี้เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋ามีเพียงแค่การปรุงยาเท่านั้นที่เขาสามารถทำได้ ซึ่งเขาไม่ได้มั่งคั่งเหมือนกับนางเสียหน่อยนี่
หลังจากที่พวกนางทั้งสองคนกินข้าวกันเสร็จ พวกนางก็หันไปเล่นกับเจ้าแมวอ้วน แล้วจากกลับบ้านพร้อมกับแหวนมิติที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบทำอาหาร ซึ่งพวกนางไม่ได้รู้สึกสงสัยอุปกรณ์มิติของหลิงฮันเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเขาถึงมีวัตถุดิบมากมายขนาดนั้น
จากนั้น หลิงฮันก็เริ่มปรุงยาอีกครั้ง
สองวันผ่านไปและสามวันก็ผ่านไป เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เม็ดยาที่เขากำลังหลอมอยู่คือเม็ดยาระดับสิบ ซึ่งหลิงฮันไม่อาจเร่งรีบหลอมเม็ดยาให้เสร็จได้
แต่ผลตอบแทนที่ได้รับถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เขาหลอมเม็ดยาสองเตาแรกได้รับเม็ดยาแค่สี่เม็ด แต่อีกแปดเตาที่เหลือเขาสามารถหลอมสำเร็จครบทั้งห้าเม็ด
นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าจักรพรรดินักปรุงยา
หลิงฮันรู้สึกพอใจมาก คราวนี้เขามีเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสี่สิบแปดเม็ด นี่หมายความว่ากำไรที่เขาจะได้รับจะมากกว่าเงินลงทุนถึงหกเท่า
แน่นอนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวมันเป็นเพราะเขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยา หากเป็นนักปรุงยาคนอื่นกำไรสองหรือสามเท่าถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
แต่เม็ดยาจำนวนมากขนาดนั้น เขาไม่อาจนำไปขายร้านเดิมได้อีกต่อไป
สำนักนภาสีชาดมีตลาดมืดอยู่ ซึ่งศิษย์ส่วนใหญ่จะนำไปขายและแลกเปลี่ยนที่นั่น ซึ่งทุกคนจะใช้ผ้าคลุมสีดำปกปิดตัวตนของตัวเอง
หลิงฮันมั่นใจว่าถ้าเขาขายเม็ดยาห้าเม็ดแลกกับผลึกก่อเกิดหนึ่งก้อน เขาจะต้องขายหมดอย่างแน่นอน
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาหลอมขึ้นมาด้วยตัวเอง!
ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาเองยังมีประสิทธิภาพมากกว่าเม็ดยาที่ได้รับจากสำนักถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนกลางคืน หลิงฮันสวมเสื้อคลุมสีดำและไปที่ตลาดมืด หลังจากเดินไปถึงเขาถอดเสื้อคลุมสีดำออกและปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำแทน แล้วเดินไปที่ตีนเขาลูกเล็กๆ
สำนักนภาสีชาดนั้นมีขนาดใหญ่มาก ในสำนักมีภูเขาถึงสามลูก และนี่คือภูเขาลูกที่เล็กที่สุด เมื่อถึงตอนกลางคืนมันจะกลายเป็นตลาดมืด
มันเป็นตลาดมืดได้อย่างไรนั้นไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นทางสำนักจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
แน่นอนว่าตลาดมืดจะเปิดแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะบรรยากาศจะมืดครึ้มและมีเพียงแค่แสงสว่างสลัวๆของดวงจันทร์
หลิงฮันเดินมาอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง เขานั่งลงกับพื้นและปักแผ่นไม้อยู่ด้านหน้า บนแผ่นป้ายเขียนไว้ว่า “ขายเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ ห้าเม็ดผลึกก่อเกิดหนึ่งก้อน ประสิทธิภาพไม่ธรรมดา”
หลังจากตั้งร้านขายได้สักครู่ มีหลายคนที่เดินผ่านหน้าร้านของเขา แต่พวกเขาเพียงแค่หันสายไปมองเท่านั้นและบางคนถึงขั้นแสยะยิ้มเยาะเย้ยออกมาให้เห็น
ของที่ขายในตลาดมืดนั้นมีราคาถูกและของหายาก ถ้าเป็นของทั่วไปพวกเขาไปซื้อข้างนอกในราคาที่เท่ากันไม่ดีกว่าหรือ? ทั้งปลอดภัยกว่าและไม่มีปัญหา
เจ้าบอกว่าเม็ดยาของเจ้ามีประสิทธิภาพไม่ธรรมดาอย่างนั้นรึ?
หลังจากที่หลิงฮันนั่งขายมาหนึ่งชั่วโมง มีชายร่างใหญ่เดินเข้ามา แม้เขาจะสวมเสื้อคลุมสีดำ แต่ก็ไม่อาจปกปิดกล้ามเนื้อของเขาได้มิด
ชายคนนั้นยืนอยู่ด้านหน้าหลิงฮันและพูดว่า “ข้าอยากเห็นสินค้าของเจ้า”
หลิงฮันพยักหน้าและนำขวดยาออกมา ซึ่งในขวดมีเม็ดยาบรรจุเอาไว้หนึ่งเม็ด